แค่ทำ ui ux ให้มันใช้งานง่ายก่อนเถอะ

แอพอื่นมันคิดไม่ได้รึไงงฝ

มองว่าดิสนีย์มันไม่ค่อยทุ่มคอนเท้นต์ลงในสตรีมมิ่งเพราะหลักๆมันมีหนังโรงที่ทำเงินมากมายให้อยู่เเล้ว ในขณะที่สตรีมมิ่งของตัวเองเอาไว้เพื่อเเย่งส่วนเเบ่งการตลาดในวงการสตรีมมิ่ง เพราะปกติเเล้วพวกเครือดิสนีย์มันลงช่องในอเมริกาอยู่เเล้ว พวกช่อง Abc FX หรือสตรีมมิ่ง Hulu เลยจับมารวมไว้ที่สตรีมมิ่ง Disney+ ของตัวเองเลย

ในขณะที่ NF มันไม่ต้องฉายโรง ไม่มีช่องทีวี เลยทุ่มคอนเท้นต์ทั้งของตัวเองเเละที่ซื้อมา มาลงเเบบไม่อั้น เลยมีคอนเท้นต์ใหม่ๆมาให้ดูทุกเดือนๆ ในขณะที่เจ้าอื่นๆพอคอนเท้นต์ชูโรงจบก็ไม่มีอะไรให้ดูเเล้ว
คนเลยนิยม NF มากกว่า

งง เหมือนกันว่า บริษัทระดับพันหมื่นล้าน

ไม่สามารทำให้ใช้ง่าย ลื่นเหมือน nf ได้

อีกพารทนึง คือ ความคิดสร้างสรรค์ ของทีม nf

เคยอ่านมาว่า สมมุติถ้า original content อันนึงสำเร็จแล้ว

เค้าจะพยายามไม่ยึดติดกับอันนั้น มากเกินไป ไม่งั้นมันเป็น comfort zone จนไม่เกิดการ ดิสรัปอื่นๆ และเราอาจไม่เห็นหนัง เกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น เยอรมัน สเปน เกิดขึ้นมาได้เลย

มันจะไปโค่นยังไงได้ หนังนี่แม่งแข่งกันด้วยจำนวนเป็นหลัก แล้วการเพิ่มจำนวนพวกนี้ ก็คือการซื้อลิขสิทธิ์มาใส่

ไอที่แตกหน่อออกมาทั้งหลายอะ มันก็คือเจ้าของลิขสิทธิ์ออกมาสู้เองทั้งนั้น HBO+, Disney+ ฯลฯ
เพราะพวกนี้มันไม่ต้องการจะหารเงินค่าสตรีมกับ Netflix แต่เลือกที่จะกินเต็ม 100% ด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ของตัวเอง

อารมณ์เดียวกับยุคก่อน iTunes ที่ค่ายเพลงแม่งดิ้นรนกันทำเพลงขายสู้การโหลดเถื่อน Napster อะไรงั้น
ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะทุกค่ายเพลงไม่ยอมตกลงคุยกัน สุดท้ายแอปเปิ้ลมันก็เป็นคนกลางดีลให้ ค่ายเพลงมันยอมเพราะถ้าไม่เอาแอปเปิ้ลก็คือไม่มีอะไรให้เอาแล้ว

จริงๆช่วงแรกมี Apple TV ที่แบบพอจะเป็นผู้นำ Streaming ได้สักพักนึง แต่ปัญหาคือมันดีลหนังได้แค่บางค่ายเอง (Pixar, Universal อะไรพวกนั้น) และต้องเสียเงินค่า Apple TV อีกแถมหนังก็ไม่ได้บุฟเฟต์ขนาดนั้น และข้อจำกัดก็เยอะเกิน (เช่าได้ 30 วัน, เปิดปุ๊ปต้องดูให้จบภายใน 24 ชั่วโมง ฯลฯ) ก็เลยไปไม่รอดเท่าไหร่

สำหรับผมนะ ซับไตเติ้ล และ ระบบเสียงครับ

.

เอาตรงๆเลย คิดว่าคุณภาพคนสู้ไม่ได้
พนักงานสายdeveloper สายdata เก่งๆ น่าจะไปทาง netflixเยอะกว่า คุณภาพแอป คุณภาพ recommendation การรับfeedbackข้อมูลมาเป็นidea เตรียมทำเรื่องต่อไป มันมาจากพวกนี้เลย

Disney เป็นบริษัทที่ส่วนตัวผมว่า ไม่ค่อยtake risk และ creativity ต่ำด้วย

netfix คือเอามาหมดนะ หนังแมสหนังดูยาก ช่วงหลังทำ original ของแต่ละประเทศ อีก ให้ทุนมาทำ

Nf เค้าลงแรงกับเรื่องนี้มาก เมื่อก่อนเคยจัดแข่งการทำ recommendation system ใครชนะได้ 1m usd ด้วย

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Netflix_Prize