เหลือ 10 ตัวกระทันหัน ทุกอย่างเลยยากไปหมด 45 นาทีเต็มๆที่ตัวเสียเปรียบ

อ่านมาหลายทู้ ใจเย็นๆกันหน่อยครับ เพิ่งไม่กี่นัด อย่าให้ต้องถึงขั้นงัดเอา tag #SaveAmorim มาใช้กันเลย

เข้ามาคุมทีมกลางฤดูกาลมันเป็นงานยากอยู่แล้วครับ ตอนคลอปป์เข้ามาคุมแทนรอดเจอร์ก็มีชนะสลับแพ้บ้างเหมือนกัน แถมอโมริมน่าจะเจองานยากกว่าคล็อปในตอนนั้นอีก คือ

1.อโมริมเข้ามาทำทีมในช่วงที่เดือน พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่โปรแกรมเตะเริ่มถี่แล้ว สัปดาห์นึงเตะ 2 แมตช์ (คล็อปมาเดือนตุลาที่ยังไม่มีโปรแกมกลางสัปดาห์และไม่ได้เปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด) อันนี้ส่งผลโดยตรงคือทำให้โค้ชและนักเตะมีเวลาซ้อมกันน้อย เฉลี่ยสัปดาห์นึงได้ซ้อมเต็มทีมแค่ 1 วัน (เตะ 1 วัน ตัวจริงที่เล่นพัก 1 วัน ซ้อมเต็มทีม 1 วัน เดินทาง 1 วัน เตะนัดต่อไป) วนอยู่อย่างนี้ ยิ่งพี่แกดันเปลี่ยนระบบอีกยิ่งไปกันใหญ่ นักเตะเลยไม่ค่อยมีความเข้าใจแผน ผลลัพธ์เลยออกมาอย่างที่เห็น

2. บรรยากาศในองค์กรไม่ส่งเสริม ทั้งเคสแรชฟอร์ด เคสปลดพนักงาน การลาออกของแดน แอชเวิร์ธ ทุกยอ่างส่งผลต่อกันหมด สภาพจิตใจก็น่าจะพอๆ กับแมนซิตี้ ช่วงนี้ คือ 1.หมดแพชชั่น 2.มีความกดดัน

สุดท้ายผมว่าหลังปีใหม่ทิศทางในลึกของแมนยูน่าจะดีขึ้น ถ้าวันที่เจอลิเวอร์พูลแล้วสู้ได้สูสีฟอร์มโดยรวมอาจมาเร็วกว่าที่คิด หากได้เิร่มซ้อมสัปดาห์ละ 3 เซสชั่น และปลดล็อคการชนะในลีก 2 นัดติดได้ ผมว่าเราจะได้เห็นแมนยูอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างจากตอนนี้