ถ้าทำงานแล้วไม่มีความสุขก็ออกเถอะครับ
เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ระยะยาวมันไม่คุ้มกัน

เป็นผมออกครับ ทำงานไม่มีความสุขหรอกแบบนี้ อย่างน้อยอาจจะพอประคับประคองความสัมพันธ์กับพี่สาวที่ไม่ใช่เรื่องงานได้บ้างในอนาคต แต่เรื่องงานบอกเลยเกินเยียวยาละครับ แต่ความอดทนแต่ละคนไม่เท่ากัน ท่านลองพิจารณาดูครับ

ผมไม่เคยเจอการทำงานแบบที่บ้านท่านแบบนี้ แต่เคยเจอแบบผัวเมียทำงานที่เดียวกันเป็นระดับ Manager ทั้งคู่อยู่คนละทีม และเป็นทีมที่ต้องทำงานร่วมกันโดยตรง ผัวก็ไม่เด็ดขาดกับเมีย ส่วนเมียก็อารมณ์ผู้หญิงเอาแต่ใจ เรื่องเยอะ บอกได้เลยว่าทีมงานที่อยู่ภายใต้นี่ประสาทเสียทุกวัน สรุปทีมแตกแยกย้ายครับ

ทำได้แค่นี้แหละ คนเป็นผัวเมีย เค้าเด็ดขาดมากแล้วนะ แต่ถ้าให้ B ออกจากงาน เค้าจะไปทำอะไรอีก ผมว่าพี่เขยนี่ดีมากแล้วนะ ไม่เข้าเข้างเมีย แต่มุมนึงเค้าก็ต้อง protect เมียด้วยการให้ทำงานแต่ในบทบาทที่ลดลงมาเยอะมากแล้ว เค้านั่นแหละจะเจ็บตัวเองทั้งหมด ถ้าไม่สบายจะออกก็ได้ แต่หัวหน้างาน(A)ไม่แย่เลยสำหรับผม อยู่ที่ใจคุณละแหละ

ลาออกแก้ปัญหาง่ายสุด แต่ถ้ายังอยากอยู่ต่อคงต้องปรับอะไรหน่อย
ลองใช้เทคนิคช่างแม่ง เรื่องไหนไม่มีประโยชน์ก็ฟังให้เป็นเรื่องตลก (ถ้ายังไหวนะ)
เรื่องงานเรื่องเงินก็ข้ามหัวไปคุยกับ A เลย โดยเฉพาะเรื่องเงินต้องเอาให้เคลียร์
ถ้าเลือกได้ก็พยายามทำงานร่วมกับ B ให้น้อยที่สุด

ส่วนเรื่องอื่นๆก็มอง B เป็นอากาศธาตุเอา แต่ก็ไม่รู้จะทำได้มั้ยเพราะนั้นคือพี่สาวคุณ จะลองหักดิบซักเดือนนึงก็ได้
ถ้าคนในออฟฟิศก็ไม่ได้ชอบ B อย่างที่เล่า ยังไงทุกคนก็อยู่ข้างคุณอยู่แล้ว

พูดก็พูดเถอะ ผมโคตรเบื่อการเมืองในที่ทำงานเลย

คุยกับพี่ A ก่อนครับ ว่า เรื่องที่โดนมาเป็นยังไง

แล้วโดนเรื่องอะไรมากี่ครั้งแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่แล้ว ผมมาทำงานแล้วมีแต่ความทุกข์ เดี๋ยวเป็นซึมเศร้า

แล้วก็พูดหยอดพี่ A ไปว่า ผมไม่ลืมนะพี่ ที่พี่ช่วยผมซัพพอร์ทผมมาตลอด ถ้าพี่อยากให้ช่วยงานอะไรเป็นครั้งคราว พี่บอกผมได้เลย ผมยินดีช่วยพี่มากๆ

แต่ตอนนี้ถ้าผมยังอยู่นี่ต่อ ผมว่า ผมต้องพบจิตแพทย์แน่ๆ

ผมเลยมาบอกพี่ว่า เดี๋ยวผมจะพยายามเคลียร์งานที่ค้างๆให้เสร็จ แล้วระหว่างนี้ พี่ลองหาคนใหม่ดู

