การที่ต้องหาคำคม คลิปแรงบันดาลใจฟังบ่อยๆ

สื่อ ว่า เรากำลังท้อแท้ หมดหวัง หากำลังใจ หาที่พึ่งพาทางใจ รึเปล่าครับ

อันนี้ผมแค่สงสัยส่วนตัวเฉยๆ

เพราะที่สังเกตตัวเอง ว่า เวลาไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหนักๆ ก็จะไมสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

สำหรับผมคลิปพวกนั้น โคตรเปลือกเลยอ่ะ ส่วนมากที่เห็นในเฟสนะ เอาหล่อเฉยๆ

ผมมีช่วงที่ท้อแท้อยู่เยอะ ก็มักจะไปย้อนดู คลิปคนที่หนักกว่าผม

ตัวอย่างของคนที่ผม ย้อนไปดู อภิรัก แซ่ฮ้อ จากตี 10 ช่วยปลุกผม ขึ้นมาได้อยู่

ไม่รู้จะเรียกว่าทั้งหมดดีมั้ย

แต่เชื่อว่า เวลาชีวิตคนเรากำลังเคว้งทั้งจากการงาน, wealth money, หรือความรักที่ย่ำแย่ ช่วงนั้นหลายคนจะเลือกคำคม / podcast เป็นการปลุกกำลังใจและ heal ความรู้สึกทางใจแน่ครับ

สำคัญที่สุดคือ การสร้างกำลังใจจากภายในตัวเองครับ

Positive thinking สำคัญมาก ต่อมาก้จะเป็นจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือ เพื่อน และอย่าด้อยค่าตัวเอง ครับ

เอาจริงๆมันก็ดีครับ พวกหนังสือ คำพูดพวกฮีลใจ ไรแบบนี้บางทีช่วยให้เราตกผลึกกับบางเรื่องได้ง่ายขึ้น เอาจริงกับบางอย่างถ้าเราคิดแบบโลกสวยมันให้เรา move on ง่ายกว่าจริงๆ คนเราไม่ได้ถูกกับความเครียดสักเท่าไหร่นะ ยิ่งเครียดนาน ยิ่งส่งผลทั้ง ร่างกายจิตใจ เพราะมันเกี่ยวกับฮอร์โมนที่หลั่งออกมาทำให้ เกิดผลกระทบแย่ๆหลายๆอย่างด้วย

คำตอบอยู่ในคำถามเลยครับ มีทั้งเป็นแบบนั้นและไม่เป็นแบบนั้น

สำหรับผมต่อให้แย่ ผมก็จะไม่ฟัง ไม่อ่านคำคมอะไรพวกนี้เลย ผมชอบฟังเรื่องเล่าประสบการณ์ในชีวิตจากคนอื่นมากกว่า "อย่าหาว่าน้าสอน" นี่ชอบมาก มันได้รับบทเรียนอะไรจากเรื่องราวคนอื่นมากทุกเพศทุกวัย เพราะชีวิตจริงของเราไม่มีโอกาสให้ผิดพลาด ล้มเหลวได้ทุกเรื่อง

พวกคำคมสอนใช้ชีวิต สอนให้เกิดความคิดกับชีวิต พวกนี้โดยมากมันพูดไปเรื่อย ยิ่งพวกคนต้นทุนพื้นฐานชีวิตดีมาพูดแนวทางการหาเงินสร้างรายได้ โคตรปลอม โคตรน่ารำคาญ

สั้นๆ​ ก็คลายเครียดแหละครับ

จากผลการวิจัยพบว่าวันที่คนออกกำลังกายมากที่สุดคือ วันพรุ่งนี้​

ผมมองว่ามันเป็นทางเลือกสำหรับปรับปรุงสุขภาพจิตของเรา​ เอง​ เช่นข้อความข้างบนที่หามาจากในเน็ต​ อ่านแล้วได้ยิ้ม​ อันนี้ถือเป็นการสร้างพลังใจอีกวิธีหนึ่ง​ เหมือนอ่านขายหัวเราะ​ มหาสนุก​ สมัยก่อนผมซื้ออ่านตลอด​ มุกฝืดบ้างฮาบ้าง​ แต่อ่านแล้วผ่อนคลาย​ ตรงนี้คือประโยชน์จริงๆของมัน

