[RE: สิ่งน่าสนใจห้างใหม่ One Bangkok!]
Silp22 พิมพ์ว่า:
กระดกบอลข้ามหัว พิมพ์ว่า:
Silp22 พิมพ์ว่า:
ก็ห้าง แค่สเกลใหญ่
ใครชอบคงไป ผมไม่ใช่พวกชอบไปห้าง ก็มองว่าจะเยอะไปไหน คิดอะไรไม่ออกก็ทำแต่ห้าง
อยากได้พื้นที่สีเขียว พื้นที่สร้างสรรค์ พื้นที่กิจกรรมที่แม่มไม่ใช่อะไรสิ้นคิด ตัวแทนทุนนิยมสุดกู่แบบนี้
ที่ท่านอยากได้ทำแล้วได้เงินไหม จะหาได้ไหมเจ้าของที่ที่จะใจบุญโลกสวยขนาดนั้น
ผมว่ามันเป็นไปได้นะ ระยะยาว หรือพวก Live House ก็ยังมองว่าเป็นพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์น่ะ ที่สามารถหารายได้แบบเห็นได้ชัด
ประเด็นที่ผมคิดคือ คนไทยในปัจจุบันไลฟ์สไตล์เป็นเรื่องของสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้นเลย อาจจะไม่ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ในกทม
ผมว่ารากฐานความคิด ความก้าวหน้าและสร้างสรรค์ มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ มีพื้นที่ที่เหมาะสม และเพียงพอ แต่กลับกันในเมืองใหญ่ขนาดนี้ พวกนายทุน กลุ่มต่างๆก็มองกันแค่นี้ ทำห้างๆๆ แล้วยังไงต่อ?
มันได้ให้อะไรแก่สังคม ที่เกิดประโยชน์ในระยะยาวบ้างไหม
นอกจากเพื่อตนเอง
ผมอาจจะอุดมคตินิดหน่อย พอสมควร อาจจะเพราะพื้นฐานสิ่งที่เรียนมาด้วย
แต่ก็มองว่า อยากให้กทมมีพื้นที่ที่เกิดประโยชน์มากกว่าห้าง
มันก็น่าจะดีนะครับ
ยาวมาก อ่านแค่สรุปนอกสปอล์ยก็ได้นะครับแล้วแต่
Spoil
อาจจะต้องคำนึงถึงที่ตั้งแหละครับ ถามว่าอย่างญี่ปุ่นพื้นที่สีเขียวในเมืองอย่างโตเกียวมีเยอะแค่ไหน คำตอบคือประมาณ 36% ซึ่งเยอะมากเทียบกับกรุงเทพฯ ที่มีแค่ประมาณ 2.6% ทางออกอาจจะไม่ใช่รวมทุกอย่างให้อยู่ในกรุงเทพฯ ถ้ามองแบบนี้ ... แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีพื้นที่ให้แสดงออกเลยเสียขนาดนั้น ผมก็เคยไปดูงานโอเปร่าที่ cast และทีมงานเป็นคนไทย 100% หรือละครเวทีดัดแปลงจากผลงานละครไทยที่หอศิลป์ชั้นบน ไปดูงาน art performance หรืองาน immersive experience ที่อักษรฯจุฬา พระรามสี่และที่อื่น ๆ อีกหลายที่ แบบแทบจะเดือนละสองสามครั้งช่วงที่โปรเจกไม่หนักเกิน คนที่รู้ข่าวและสนใจบอกได้เลยว่าก็หน้าเดิม ๆ เจองานนี้เอ้างานนั้นเจอกันอีกแล้ว และบอกเลยครับ คนที่ลงทุน สนับสนุน จัดงาน ซัพพอร์ทค่าใช้จ่าย ก็นายทุนที่รู้จักกันดีนี่แหละ ถ้าไปงานพวกนี้บ่อย ๆ จะพอเห็นพอรู้ว่าเป็นใครบริษัทเครืออะไรสนับสนุน ทั้ง ๆ ทีไม่เหมือนฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ออสเตรีย จีน พื้นฐานมุมมองของโลกที่มองมาที่ไทยไม่ได้เด่นที่ศิลปะ เขาก็ยังลงเงินมาหาพื้นที่โฆษณาตามงานศิลปะ
ผมเห็นอดีตครูดนตรีผมท่านนึง ด่าระบบ ด่านายทุนทุกวันในเฟส ด่าแม้กระทั่งนักดนตรีที่เป็นอาชีพสายเดียวกันที่เขาเข้ากระแสหลัก ในขณะที่ตัวเองว่างจากการสอนถ้าไม่ซ้อมมวย ก็รับเล่นดนตรีงานแต่ง ผมไม่เคยเห็นสักครั้งที่เขาโพสสนับสนุนศิลปินแขนงเดียวกันหรือช่วยเหลืองานศิลปะที่เขาเคยแสดงออกว่ารักหนักหนาแม้แต่กระจายข่าวสารสักนิดก็ไม่เคยมี ผมอาจจะด่วนสรุปไปว่าเขาไม่เคยทำ แต่คนที่โพสและแชร์เรื่องต่าง ๆ จากความคิดตัวเองทุกวันวันละ 2-3 โพส มันจะไม่มีสักครั้งเลยเชียวหรอที่จะแสดงออกด้านการสนับสนุนผู้ร่วมสายอาชีพบ้าง มันก็ไม่มีจริง ๆ ผมเลยปักไว้ในใจเลยว่า เลิกนับถือคนคนนี้และแปะไว้เป็นตัวอย่างของความ hypocrite เลย
ที่เล่ามานี่สรุปเลยครับคือแค่อยากให้มองมุมกว้าง อุดมคติเรื่องหนึ่ง ความเป็นจริงเรื่องหนึ่ง ถ้าต่างคนต่างอยู่ไม่เคยมาเจอกันก็ไม่ต่างอะไรกับอดีตครูผมท่านนี้เลย พื้นที่เขียวไม่เขียวก็ไม่สำคัญหรอก ศิลปะมันอยู่ได้ทุกที่แหละ คนต่างหากไปจำกัดมัน