BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: IG : pimya.wong
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Jan 2008
ตอบ: 10779
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:31
ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น
ตามหัวมู้เลยครับ ถ้าโลกนี้ไม่มีชายที่ชื่อว่า Steve Jobs
โลกไม่น่าจะเปลี่ยน ไปอีกมุมขนาดนี้ แต่หลังจากที่ Jobs ตายมาจะ 10 ปี

Apple เอง.. แหม่งก็ไม่มีอะไรให้ว้าว! อีกเลย
บางที โลกเราต้องการคนแบบ Steve Jobs นี้ละ

ช่วยผลักดันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นไปได้
กลับกัน ถ้า Jobs ไม่ตายไว เราอาจจะได้เห็น Tech วิศวกรรมใหม่ๆ ออกมาอีก

ปล. ว่าแล้วก็กลับไปดูหนัง Jobs ปี 2013 ให้ใจฟูขึ้นมาอีกหน่อย





...



Presentation กับไอเทมเปลี่ยนโลก 3 อย่าง iPhone, iPad, Macbook Air
ได้กลับไปฟังยังขนลุก ทีมงานหลังบ้านของ Jobs ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ น่าจะเก่งกันสุดๆ





2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 3919
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 22:11
Top Comment [RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
prayad55 พิมพ์ว่า:
รู้หรือเปล่าว่าพี่จอปแกไม่ได้อยากได้ไอโฟนแต่แรก แกอยากทำแค่ไอพอด เพราะไม่ต้องวุ่นวายไปตีกับพวกระบบโทรคมนาคม แต่ทีมวิศกรตื้อจนแกยอมทำ  


ผมไม่แน่ใจผมอิงถูกไหมนะ เพราะอ่านไว้นานมากละเกิน 5 ปี+

แต่ตอนนั้นที่เขาทำไอโฟนจริงๆคือทีมงานเขาเห็นว่าตลาดมือถือกำลังบูม (ยุคก่อนสมาร์ทโฟนนะ) แล้วมันเริ่มมีฟีเจอร์เล่นเพลงได้ ตอนนั้น ฟิลชิลเลอร์ (ที่เป็นลุงหุ่นท้วมๆหน่อยชอบพูด Keynote ยุคก่อน) แกโทรศัพท์มือถือเข้ามาในที่ประชุมแล้วบอกว่า "เนี่ยแหละที่จะมาฆ่าไอพอดเรา"

ตอนนั้นแอปเปิ้ลยังไม่มี know-how ในการทำมือถือมากนักก็เลยไปเจรจากับโมโต สมัยนั้นยังมีความสัมพันธ์ดีกันอยู่เพราะสมัยก่อนเคยสั่งชิปของโมโตฯในการผลิตคอมแอปเปิ้ลยุคแรกๆ (PowerPC นั่นแหละ เป็นความร่วมมือ IBM-Apple-Moto หรือเรียกว่า AIM) ตอนนั้นโมโตก็เพิ่งออก E790 มา ก็เลยส่งตัวนั้นแหละให้แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลก็เลยเอา iTunes ตอนนั้นลงในเครื่อง

จำได้ว่าลางไม่ดีตั้งแต่ Keynote แล้ว ที่หยุดเพลง ไปรับโทรศัพท์ แล้วกลับมาเพลงเล่นใหม่นั่นแหละ


ตอนนั้นมีปัญหาเยอะมาก ลงเพลงไม่ได้บ้าง ใช้ๆงานไปแล้วเครื่องรีสตาร์ทเองบ้าง ฯลฯ
แถมผู้ใช้ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจจะเอาเพลงใส่มือถือเล่นอยู่แล้ว (ไม่ใช่ทีมงานแอปเปิ้ลพลาดนะ แต่ UI มันห่วยเฉยๆคนเลยไม่ใช้กัน) จำได้ว่าสตีฟหัวเสียมากตอนนั้นโทรไปด่าทีมงานโมโตหูดับไปหลายราย