ส่วนพวกสื่อที่ให้เกิดความเครียด ไม่ว่าจะด้านภาพ​ ข้อความหรือเสียง​ ก็จะเป็นสสารคู่ตรงข้าม​ ที่สร้างผลกระทบแก่จิตใจให้สูญเสียพลังงานบวกไปจากจิตใจ​ จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความระมัดระวังของเราเอง

การที่คนมีปัญหาจะต้องการที่พึ่งมากกว่าคนปกตินั้นเป็นเรื่องปกติ​ เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างก็ต้องการมีความหวังเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจตนเองให้สู้กับโชคชะตาที่ไม่แน่นอนและมีชีวิตรอดต่อไป​ กรณีที่จิตใจขาดพลังงานเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง​ สมมุติว่าหาพลังงานฟอสซิลมาใช้งานในช่วงนั้นไม่ได้​ พลังงานทดแทนจึงมีโอกาสจะถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาพลังงานจากจิตใจไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ​

เนื่องจากคนเป็นสัตว์ที่ฉลาดมากเป็นพิเศษ​ ดังนั้นทางออกของเราจึงมีได้หลากหลาย​ ทั้งลงอ่าง​ เลี้ยงเด็ก​ ดูคลิป​ ดูหนัง​ ดูสารคดี เล่นเกม อ่านหนังสือ​ ฟังเพลง​ เล่นดนตรี ออกกำลังกาย​ เลี้ยงสัตว์ ช่วยสังคม​ หรือเข้าวัด ทั้งหมดคือการหาพลังงานทดแทน​หรือเพิ่มเติมแก่ส่วนที่เราต้องการ ส่วนจะเป็นพลังงานที่มีสารอะไรปนเปื้แนมาบ้างนั้น​ ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกของเราเองเป็นหลัก​ครับ

ผมเห็นด้วย คนที่สภาวะจิตใจนิ่งๆ คงจะไม่ฟังเท่าไร

คนฟังส่วนใหญ่ก็แค่ต้องการสะท้อนความคิดตัวเอง ฟังอะไรที่ตัวเองคิดอยู่แล้ว แค่หาคนมาย้ำ

ถ้าใครยอมฟังเรื่องอะไรสักอย่างที่เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลย แต่ฟังแล้วปรับเอามาใช้ได้ อันนั้นสุดจริง ผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้

ผมไม่ฟังเหมือนกัน ชีวิตเราเองไม่ให้ใครมาบอกว่าเป็นยังไง

แต่ละคนหาจุดยึดมั่นในชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนตกผลึกเรื่องการใช้ชีวิต บางคนต้องหารสิ่งมาสนับสนุนความเชื่อตัวเองเพื่อให้สบายใจ บางคนหลอกตัวเองว่าที่เขายังยิ้มให้แสดงว่าเขายังรัก บางคนเชื่อมั่นและศรัทธาในปกสมุดสีน้ำตาล พรชท บางคนศรัทธาในเงินของนักการเมืองที่เขามอบให้มองว่าเป็นบุญคุณ บางคนมองผ้าเหลือง วัตถุมงคล คือสิ่งสูงค่าทั้งๆที่แก่นแห่งคำสอนต่างหากที่เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ...

ใช่ ผมว่าหน้าที่มันเป็นเหมือน reminder ให้กลับมาฉุกคิดอะไรบางอย่างในช่วงเหนื่อยท้อที่เราลืมคิดถึง

เอามาใช้ตลอดเวลาไม่ได้เพราะมันต้องมีบริบทของมัน ช่วงที่หลุดไปบ้างมันก็สะกิดๆเรานิดนึง