พอได้คนใหม่มา เดี๋ยวผมช่วยสอนเอง จนกว่าจะเป็น แล้วถึงตอนนั้น ผมขอออกไปช่วยงานป๊านะครับ

ถ้ามาพูดแบบนี้ เป็นผมๆโอเคนะครับ อาจจะมีรั้งบ้าง แต่อาจจะอ้างไปว่า พี่ ผมไปพบจิตแพทย์มาแล้ว (ทั้งที่จริงยังไม่ได้ไป) เค้าบอกว่า ผมเริ่มมีอาการแล้ว

คือดีไหม พี่ A ดีมาก ๆ กับผม สอนผม ซัพพอร์ตผมหมดเลย

แต่อย่างปัญหารอบนี้ ผมแค่ งง ว่าผมเกี่ยวอะไรด้วย

ทั้ง ๆ ที่เขาทะเลาะกันเองแท้ ๆ แต่ผมดันโดนลากไปเกี่ยวด้วยครับ

จะว่าพี่ B โกรธที่ผมไปด่าเขา ผมก็ด่าแต่เรื่องงาน แต่ผมด่ากับพี่ A ให้ฟังนะครับ

ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ผมทำผิดหรือยังไง ซึ่งพี่ A บอกว่าผมไม่ผิดเลย

และเข้าใจขั้นตอนการทำงานทั้งหมด

สุดท้ายกลายเป็นผมที่มานั่งไม่สบายใจ อยากออก

เรื่องที่ผ่านมา แกรู้เห็นหมดครับ

แม้แต่เรื่องที่โอนเงินไม่ครบ เวลาทะเลาะกัน

แกก็ต้องเอาเงินสดมาให้ผมหลังบ้าน เพราะกลัวพี่ B รู้แล้วจะโกรธ

เพราะเวลาโอนเงิน สลิปโอน มันจะเด้งเข้าเมลล์พี่ B

เดี๋ยวจะพากันทะเลาะ พากันน้อยใจอีก

ขนาดแกบอกให้ขึ้นเงินเดือนให้ผม พี่ B ไม่ขึ้น แกบอก 3 รอบ

กลายเป็นสุดท้ายแกก็เลือกที่จะเฉย แล้วมาให้ผมหลังบ้านแทน

แกบอกแค่ว่า ถือว่าให้เกียรติที่เขาเป็นคนโอนเงิน ทั้ง ๆ ที่แกเป็นเจ้าของบริษัทนะ

ผมก็มาคิดได้เมื่อกี้ว่า

แล้วผมละ ใครให้เกียรติผมบ้าง เวลาผมเจอปัญหาแบบนี้

ขนาดจะไปกินข้าว กินเหล้ากับแก 2 คน แกยังไม่กล้าบอกพี่ B ตรง ๆ เลยครับ

กลัวพี่ B น้อยใจ

บางทีจะคุยเรื่องงาน กับบ่นปัญหาเรื่องพี่ B

แกต้องนัดเจอผมที่สวนสาธารณะ เพื่อเดินออกกำลังกาย แล้วคุยกัน

มันถึงขั้นนี้ได้ยังไง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

ให้มันเป็นปัญหาของ A กับ B

ท่านลาออกมาเถอะ ถ้ามีทางไปน่ะ
จริงๆปัญหาผมว่า A รู้อยู่แล้วว่าควรทำยังไง อยู่ที่กล้าทำมั้ย ไม่ต้องไปห่วงอะไรเขาหรอก
พี่ A น่าจะเข้าใจว่าปัญหาของคุณคืออะไร เพราะงั้นออกก็ไม่น่ากระทบความสัมพันธ์
ส่วนความสัมพันธ์กับพี่สาวท่าน ให้มันจบๆไปแบบไม่ต้องคุยกันละกัน ถ้าเป็นผมนะ