พอหลังจากความชิบหายของ Moto ในตอนนั้นปี 2005 สตีฟก็ได้บทเรียนแหละว่า "ถ้าจำทำมือถือ เราก็ต้องทำเองตั้งแต่เริ่มต้นเลย"

อันนี้ผมอาจจะจำไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน อาจจะคร่อมช่วง Moto พอดี แต่มันมีวันนึงที่สตีฟโดนชวนจากวิศวกรแอปเปิ้ล ไปกินข้าวบ้านวิศวกรไมโครซอฟต์ (รู้สึกจะเป็นวิศวกรที่ทำ Office for Mac นั่นแหละ)
แล้ววิศวกรไมโครซอฟต์แม่มก็เมา เอาแท็บเล็ต Windows ของบริษัทออกมาอวดสตีฟจ็อบส์ว่าเจ๋งกว่า mac งู้นงี้
จ็อบส์มันก็เลยหมั่นไส้ บอกตูนี่แหละจะทำ Tablet งัดกะมุง (จบงานปาร์ตี้นั้น เรื่องนี้รู้ไปถึงหูบิลเกตส์รู้สึกจะหงุดหงิดเลยมั้ง ทั้งเรื่องเอาความลับบริษัทไปให้คู่แข่งดู ทั้งไปจุดไฟสตีฟจ็อบส์ ไม่แน่ใจไล่ออกเลยไหมนะ )

ตอนแรกก็ตันเหมือนกันเพราะไม่อยากเอาสไตลัสมาใช้จิ้มๆจอแบบ Microsoft โชคดีที่ว่าวิศวกรไปเจอทีมงานนึงที่ทำ Gesture ทัชแบบที่เราใช้กันจนปัจจุบันนี้แหละ ตอนนั้นสตีฟไปลองเล่นดู แค่ 5 นาทีขอซื้อบริษัทกับสิทธิบัตรเลย

ปรากฎว่าทำไอโปรเจคอันนี้อยู่ พอเจอปัญหาโมโตขึ้นมาก็เลยเอาวะ เอาโปรเจคแท็บเล็ตพักไว้ก่อน แล้วมาทำมือถือกัน ไอรูปที่โชว์เป็นไอพอดพร้อมกับแป้นกดแบบ Rotary อันนั้นจริงๆคือเป็น Prototype หนึ่งจริงๆนะครับ

ก็ทำไปทำมา แก้ Prototype ไปห้าหกอันมั้ง สุดท้ายได้ไอตัว iPhone แบบที่เราเห็นรุ่นแรกนั่นแหละ ปัญหาชิบหายตอนนั้นอย่างนึงคือ เทคโนโลยีเสาสัญญาณมันยังไม่ได้ดีมากนัก แถม iOS ตัวแรกเนี่ยมันคือเอา macOS มาจับยัดจริงๆ แล้วด้วยฮาร์ดแวร์ตอนนั้นที่ยังไม่ได้ไปไกลอะไรมาก ก็เลยมีปัญหา crash บ่อยมากจนตอนแรกสตีฟจะถอดใจแล้ว สถานการณ์มันก็เลยกดดันให้วิศวกรและทีมงานปรับแทบทุกอย่าง เรื่องสัญญาณรู้สึุกวันนั้นมันโทรหา AT&T เลยมั้งให้เอารถส่งสัญญาณมาจอดล้อมสถานที่จัดงานเลย ประมาณว่าถ้ายังไม่มีสัญญาณอีกก็จนใจละ

วันงานจริงทีมงานแม่มก็เอาเหล้ามาขวดนึง พอ Keynote ถึงส่วนไหน วิศวกรที่รับผิดชอบก็รอลุ้น ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีก็กระดกไปอึกนึง สรุปจบงานแม่มแทบจะล้ม ผ่านไปได้ด้วยดีเฉย
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png



