ง่ายสุดก็ออกไปหาทำที่ใหม่ครับปล่อยให้ปัญหาของบริษัทเขาเคลียร์กันเอง
ทำงานแบบครอบครัวก็แบบนี้แหล่ะครับเด็ดขาดไม่ได้
เราเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้หรอกให้คนอยู่ปวดหัวกันต่อไป555

อ่านจนจบ ออกเถอะครับ เห็นละทั้งสงสารและชื่นชมท่านมากๆ ที่อดทนได้ขนาดนี้ 5555
คนอย่างนี้ผมไม่ทำงานด้วยตั้งแต่วันแรกๆละครับ แต่ว่าถ้าเป็นครอบครัวตัวเองผมอาจจะกลับบ้านมาด่ากันตรงๆก่อน แต่ถ้าสมมุติยังเถียงหรือไม่ฟังกัน ผมก็คงไม่คุยรอบที่ 2 ละ เพราะผมมองว่าคุยไปก็ภาพเดิม ดังนั้นสิ่งที่ถัดมาคือผมจะ Raise เรื่องและปัญหาทั้งหมดหาพี่ A แล้วถ้าพี่ A ไปเคลียร์กับ B คล้ายๆตามเรื่องที่ท่านเล่ามา แล้วตัวเราเองยังต้องทำงานกับ B ต่อ ผมออกครับ ถือว่าผมอธิบายไปหมดแล้วปัญหาคืออะไร แต่สุดท้ายยังให้ทำงานกับ B อยู่ดี ผมก็เลือกที่จะไปดีกว่า

ลองคุยกัน 3 คนดูครับ แต่เข้าใจว่า พี่ B แกก็คงไม่ได้อยากคุย หรืออะไรยังไง แต่ก็ยื่นไปก่อนได้ครับ คุยเคลียร์กันไปเลย ไม่ต้องด่า แต่บอกถึงปัญหาว่า ถ้าการเงินติดขัดเบิกเงินอะไรยังไงไม่ได้ ปัญหาที่ตามคืออะไร จะไม่พอใจอะไรยังไง แต่งานมันต้องเดิน เงินก็ต้องเบิกจ่าย ถ้าตกลงกันไม่ได้ แยกย้ายกันไป แต่ผมเข้าใจว่า ถ้าต้องมาทน Toxic แบบนี้ แล้วยิ่งเป็นคนในครอบครัวที่ เราจะตัดขาดไม่ได้อีก มันลำบากใจ เพราะงั้น ลองปิดห้องคุยกัน 3 คน อะไรที่เขาคิดไปเอง ก็เคลียร์ไป ถ้าเขาจะไม่เข้าใจ ก็เรื่องของเขา คิดเองเออเองไปหมด หัวโขน กับการเป็นเมียเจ้าของ ถ้ายังทำตัวแบบนี้ ใครอยากจะทำงานด้วย พนักงานใครจะทน มันก็ turn over กันเรื่อยๆ สิ คุยด้วยปัญหา ถ้ายังคุยกันไม่ได้ ท่านก็ยื่นใบลาออกไปเลย ถ้าจะทำตัวใหญ่แบบนี้ เอาจริงๆนะ บ้าบอ จะอยากอวดศักดาอะไรหนักหนา ถ้าไม่คุยท่านก็ ยื่นออกไปเลย สบายใจไป บอกพี่ A ไปว่าจริงๆ ก็อยากทำงาน แต่ถ้าต้องเจอ Toxic แบบนี้ตลอดก็ไม่ไหว ผมมองถ้าเขาแก้ปัญหา เขาควรแก้ไปนานแล้ว เพราะดูแกก็มีอำนาจ พี่ B ก็ดูเกรงใจ แต่ถ้าแกไม่เด็ดขาด ปัญหาก็ไม่จบ ไม่ว่าจะเอาใครมาทำงานด้วย