เข้าใจครับ ปัญหาตอนนี้คือดันเกิดความอึดอัดจากพี่สาวแท้ๆ นอกจากว่าคุณจะใจแข็งเป็นหิน สามารถมองข้ามหัวพี่สาวคุณได้ ก็คงอยู่ได้ครับ เพราะทุกปัญหาพอคุยกับ A แล้วเขาคลี่คลายให้ได้และถือหางคุณพอสมควร มองแง่ดีถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ผมว่าไม่น่าจะนานก็น่าจะเข้าที่เข้าทาง ถ้าไม่มีคนให้ท้าย B เดี๋ยวก็เบาครับ ติดที่ว่าคุณใจแข็งพอรึเปล่าตอนนี้

แต่ดูจากนิสัยแล้ว ผมไม่นับเป็นพี่ละ เหลือแค่ว่าลำบากแค่ไหนในการทำงาน

ความคิดแว่บแรกหลังอ่านจบ นาย A เอา B มาเป็นเมียได้ยังไง ความคิดและการกระทำโคตร toxic เป็นพิษกับคนรอบข้าง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีตรรกะ เรียกว่านิสัยเลวร้ายเลย

คำแนะนำคือ ลาออกแน่นอน ไปให้เร็วที่สุด ถ้าส่งกระทู้นี้ให้นาย A อ่านน่าจะรู้ว่าต้องจัดการเมียยังไง ก่อนทุกคนในบริษัทจะทนไม่ไหว

ไม่อยากจะเชื่อว่านี้คือพี่แท้ๆอะ แล้ววุฒิภาวะโคตรต่ำ น่าจะเพราะไม่มีคนเตือนแกมานานหรือเปล่า ปล่อยจนสุดท้ายมันระเบิด คนอื่นทนไม่ไหว
เปนผมถ้ามีงานรองรับแล้ว ผมก็ออกนะ อยู่ทำไมวะ

ก็ตามที่แนะนำไปเลยครับ

บอกว่า ผมไม่ลืมนะพี่ ที่พี่ช่วยผมซัพพอร์ทผมมาตลอด ถ้าพี่อยากให้ช่วยงานอะไรเป็นครั้งคราว พี่บอกผมได้เลย ผมยินดีช่วยพี่มากๆ

ผมไปพบจิตแพทย์มาแล้ว (ทั้งที่จริงยังไม่ได้ไป) เค้าบอกว่า ผมเริ่มมีอาการแล้ว

ผมเลยมาบอกพี่ว่า เดี๋ยวผมจะพยายามเคลียร์งานที่ค้างๆให้เสร็จ แล้วระหว่างนี้ พี่ลองหาคนใหม่ดู

พอได้คนใหม่มา เดี๋ยวผมช่วยสอนเอง จนกว่าจะเป็น แล้วถึงตอนนั้น ผมขอออกไปช่วยงานป๊านะครับ

ออกครับ ถ้าคนที่มีความสำคัญลาออกไป อาจเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่ A เด็ดขาดกับเมียตัวเองมากขึ้น แล้วในอนาคตอาจจะกลับมาทำงานร่วมกันอีกทีก็ไว้ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ผมว่าหาที่สบายใจของเราก่อนดีกว่า

ปัญหามันก็ชัดเจนว่าอยู่ตรงไหน

ที่พอจะนึกออกคือให้เจ้าตัวไปทำตำแหน่งอื่น เพื่อให้ workflow มันดีขึ้น
ถ้าหนักเกินเยียวยา ก็ให้อยู่บ้านเฉยๆไปทบทวนสิ่งที่จขกทเล่ามาว่าอันนี้ดีมากน้อยแค่ไหน(ประเมินตัวเอง)
จะให้ใครแจ้งก็ดูดีๆ เอาคนที่เค้าไม่ bias พูดอะไรก็พร้อมรับฟัง


หรือมองว่าเกินหน้าที่ของเราแล้วก็ออกมาครับ

ไปเถอะ แต่ก่อนไปช่วยคุยกับAตรงๆ ว่าตอนนี้ปัญหาที่ทำงานที่เกิดจากB มีอะไรยังไงบ้าง ก่อนที่บริษัทเค้าจะไม่เหลือคนทำงานให้

ถ้าเค้าไม่แก้ไข บริษัทจะรอวันเจ๊งนะ