เรื่องสั้น อย่าเดิมพันกับซาตาน
เคยโพสไว้นานมากๆ ละ เกือบหาต้นฉบับไม่เจอ เลยขอลงใหม่ จะเก็บไว้ใน favorite 555555
เป็นเรื่องสั้นที่ผมอ่านแล้วเว้นไว้ 1-2 ปี แล้วมาอ่านใหม่เรื่อยๆก็ยังสนุกอยู่ 5555
เดิมพันกับซาตาน
วันนี้ผมมีนิทานจะมาเล่าสู่กันฟัง...เป็นเรื่องสั้นที่ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารฉบับหนึ่งเมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อเรื่อง ผู้เขียนและคนแปล ตลอดจนรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ก็ออกจะเลือนรางเต็มที แต่ก็ยังพอคงจำเค้าโครงคร่าวๆ และเนื้อหาแง่คิดของเรื่องนี้ได้ขึ้นใจ ผมจึงถือวิสาสะ นำเรื่องนี้มาเล่าตามกรรมวิธีของผมเอง (พูดให้ฟังดูเลว คือ ผมลอกไอเดียเขามาทั้งหมด แต่พูดแบบลำเอียงเข้าข้างตัวเองว่านี่เป็นการเขียนขึ้นใหม่ โดยมีเรื่องสั้นฝรั่งเป็นแรงบันดาลใจ) แน่นอนครับว่า คงมีรายละเอียดปลีกย่อยผิดเพี้ยนคลาดเคลื่อนจากเดิมอยู่เยอะพอสมควร ถ้าจะมีตรงไหนที่ใดสามารถสร้างความพึงพอใจแก่ท่านผู้อ่าน ความดีงามล้วนมาจากการสร้างสรรค์โดยนักเขียนผู้เป็นเจ้าของเรื่องเดิมทั้งสิ้น ส่วนข้อบกพร่องเป็นความอ่อนด้อยของผมเองเพียงลำพัง
เรื่องนั้นมีอยู่ว่า ชายหนุ่มวัยสามสิบคนหนึ่งชื่อแฟรงค์ เป็นคนซื่อ ปราศจากเล่ห์เหลี่ยม จิตใจดีงาม โอบอ้อมอารี หลังจากร่ำเรียนจบ แฟรงค์ก็ยึดอาชีพเป็นเซลส์แมนขายรถยนต์ แม้จะไม่เฟื่องฟูมั่งคั่ง แต่ก็สามารถดำรงชีพอย่างพอมีพอกินได้เรื่อยมา จนกระทั่งเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วสหรัฐอเมริกาในต้นทศวรรษ 1930 ชีวิตของแฟรงค์ก็พลิกผัน เขาตกงาน มิหนำซ้ำยังมีหนี้สินเป็นเงินก้อนโต แฟรงค์อับจนสิ้นไร้หนทางแก้ไขวิกฤติต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต เขาจึงร่ำสุราราดรดความทุกข์ไปวันๆ กระทั่งทุกอย่างดูย่ำแย่เลวร้ายกว่าเดิม ชายหนุ่มกลายเป็นไอ้ขี้เมาที่แทบไม่มีเงินหลงเหลือติดกระเป๋า
ค่ำคืนวันหนึ่ง หลังจากใช้เงินหนึ่งดอลลาร์สุดท้ายที่มีอยู่หมดไปกับเหล้าแก้วสุดท้าย แฟรงค์ในสภาพเมาหยำเป เดินโซเซท่ามกลางฝนตกหนักและความมืดมิด ลัดเลาะผ่านซอกตึกต่างๆ อย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งมาพบกับบาร์เหล้าเล็กแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในมุมเปลี่ยวร้างไร้ผู้คนสัญจร ภายในว่างเปล่าปราศจากผู้คน มีเพียงบาร์เทนเดอร์ชายชราร่างผอมสูงแก้มตอบ ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
“แฟรงค์ ผมรอคุณอยู่นานแล้ว” ชายชราเอ่ยทัก
“คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง” แฟรงค์ย้อนถามด้วยความสงสัย
“ผมรู้อะไรเกี่ยวกับคุณอีกเยอะ บางทีอาจจะรู้มากกว่าที่ตัวคุณรู้เสียด้วยซ้ำ คุณกำลังตกงาน สิ้นเนื้อประดาตัว และยอมแลกทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อเหล้าแก้วเดียว” ชายชรากล่าวช้าๆ ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