ขอบคุณลายเซ็นต์จากท่าน Soccer Sex ครับ
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Dec 2023
ตอบ: 641
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:32
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
รู้หรือเปล่าว่าพี่จอปแกไม่ได้อยากได้ไอโฟนแต่แรก แกอยากทำแค่ไอพอด เพราะไม่ต้องวุ่นวายไปตีกับพวกระบบโทรคมนาคม แต่ทีมวิศกรตื้อจนแกยอมทำ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมสำรอง
Status: !@#$%^&
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 13277
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:41
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
prayad55 พิมพ์ว่า:
รู้หรือเปล่าว่าพี่จอปแกไม่ได้อยากได้ไอโฟนแต่แรก แกอยากทำแค่ไอพอด เพราะไม่ต้องวุ่นวายไปตีกับพวกระบบโทรคมนาคม แต่ทีมวิศกรตื้อจนแกยอมทำ  


ทำให้ BB ตายไปด้วย55
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status: INVU https://www.youtube.com/watch?v=k0Kg8gYC3R0
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Dec 2007
ตอบ: 12187
ที่อยู่: เชียงใหม่
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:41
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
ผมมองว่าแกคือนักบริหารคนสำคัญของวงการเทคโนโลยีและบันเทิง ไม่ใช่ผู้คิดค้นนวัตกรรม
อย่างที่เขาเอาไปสอนเรื่องการนำเสนอคือเทคนิคสามประการของเขา ที่ดึงความสนใจคนดูได้ง่าย

หลายๆ อย่าง ซื้อเขามา หรือไม่ก็ให้ทีมงานคิดค้นมา อย่างผลิตภัณฑ์แอปเปิลที่เจ้าของกระทู้ยกมา แต่การออกแบบต้องน่าใช้ สมกับที่เรียนเรื่องออกแบบตัวอักษรมา

อีกงานที่เป็นตำนานคือ บริหาร Pixar ที่ซื้อมาจากลูคัสฟิล์มจนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ (ถึงจะเปลี่ยนแผนจากเดิมไปบ้าง) จนดิสนีย์ยังต้องมาซื้อหุ้นบริษัท
https://www.longtunman.com/15896

กับบริหาร NeXT (ตั้งมาหลังจากถูกบีบออกจากแอปเปิล) จนแอปเปิลต้องมาซื้อบริษัทคืน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 3029
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:46
[RE]ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น
ผมมองว่าเราอาจจะได้เห็นโทรศัพท์ฝั่ง Apple ล้ำกว่าไอโฟนนะ แต่ความเสถียรอาจไม่เท่า

คง Feel อัด Features แข่งกับ Android แน่นๆ

เพราะสตีฟชอบความ Simple มากกว่าความ Wow
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: IG : pimya.wong
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Jan 2008
ตอบ: 10779
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:47
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
prayad55 พิมพ์ว่า:
รู้หรือเปล่าว่าพี่จอปแกไม่ได้อยากได้ไอโฟนแต่แรก แกอยากทำแค่ไอพอด เพราะไม่ต้องวุ่นวายไปตีกับพวกระบบโทรคมนาคม แต่ทีมวิศกรตื้อจนแกยอมทำ  


ดีแล้วที่ทีมงานตื้อ แต่ผมชอบนิสัยส่วนตัว jobs นี้ละ
คนบ้าๆ ความคิดบ้าๆ แถมละเอียด ทุกอย่างต้องเนียบ อีกอย่างขายเก่ง หาเงินเก่ง

มันต้องมีคนแบบนี้ละ ขึ้นมาใหม่ๆ บ้าง แต่ดีอย่างนึงที่แกเกิดที่ USA
ถ้าเป็นประเทศอื่นๆ ไม่น่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ประเทศนี้ยอมเลยคือ Culture ที่ชอบคิดนวัตกรรมใหม่ๆ

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: IG : pimya.wong
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Jan 2008
ตอบ: 10779
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:51
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
Lanoxin พิมพ์ว่า:
ผมมองว่าเราอาจจะได้เห็นโทรศัพท์ฝั่ง Apple ล้ำกว่าไอโฟนนะ แต่ความเสถียรอาจไม่เท่า