พิมพ์ยาวหน่อยนะครับ แต่ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เพราะฉะนั้น การใช้คำพูดสำคัญ ถ้ามาโดนด่าอย่างกับหมู กับ หมา เพราะเป็นเมียเจ้าของ บริษัท และมีอำนาจในทางการเงินในการโอนจ่าย แต่เลือกจะทำให้งานมีปัญหาก็สมควรที่โดน พี่ A ว่า นี่ถ้าไม่ใช่เมียเจ้าของ ก็คงปลิวไปนาน ทำงานก็ไม่เข้าออฟฟิศอีก เพราะฉะนั้น พี่ A ควรเด็ดขาดกว่านี้ ทำให้ พี่ B ทำงานเป็นพนักงานในออฟฟิศ ไม่ใช่เมียในออฟฟิศ

เป็นผมไม่ออก แต่คุยกะ A เอ ให้เข้าใจก่อน ถ้าพี่เขยใช่ปัญหา น่าจะรวมกันนัดคุย แล้วสวดพี่สาวเราเองชุดใหญ่ๆซักรอบ ยังไงก็คนในครอบครัว แล้วที่บเาคือพี่สาวเราเอง

ผมไม่รู้นิสัยส่วนตัวจริงๆพี่สาวท่านเป็นอย่างไรนอกเวลาทำงาน
แต่ความเห็นส่วนตัวถ้าพี่สาวท่านtoxic ต่อคนรอบข้างขนาดนี้ เป็นผม ผมเลือกลาออกเอง
ต่อให้เคลียร์กันได้วันนี้ ถ้าพี่สาวท่านไม่แก้นิสัยtoxic สักวันก็ต้องเกิดขึ้นอีก ซึ่งดูแล้วคงยากที่จะพิจารณาตัวเอง
แล้วแก้นิสัยนี้ ก่อนออกท่านก็บอกพี่สาวท่านตรงๆไปเลยว่ามุมมองท่านเป็นยังไง ถ้าพี่สาวยอมรับฟังนะ ถ้าไม่รับก็เรื่องของมึง

ปัญหาหลักๆนะ

1. A ไม่เด็ดขาดกับเมียตัวเอง เอาแต่พูด เอาแต่ด่า แต่ไม่แก้ปัญหา ปัญหาหลักมันคือสันดานคน ซึ่งแก้ไม่ได้แล้ว ใครทำงานด้วยก็ทำไม่ได้หรอก เมียตัวเองถือว่าตัวว่าเป็นใหญ่ในออฟฟิศ อยากจะพูด อยากจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ทั้งนั้น งานจะชิบหายไม่สนใจ

2. B พี่สาวคุณเอง นี่ขนาดเป็นคำพูดจากฟังคุณที่เข้าข้างพี่สาวตัวเองแล้วนะ มันยังแย่ขนาดนี้ อันนี้ถ้าบอกในมุมคนนอกก็ต้องบอกว่าเป็นที่นิสัย แก้ไม่ได้ มันคือความเห็นแก่ตัวแบบที่สุดที่พอเขาเข้าตาจน เขาพร้อมจะฟาดฟันทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งตัวคุณเอง ถืออารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ไม่สนเหตุและผล ไม่มีความเกรงใจใครใดๆทั้งสิ้น เอาตัวเป็นศูนย์กลางทุกอย่างเวลาจะคิดอะไรก็ตาม คนแบบนี้ในชีวิตจริงผมไม่คิดจะเสวนาด้วยอ่ะ แม้จะเป็นพี่น้องกันก็ตาม เพราะรู้เลยว่าพอมีปัญหาแม่งโทษกรูแน่ๆ อย่างของคุณ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันดีอาจเป็นเพราะเขายังไม่เข้าตาจนให้คุณเห็น รวมถึงคุณไม่อยู่ในสมการของปัญหาจนเขาไม่สามารถโทษคุณได้ อยากให้คุณรับรู้ไว้ด้วยว่านี่ล่ะตัวตนพี่ของคุณ

ทางแก้ก็คงต้องลาออกนั่นแหละ ตัดจบทุกปัญหา ดูทรงแล้วคุณก็คงยังรักพี่สาวตัวเองแหละ ถึงเขาจะนิสัยแย่ยังไงก็ตาม และดูคุณคงไม่กล้าเถียงหรือตำหนิพี่สาวตัวเองตรงๆด้วย เวย์ที่คุณลาออกเองคงเหมาะสมที่สุด ที่เหลือก็ให้เป็นปัญหาของเขาเอง ขืนคุณยังอยู่นะ สมมุติเขาไล่พี่สาวคุณออก พี่สาวก็จะมาโทษคุณว่าเป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าตัวคุณไม่คิดสู้เลย สุขภาพจิตคุณแย่แน่ๆ ผมขอเตือน คนแบบพี่สาวคุณถ้ายิ่งเจอคนที่ไม่สู้กลับ เขายิ่งชอบ เพราะจะรู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าแล้วทำอะไรก็ได้ พูดอะไรก็ได้