แฟรงค์ฟังคำพูดของชายชราอย่างสงบนิ่ง ทั้งแปลกใจและร่ำๆ ว่าจะสร่างเมา
“ฟังนะ แฟรงค์ ผมขอยื่นข้อเสนอบางอย่าง ที่นี่มีเหล้าสิบสามแก้วให้ดื่มฟรีๆ ถ้าหากคุณจะกล้าพอ แต่ คุณต้องเสี่ยงดวงบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพราะหนึ่งในจำนวนนี้มียาพิษ ถ้าคุณเป็นฝ่ายชนะพนันในการดื่ม เอ้อ! ผมหมายถึงรอดตายนะ คุณจะได้เงิน 1000 ดอลลาร์ และทุกๆ แก้วต่อไปเงินเดิมพันก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว” ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ปราศจากวี่แววว่าล้อเล่น
“นี่คุณเล่นตลกห่าเหวอะไรอยู่วะ” แฟรงค์ตะคอกอย่างหงุดหงิด
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ชายชรากล่าวพร้อมทั้งหยิบแบงค์ 100 ดอลลาร์วางลงบนเคาน์เตอร์ “แล้วคุณจะได้อะไรจากการเล่นเกมนี้กับผม” ชายหนุ่มถามด้วยทีท่าน้ำเสียงอ่อนลง
“ขออนุญาตให้ผมได้แนะนำตัวกับคุณอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า ผมคือซาตาน ถ้าคุณแพ้พนัน ดื่มเหล้าแก้วที่มียาพิษ ชีวิตและวิญญาณของคุณ จะต้องเป็นของผม” ซาตานพูดด้วยน้ำเสียงยะเยือกวังเวง
แฟรงค์ลังเลไตร่ตรองว่า เขาควรเชื่อถือคำพูดของชายชรา หรือยึดถือมันเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
“คุณไม่มีอะไรต้องสูญเสียมากไปกว่านี้อีกแล้วนะพ่อหนุ่ม” ซาตานพูดรุกคืบโน้มน้าว
ท้ายที่สุด แฟรงค์จึงเลือกหยิบเหล้าแก้วหนึ่งบนเคาน์เตอร์ด้วยมืออันสั่นเทา รวบรวมความกล้าดื่มมันเข้าไป หลับตาเตรียมใจรอรับพิษร้ายที่จะแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย จนชั่วครู่หนึ่งผ่านพ้น ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ ยินดีด้วยนะ แฟรงค์ เงินนี้เป็นของคุณ ชายชราหยิบแบงค์ 1000 ดอลลาร์ยื่นให้ชายหนุ่ม ยังมีเหล้าเหลืออยู่อีกสิบสองแก้ว คุณมาพบผมได้ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่ต้องการเงิน แฟรงค์ใช้เงิน 1000 ดอลลาร์ไปกับการกินดื่มและจับจ่ายซื้อสิ่งฟุ่มเฟือยจนหนำใจ และหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว คืนวันรุ่งขึ้นเขาจึงหวนกลับมาพบชายชราอีกครั้ง และชนะเดิมพันเงิน 2000 ดอลลาร์ คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้หมดเงินกับการเมามาย แฟรงค์เริ่มคิดวางแผนสร้างเนื้อสร้างตัว ทำธุรกิจของตนเอง แต่ 2000 ดอลลาร์นั้นยังไม่เพียงพอต่อการลงทุน สัปดาห์ต่อมาเขาจึงไปวัดดวงกับซาตาน และเป็นฝ่ายชนะได้เงินมาอีก 4000 ดอลลาร์ ธุรกิจร้านขายรองเท้าของชายหนุ่มจึงเริ่มต้นขึ้น และค่อยๆ เติบโตอย่างช้าๆ มั่นคงตามลำดับ จนกระทั่งวันหนึ่งแฟรงค์เกิดไปพบและรู้จักสาวสวยชื่อพาเมลา ทั้งคู่ต่างพึงพอใจในตัวอีกฝ่าย ความรักผลิบานงอกงามอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะหาเงินก้อนมาจับจ่ายใช้สอยในพิธีแต่งงาน แฟรงค์จึงไปหาซาตานอีกครั้ง
ชายชรายังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ เพื่อนยาก คุณหายหน้าหายตาไปนาน จนทีแรกผมแทบจะจำไม่ได้ ดูสะอาดสะอ้าน แต่งตัวดี ตรงข้ามกับคืนแรกที่เราเจอกัน ผมเดาว่าคุณคงมีชีวิตใกล้จะสุขสบายแล้วสินะ” ชายชรายิ้มนิดๆ อย่างอ่อนโยน ยกเว้นแววตาที่เคลือบแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์
แฟรงค์ไม่สนใจแม้กระทั่งจะเอ่ยทักทายหรือสนทนาด้วย เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก เลือกหยิบเหล้าแก้วหนึ่งขึ้นดื่ม จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าตนเองปลอดภัย 8000 ดอลลาร์สำหรับเหล้าแก้วที่สี่เป็นของคุณ แต่ขอโทษนะครับ ผมคิดว่ารวมกับเงินเก็บออมของคุณ ผมเกรงว่ามันอาจจะไม่พอ ชายชราพูดพร้อมๆ กับผายมือไปยังแก้วเหล้าที่เหลืออยู่ แฟรงค์ยืนลังเลไตร่ตรอง ในที่สุดก็ตัดสินใจดื่มเหล้าแก้วที่ห้า และได้เงินไปอีก 16000 ดอลลาร์
“ลาก่อน ผมกับคุณคงไม่มีความจำเป็นต้องพบกันอีกตลอดกาล” แฟรงค์เอ่ยลาซาตาน
“นั่นยังไม่แน่นัก แต่ถึงยังไง ผมก็จะรอคุณอยู่ตรงนี้” ชายชรากล่าวทิ้งท้าย
แฟรงค์แต่งงานกับพาเมลา
หลายปีผ่านไป ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้น จากร้านเล็กๆ กลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดปานกลาง มีลูกสามคน ชายหนึ่ง หญิงสอง ครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์แบบ แต่แล้วการเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่แข่งทางด้านการค้า ก็ทำให้เงินสดไม่เพียงพอหมุนเวียน แฟรงค์กู้เงินจากธนาคาร โดยเอาบ้านจำนองเป็นหลักประกัน ทว่าแทนที่สถานการณ์จะกระเตื้อง กลับทรุดหนักซวดเซกว่าเดิม แฟรงค์ในวัยสี่สิบจึงต้องมาดื่มเหล้าแก้วที่หก เพื่อเงิน 32000 ดอลลาร์ และเหล้าแก้วที่เจ็ด เพื่อเงิน 64000 ดอลลาร์ เพื่อนำไปกอบกู้แก้ไขปัญหาทางธุรกิจของตน จนกระทั่งมรสุมชีวิตคลี่คลายไปได้อีกครั้ง
หลังจากนั้นชีวิตของแฟรงค์ก็ก้าวสู่เส้นทาง ขาขึ้น กลายเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ฐานะมั่งคั่งร่ำรวย เขาเริ่มขยับขยายไปยังการลงทุนอื่นๆ โดยเฉพาะการซื้อหุ้น ซึ่งทำกำไรมหาศาล จนกระทั่งวันหนึ่ง หุ้นที่เขาถือไว้ราคาตกดิ่งฮวบ จนต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิมๆ คือ ดื่มเหล้าแก้วที่แปด แฟรงค์ดื่มเหล้าแก้วที่เก้า ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เพื่อนำเงินไปใช้ปรนเปรอชู้รัก และต้องการปกปิดอำพรางไม่ให้กระทบต่อบัญชีรายได้จากธุรกิจ ซึ่งพาเมลาผู้เ!