ไม่เหมือนครับ ในฐานะคนสัมภาษณ์ ในไทยผมเลือกคุยแค่ 3 มหาลัย

อันดับมหาวิทยาลัยมันวัดศักยภาพคนได้จริงๆนะ

กว่าจะเข้าได้ กว่าจะผ่านตามเกณฑ์หลักสูตรนั้น มันคัดกรองคนไปแล้วรอบหนึ่ง

ยังไม่รวมตรรกะ วิธีคิด สังคมที่ส่งผลต่อนิสัยต่างๆ

สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตต้นทุนจากทางบ้านครับ

นอกเรื่องฮะ ท่านเล่นพันดริฟเปล่าฮะ เห็นมียูซนึงชื่อยูชคล้ายท่านเลยไปตอบมู้แนะนำในพันดริฟเรื่องจะเลื่อนตำแหน่งลูกน้องมีตัวเลือก เก่ง แต่ไม่มีวินัย vs เก่งกลาง แต่นิสัยดี อะไรซักอย่าง

ตามนี้ทุกประการ

***จากคนเคยคัดเด็กเอง

ทอปของจุฬา สั่ง1ได้2-4 ทำมาให้เลือก
พวกราชภัฎสั่ง1ได้0.7-0.8แบบต้องตามด้วย

คนละแบบเลย คุยอะไรพวกจบม.ดังต้นๆนี่เข้าใจอะไรเร็วมาก
ให้ความเห็นได้ด้วย
แต่พวกจบไม่สูงนี่กลัวที่จะตอบ

ไม่จริงสำหรับคนทั่วไปแต่เป็นจริงสำหรับคนเก่ง จบมาจากไหนมันก็เก่งอยู่ดี

ไม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กจากที่ไม่ใช่ระดับTopจะไม่มีคนที่เก่งกว่า

10คน ม.ระดับTopอาจมีจำนวนคนที่ความรู้พื้นฐานผ่านเกณฑ์มากกว่า ไม่ต้องใช้เวลาเฟ้นหาเยอะ

HRฐานะคนกรองแรกต้องกรองจากข้อมูลน่าสนใจที่สุดในกระดาษก่อน จะจับมาสัมภาษณ์ทุกคนคงไม่ไหว

ด่านสุดท้ายหัวหน้างาน ถ้าคุยจนจบแล้วสนใจมากกว่า1สิ่งแรกที่ทำคงเป็นกลับไปดูข้อมูลในกระดาษประกอบการตัดสินใจ

ผมคิดว่าระบบการศึกษาเป็นตัวคัดกรองในเชิงสถิติ

ไม่จริง
ไม่งั้นจะมีการจัดแรงค์มหาลัยกับมีสอบเข้าไปเพื่ออะไร

ไม่เหมือน แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใครจากมหาลัย เป็นภาพรวมละกันที่ค่อนข้างชัด สายงานผมมอดังเรื่องความรู้ เรื่องเซ้นส์ต่างๆจะดีกว่ามอรองชัดเจน แต่สุดท้ายมันเรื่องการทำงานร่วมกัน นิสัยอีก มหาลัยไม่สามารถบอกได้เลย

ไม่ได้จะบูลลี่หรืออะไรนะ อันนี้ผมเทียบให้เห็นภาพ

ถ้าท่านมีลูกแล้วต้องเลือกเรียน ท่านจะให้ลูกเรียนโรงเรียนไหน
1.ครูจบจาก ฬ.ทั้งโรงเรียน (แต่เป็นพวกเกรดทั่วๆไป)
2.ครูจบจากราชภัฎทั้งโรงเรียน (แต่ระดับหัวกะทิ เกียรตินิยม)

ซึ่งค่าในวงเล็บเราไม่มีทางรู้นะครับ

อ่ะท่านเลือกเอา แล้วลองคิดดูว่ามหาลัยมีผลไม๊

ประโยคนี้ ถ้ามุมในภาพใหญ่ ต้องตอบว่าไม่จริง เพราะเทียบคุณภาพเฉลี่ยของบัณฑิตที่จบมาแต่ละที่ก็รู้ๆ กัน

แต่ถ้ามองเป็นเคสๆ ไป ก็ต้องตอบว่า ไม่แน่ เพราะอาจเจอคนเก่งและไม่เก่งได้ทั้งนั้น

มีบ้างที่เจอเด็กจบมหาลัยล่างๆพอจะทำงานสู้มหาลัยทอปได้ในบางเรื่อง แต่ถ้าเรื่องไหนที่ใช้ทักษะขั้นสูงนี่ยังไงก็ต้องเอาเด็กจบมหาลัยทอปก่อน