แต่อันนี้ก็แค่มุมคนนอก คงเอาไปคิดรวมทั้งหมดไม่ได้ เบื้องลึกอาจต้องไปไล้่ดูว่าพี่สาวคุณกำลังเจอปัญหาอะไรรึเปล่า ลองนั่งเคลียร์ใจกันสองคน พูดกันตรงๆดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาอาจจะเจอปัญหาหนักอยู่ก็ได้

ลองนัดคุย ข้างนอกเลยครับ 3 คน A B พูดแบบเปิดใจ คุยกันตรงๆ แต่เลือกใช้คำพูดหน่อย แบบนี้เหมือนหนี ปัญหา ทั้ง A B รวมถึงท่านด้วย จริงๆ ปัญหาๆ หลัก คือ B แต่ส่วนนึง ก็มาจาก A ด้วย ในเมื่องานไม่ได้ A ควรเอาคนอื่นมาแทนสิ ต่อให้เป็นเมียก็เถอะ

ให้กำลังใจคุณนะ
และเห็นด้วยกับเม้นอื่น ๆ ว่าควรคุยกันสามคน ให้สามคนได้พูดออกมาครับ กึ่งทางการก็ได้นะ จะได้ไม่ค้างคา

ก็มีงานที่บ้านรองรับอยู่แล้ว ก็ออกไปทำที่บ้านสิครับ

ส่วนเรื่องตัง ได้ 27k แทนที่จะได้ 30k อันนี้มันเข้าข่ายยักยอกเลยนะ แต่เข้าใจแหละว่าไม่อยากฟ้องพี่น้องตัวเอง แต่แบบนี้ถ้าคุณ A ไม่มาเป็นคนดูแลเงินเอง ปัญหาก็ไม่จบหรอก

ผมไม่ชอบที่สุด คือทำงานกับเพื่อน ญาติ พี่น้อง เช่น พองานมีปัญหามันจะมีจุดเกรงใจ และงานจะไม่เดินต่อ จะด่าก็ไม่กล้าด่า เวลางานรีบๆปัญหาก็พามาลำบากเราอีก
ถ้าเป็นผมออกนะ เพราะพี่ B ไม่มืออาชีพและมีแนวโน้มว่าจะไม่แก้ไขด้วย

ผมไม่ช่วยตัดสินใจนะ

แต่มีสิ่งนึงที่อยากกล่าวกับคุณคือ

“คนที่ใจเย็น อดทน และมีวุฒิภาวะสูงอย่างคุณ ไปทำงานที่องค์กรไหนก็ได้ครับ”

ลองต่อรองเงินเดือนขึ้นมั้ยคับสัก 10-20% บอกเค้าว่าเป็นค่าหาหมอจิตเวช ถ้าไม่ได้ก็หางานอื่นดีกว่า อาจจะดีหรือแย่ลง แต่ก็ไม่เป็นแบบนี้

ดูแล้วบริษัทน่าจะเสียคนเก่งๆไปบ้างแหละพอเจอToxicจากพี่Bไป ขนาดน้องชายแท้ๆของพี่Bอย่างท่านยังอยู่ไม่ได้ แสดงว่าหนักจัด

บอกพี่ A ว่าจะเอา B หรือ Business มีแค่ทางใดทางหนึ่ง

ปัญหาคือ B ซึ่ง A ก็จัดการไม่เด็ดขาดมากพอ

ทางออกที่ดีที่สุดคือ เอาทางที่ท่านสบายใจมากที่สุด save ใจตัวเองไว้ก่อนครับ ก่อนที่ตัวท่านเองจะมีปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งมันไม่สนุกเลย ส่วนใครจะเป็นจะตายยังไงช่างแม่ง

เป็นกำลังใจให้ครับ