ป็นภรรยาสามารถตรวจสอบได้ จากนั้นก็ดื่มเหล้าแก้วที่สิบ เพื่อเลิกรากับชู้รักที่เขาเบื่อหน่าย และโดนเธอเรียกร้องขู่กรรโชกเงินก้อนโต ดื่มเหล้าแก้วที่สิบเอ็ด เพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจบ่อนพนัน และยาเสพติด ส่วนเหล้าแก้วที่สิบสอง แฟรงค์ตัดสินใจดื่มมันด้วยเหตุผลสั้นๆ คือ ความโลภ แม้จะร่ำรวยจนทรัพย์สินที่มีอยู่ ใช้อย่างไรก็ไม่หมด ทว่าเงินเดิมพันจำนวนสองล้านแปดพันดอลลาร์ ก็เย้ายวนกระทั่งแฟรงค์ในวัยห้าสิบ อดใจไว้ไม่ไหว
“เพื่อนรัก คราวนี้คุณหายไปนานมาก จนผมคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกซะแล้ว” ชายชราในรูปลักษณ์เดิมๆ คงที่กล่าวทัก
“ผมมาดื่มครั้งสุดท้าย ยังเหลือเหล้าอีกสองแก้วใช่มั้ย อัตราความเสี่ยงสูงหน่อย แต่เดิมพันนั้นโคตรคุ้มเลยวะ” แฟรงค์หัวเราะอย่างก้าวร้าว มองและชั่งน้ำหนักไปยังเหล้าที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็ตัดสินใจเลือกแก้วซ้ายมือ เขายกเหล้าขึ้นดื่มอย่างช้าๆ จนหมด เฝ้ารอดูว่ามันจะก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกาย แต่แล้วทุกสิ่งก็ยังคงเป็นปกติ ขอเงินให้ผม และลาก่อนตลอดกาล แฟรงค์พูดด้วยความลิงโลดดีใจ
“อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณชนะ” ชายชรายังคงสงบนิ่ง “ผมบอกไว้แล้วว่าเหล้าแก้วหนึ่งมียาพิษ แต่ดูเหมือนผมจะสะเพร่าไปนิดนึง จึงลืมบอกคุณว่า ยาพิษนั่น ไม่ได้ทำให้ตายทันที แต่ออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ทีละน้อย คุณดื่มมันไปตั้งแต่แก้วที่หกแล้ว” ซาตานอธิบายพร้อมๆ กับรอยยิ้มอันชั่วร้าย “นับตั้งแต่นั้น วิญญาณคุณก็เป็นของผม คุณไม่ได้สังเกตเลยว่า ตัวคุณเองเปลี่ยนไป จากคนซื่อๆ จิตใจดีงาม คุณกลายเป็นพ่อค้าที่เอารัดเอาเปรียบ เป็นนายจ้างที่ขูดรีด เป็นสามีที่ละเลยภรรยา เป็นพ่อผู้ไม่รับผิดชอบใส่ใจต่อลูกๆ คุณค่อยๆ ทรยศหักหลังเพื่อนร่วมงาน บดขยี้คู่แข่งด้วยเล่ห์เหลี่ยมอำมหิต มักมากในกาม ติดการพนัน ละโมบไม่รู้จักพอ ผมขอชื่นชม คุณเลวได้ครบถ้วน ยิ่งกว่าที่คาดคิดเอาไว้เยอะ”
แฟรงค์ตกตะลึง สีหน้าซีดเผือด ร่างกายร้อนผ่าว ปวดแสบเหมือนมีใครมาบิดลำไส้ หายใจกระหืดกระหอบติดขัด
“นับจากดื่มเหล้าแก้วที่หก คุณก็กลายเป็นคนไร้วิญญาณ ดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อปรนเปรอตนเอง แต่ผมเชื่อว่า คุณคงรู้สึกบ้างเหมือนกันว่า ชีวิตคุณว่างเปล่า โหยหาไขว่คว้าต้องการบางสิ่งอยู่ตลอดเวลา และคุณคิดว่าเงินคือคำตอบ ทว่ายิ่งได้มาเท่าไร ก็ยิ่งถมไม่เต็ม นั่นเป็นเพราะว่า คุณไม่มีวิญญาณ และเมื่อคุณปราศจากมัน คุณก็ไม่มีวันรู้จักและเข้าใจได้อีกเลยว่า ความรักเป็นอย่างไร ใช่แล้ว คุณกลายเป็นชีวิตที่ทำความรักหล่นหาย”
แฟรงค์ตายโดยไม่ทันได้ยินคำพูดประโยคท้ายๆ ของซาตาน ชายชราหยิบเหล้าแก้วสุดท้ายชูขึ้น “แก้วนี้ผมดื่มให้แก่ชีวิตที่น่าสมเพชของคุณ”