easy money ของธนาคารอะครับ กู้ยาว อีกนานกว่าจะคืน

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ธนาคารเสนอขายนั้นมีความแตกต่างสำคัญจากการฝากเงินทั่วไป เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ 'การออม' แต่ยังเป็น 'การลงทุนและการป้องกันความเสี่ยง' ในตัวเดียวกัน สำหรับธนาคาร การขายผลิตภัณฑ์นี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก เพราะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทประกัน และยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ส่วนในมุมลูกค้า แม้จะจ่ายเบี้ยประกันมากกว่าเงินฝากรายเดือน แต่ก็ได้ผลตอบแทนที่มั่นคงเมื่อครบสัญญา พร้อมความคุ้มครองชีวิตที่มาพร้อมกัน

นอกจากนี้ ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ การแนะนำผลิตภัณฑ์แบบนี้ถือว่าเป็นการนำเสนอทางเลือกที่ 'เพิ่มมูลค่า' ให้กับเงินออมของลูกค้าด้วยครับ ทั้งนี้ เราในฐานะผู้บริโภค ควรพิจารณาว่ามันสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการจ่ายของเราหรือไม่

ผมทำแบบ จ่าย 50K คุ้มครอง 10 ปี ตายได้เงินประมาณ 1 ล้านกว่าๆ มั้ง

อีก 10 ปี ข้างหน้าถ้ามีเงินค่อยทำ เผื่อตุยคนด้านหลังจะได้มีเงินนิดหน่อยก็ยังดี

คิดซะว่าเราไปสบายละ ไม่ทิ้งภาระให้คนข้างหลัง

นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ทำประกันประเภทนี้เลย ประกันที่ทำแล้วได้ใช้จริงคงมีแค่ประกันสุขภาพ

ประกันที่ขายผ่านธนาคาร เงินค่าเบี้ย ธนาคารไม่ได้นำไปหมุนนะครับ เงินเข้าบริษัทประกัน

ส่วนที่ธนาคารได้คือค่าคอมจากการขาย

หากเป็นประกันส่งสั้น 5-7 ปี อายุกรมธรรม์ครบ 10-12 ปี ธนาคารได้ค่าคอมจากบริษัทประกัน 10-15%ของค่าเบี้ย จ่ายคอมให้พนักงานขาย 1-3%ของค่าเบี้ย

หากเป็นแบบประกันที่คุ้มครอง 20ปี หรือคุ้มครองถึงอายุ 85-90ปี ธนาคารได้คอม 30-40%ของค่าเบี้ย จ่ายคอมให้พนักฝาน 5-8%ของค่าเบี้ย

ธนาคารได้รายได้จากการขายประกันเยอะครับ คิดเป็นรายได้เลยทันที ไม่เหมือนสินเชื่อที่ต้องเก็บระยะยาว แถมมีความเสี่ยงในการผิดนัดชไระหนี้ด้วย

ธนาคารถึงได้มาบี้ให้พนักงานขายประกันเป็นอันดับ 1 ไงครับ

1. ดึงดูดเรื่องการออม
2.ไม่สามารถถอนออกมาใช้ได้
3.ระยะยาว ผลตอบแทนไม่สูง
4.ได้เงินไป ลงทุนต่อ
ในมุมของธนาคารนะครับ

scam operation

ทุกวันนี้ผมเกลียดธนาคารสีเขียวก็เพราะพนักงานขายประกันให้แม่ผมเรื่อยๆเนี่ย

วิธีปล้นแบบถูกกฎหมาย Liquidity คนซื้อหาย

อื้อหือ ฟังแล้วเคลิ้มจังเลยครับ เป็นการลงทุนที่สุดยอดอะไรเช่นนี้

ผมตั้งค่าให้ ChatGPT ตอบแบบหล่อๆอะครับ มันเลยดูเคลิ้มไปบ้าง