ดูแล้วยังไงก็ไม่น่ากำไร

สส.การันตี ดูคาสภาเลย

ราคาเรตเดิมๆ ก็ได้ ผมโอเคถ้าทำคุณภาพให้ดีกว่าปัจจุบัน เห็นข่าวเดือนไม่เกิน 400 ก็ไม่ได้แพงน่ะ ยิ่งถ้าแอปลื่น , คอนเทนท์เยอะหน่อย มีหนังดีๆ(ให้คนที่บ้านดู) , ช่องการ์ตูนสนุกๆ (ให้ลูกดู) ยังไงก็โอเค ของทรูเมื่อก่อนคอนเทนท์เยอะ แต่หลังๆ ช่องดีๆ เอาออกหลายช่อง

ถูก อย่าว่างั้นว่างี้เลย ยอด Netflix เนี่ย ChatGPT ประมาณให้ผมว่ามีคนจ่ายอยู่ราวๆ 1 ล้านกว่าๆบัญชีเอง

ต่อให้เหลือเดือน 199-250 ใช่ว่าคนมันจะมาจ่าย เรท 3xx-400 บาทนั่นละผมว่าคือความเสี่ยงที่เค้าจะรับได้แล้ว

ถ้าถูกเกินไปก็ขาดทุน เรียกคนได้แล้วใช่ว่าคนจะใช้ต่อ ยังไงปีต่อๆไปคนมันก็อยากได้ราคาเดิม ตรงนี้ต้องหาสมดุลดีๆ

เป็นกำลังใจให้ละกัน

ขอให้ราคาออกมาสมกับคุณภาพ ขอคุณภาพดีๆ จ่ายแพงหน่อยแต่ถ้าคุณภาพดีก็พร้อมจ่าย

ลูกค้าไทยขอราคาปวดหัวแทนเลยคับ

ฟังละ แพสชั่นฟุตบอลดีอยู่

เหลืออย่างเดียวทำให้ได้ตามไอเดียธุรกิจ

ยากมากครับ ถ้าจะหวังรายได้หลักจากยูสเซอร์

เอาง่ายๆเลย เน็ตฟลิกถูกกว่าตั้งเยอะ ยอดสมาชิกยังไม่ถึงล้าน

และต้องไม่ลืมว่าฟุตบอล ไม่ใช่คอนเทนต์อันดับ 1 ของไทยนะครับ

ลองดูได้ ถ้าฟรีทีวีได้ลิขสิทธิ์ถ่าย แล้วเวลามันชนกับละคร

กี่ครั้งแล้วที่เค้าเลือกทิ้งฟุตบอล แล้วมาถ่ายละครแทน

แล้วทรูสมัยเกือบ 20 กว่าปีก่อน

ที่ประสบความสำเร็จกับโกล์แพคเกจ เดือนละ 1,500

บางทีมันเป็นเพราะคุณแม่ คุณยาย ลูกสาว เค้าจะดูรายการวาไรตี้ก็ได้

พ่อ ลูกชาย เลยได้อานิสงส์ดูบอลที่พ่วงมากับแพคเกจ

แล้วสมัยก่อนมันไม่มีเถื่อนดูง่ายๆแบบนี้ด้วย

โลกสวยไป ที่บอกว่าเหลือเท่านั้นเท่านี้แล้วบางคนมันจะเปลี่ยนจากช่องทางธรรมชาติ

บอลทีมชาติไทยถ่ายยูทูปชัดๆลื่นๆมันยังไม่ดู เงินเดือนเกือบสองหมื่น

คิดว่าน่าจะได้ 6 ฤดูกาล (3+3) เพราะถ้าพรีเมียร์ลีกให้แค่ 3 ฤดูกาล กับเงินตั้ง 19,000 ล้านบาท ผมว่า JAS รอดยาก มันจะเป็นผลเสียต่อพรีเมียร์ลีกเอง และตอกย้ำว่าทรูคิดถูก เพราะก่อนที่ CTS จะเข้ามาประมูล 9,000 ล้าน ทรูมันจ่ายแค่ประมาณ 2,000 ล้านเอง มีรอบล่าสุดที่ทรูจ่ายไปประมาณ 10,000 ล้านบาท สัญญา 3 ปี เฉลี่ยปีละ 3,000 กว่าล้านบาท และตัวเลขรายได้ไม่ได้ดังที่หวัง และครั้งนี้ JAS เข้ามาตั้ง 19,000 ล้านบาท ถ้าทางอังกฤษให้แค่ 3 ฤดูกาล JAS เละแน่ๆ

สรุป ผมว่าทางอังกฤษให้ 6 ฤดูกาล เฉลี่ยฤดูกาลละ 3,000 กว่าล้านบาท พอๆ กับที่ทรูจ่ายเมื่อรอบที่แล้ว 10,000 กว่าล้านบาท กับสัญญา 3 ปี ก็เฉลี่ยฤดูกาลละ 3,000 กว่าล้านบาทเหมือนกัน

สิ่งที่ทางอังกฤษได้ในรอบนี้ ไม่ใช่เงินที่เพิ่มขึ้น แต่ได้สร้างคู่แข่งขันให้ทรู ทำให้ทรูไม่สามารถผูกขาดพรีเมียร์ลีกได้ตลอดไป เพราะถ้า JAS เจ๊ง ก็แค่เสมอตัว แต่ถ้า JAS ปัง ทางอังกฤษมีแต่ได้กับได้

ป.ล. ถ้าครั้งนี้ทรูได้ ผมคิดว่า ทางอังกฤษให้แค่ 3 ฤดูกาลเท่านั้นแหละ
ที่ยอมให้ JAS 6 ฤดูกาล เพื่อเพิ่มคู่แข่งขันในประเทศไทย

ถ้าแกข้ามขีดจำกัดของทรู ทำให้ดูบอลทางเว็บเบราเซอร์ได้แบบความละเอียด 1080 จะเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก

JAS อยู่ในตลาดหุ้นไทยมั้ยครับ ถ้ามีผมจะซื้อทั้งหุ้นและแพ็คพรีเมียร

ผมเดานะราคาเท่าๆกับทรูแหละอาจจะถูกกว่าหน่อย ทีนี้ไปวัดกันที่ความคมชัดกับระบบแล้วว่าโอเคมั้ย ช้องทางไหนดูได้บ้าง ความละเอียดเท่าไร อย่าเพิ่งไปอวยเยอะ ทำธุรกิจไม่มีใครเค้าไม่สนใจกำไรหรอก อยู่ที่ว่าราคากับคุณภาพไปด้วยกันมั้ย ต้องคิดในมุมกลับกันทรูทุนเยอะขนาดนั้น ประสบการณ์หลายปี ยังไม่ยื่นราคาเท่าที่ JAS ยื่นเลย เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่ามันไม่คุ้มรึป่าว ปัจจัยรอบข้างมันเยอะ รอดูละกันลุ้นให้รอดนะ เพราะเบื่อทรูเหมือนกัน แต่บอกตรงๆ ยังมองไม่เห็นทางเลย

ไม่เอานักพากษ์จากทรุยมาด้วย ผมก็พอใจละ รำคาญการประดิษฐ์คำในการออกเสียงของนักบอลเหลือเกิน

กรีหริด กรีริด ช่วยเอาสักชื่อ เยดแหม๋มมมมมมม

ณ ปัจจุบัน มันหาดูช่องทางธรรมชาติง่าย สปีดอินเตอร์เน็ต ก็ เร็วกว่า ประเทศอื่นๆ จะดึง ยูสเซอร์ เข้าระบบ ราคามันก็ต้อง ล่อใจ