[RE: แก๊งสาระแนแตกกันเพราะอะไรนะครับ]
มันมองได้หลายมุมนะ แต่ปัจจุบัน เปิ้ลอาจจะเสียเปรียบหน่อยๆ
กล่าวคือ ต้องย้อนไปจุดนั้นก่อน
ซึ่งการทำธุรกิจนั้น ก่อตั้งด้วยกันมา 3 คน
คนแรก บอกเห้ยอย่าทำอะไรเกินตัว เป็นหนี้นะ ก้อนโตเลยไม่ไหวอ่ะ
ข้ามีอีกหลายชีวิต ต้องดูแลนะเห้ย บลาๆ เลยคิดอยากถอนตัว
อีก 2 คน บอกเห้ยไหว ยังไงก็รอดเป็นหนี้นิดหน่อยเอง
เดี๋ยวเอากลับมาได้ ค่อยๆ ไป แต่ยังไม่ล้มเลิกนะ ค่อยๆ แก้ปัญหา
ปล. พอเรามองจุดนี้ ก็เหมือนแทงหวย หรือเล่นหุ้นอ่ะ
บางคนยอม Cut Loss บางคนยอมขาดทุน แล้วค่อยๆ รอเวลา หรือแก้ปัญหาตีกลับได้
. . .
กลับมา ณ ฉากปัจจุบัน
ไอ 2 คนที่บอกเห้ยๆ ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แก้ ดันแก้ปัญหา หรือหนี้ได้สำเร็จ ตามที่คิดไว้
ก็ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ดูจะได้เปรียบหน่อยๆ
ส่วนคนเดียวที่ออกนั้น ก็แอบเสียดายว่า รู้งี้ กูลุยกับพวกมันต่อดีกว่าวะ
เลยพยายาม หาทางคืนดี หรือคุยด้วย ว่าตอนนั้น มันเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่มันสายไปละ
. . .
ซึ่งในอีกมุม What IF ถ้าเกิด มันกลับกันละ
บริษัทเป็นหนี้เละเทะ ไม่สามารถกู่กลับมาได้
ไอคนเดียว ก็จะบอกมาบอกว่า เห็นไหม ข้าคิดไว้แล้ว มันต้องเป็นแบบนี้ นู้นนี้นั้นๆ บลาๆ
. . .
มันมองได้หลายมุม จริงๆ อยู่ที่ ตอนนั้น ใครจะคิดยังไง
ถ้าถามผม ผมจะประเมินตัวเองก่อน ว่ามีความสามารถมากพอ ในการแก้หนี้ได้ไหม
ถ้าได้ก็ลุย ถ้าไม่ได้ ก็ยอม Cut Loss เหมือนเขาเช่นกัน
แต่จะไม่ยอม Cut Loss คนเดียวนะ ต้องเอาเพื่อนไปด้วย
มาด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน เรื่องพวกนี้ มันอยู่ที่ Vision
และการมองธุรกิจ หรือการแก้ปัญหาระยะยาว รวมถึงความเชื่อใจ กันและกันด้วย