คง Feel อัด Features แข่งกับ Android แน่นๆ

เพราะสตีฟชอบความ Simple มากกว่าความ Wow  


ผมว่าแก ตายไวไปหน่อย พอเปิดตัว 3 ชิ้นงาน ข้างบนกับโลกนี้ไป
อีกไม่กี่เดือนต่อมา ป่วยตายเลย อายุแค่ 56 ปีเท่านั้นเอง

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Nov 2013
ตอบ: 2235
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 21:59
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
ยุค ทิม คุกก็มี Apple Silicon บน Macbook ไง กำลังเปลี่บนโลก laptop เป็น ARM ซึ่งประหยัดแบตกว่ามาก

และยุคทิมก็พยายามดัน product แบบ airpods watch ทุกอย่างให้เป็น eco system ที่ใช้งานสะดวก

ถ้ามี jobs เราอาจจะไม่เห็น brand Apple ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก็ได้
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 3919
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 22:11
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
prayad55 พิมพ์ว่า:
รู้หรือเปล่าว่าพี่จอปแกไม่ได้อยากได้ไอโฟนแต่แรก แกอยากทำแค่ไอพอด เพราะไม่ต้องวุ่นวายไปตีกับพวกระบบโทรคมนาคม แต่ทีมวิศกรตื้อจนแกยอมทำ  


ผมไม่แน่ใจผมอิงถูกไหมนะ เพราะอ่านไว้นานมากละเกิน 5 ปี+

แต่ตอนนั้นที่เขาทำไอโฟนจริงๆคือทีมงานเขาเห็นว่าตลาดมือถือกำลังบูม (ยุคก่อนสมาร์ทโฟนนะ) แล้วมันเริ่มมีฟีเจอร์เล่นเพลงได้ ตอนนั้น ฟิลชิลเลอร์ (ที่เป็นลุงหุ่นท้วมๆหน่อยชอบพูด Keynote ยุคก่อน) แกโทรศัพท์มือถือเข้ามาในที่ประชุมแล้วบอกว่า "เนี่ยแหละที่จะมาฆ่าไอพอดเรา"

ตอนนั้นแอปเปิ้ลยังไม่มี know-how ในการทำมือถือมากนักก็เลยไปเจรจากับโมโต สมัยนั้นยังมีความสัมพันธ์ดีกันอยู่เพราะสมัยก่อนเคยสั่งชิปของโมโตฯในการผลิตคอมแอปเปิ้ลยุคแรกๆ (PowerPC นั่นแหละ เป็นความร่วมมือ IBM-Apple-Moto หรือเรียกว่า AIM) ตอนนั้นโมโตก็เพิ่งออก E790 มา ก็เลยส่งตัวนั้นแหละให้แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลก็เลยเอา iTunes ตอนนั้นลงในเครื่อง

จำได้ว่าลางไม่ดีตั้งแต่ Keynote แล้ว ที่หยุดเพลง ไปรับโทรศัพท์ แล้วกลับมาเพลงเล่นใหม่นั่นแหละ


ตอนนั้นมีปัญหาเยอะมาก ลงเพลงไม่ได้บ้าง ใช้ๆงานไปแล้วเครื่องรีสตาร์ทเองบ้าง ฯลฯ
แถมผู้ใช้ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจจะเอาเพลงใส่มือถือเล่นอยู่แล้ว (ไม่ใช่ทีมงานแอปเปิ้ลพลาดนะ แต่ UI มันห่วยเฉยๆคนเลยไม่ใช้กัน) จำได้ว่าสตีฟหัวเสียมากตอนนั้นโทรไปด่าทีมงานโมโตหูดับไปหลายราย

พอหลังจากความชิบหายของ Moto ในตอนนั้นปี 2005 สตีฟก็ได้บทเรียนแหละว่า "ถ้าจำทำมือถือ เราก็ต้องทำเองตั้งแต่เริ่มต้นเลย"

อันนี้ผมอาจจะจำไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน อาจจะคร่อมช่วง Moto พอดี แต่มันมีวันนึงที่สตีฟโดนชวนจากวิศวกรแอปเปิ้ล ไปกินข้าวบ้านวิศวกรไมโครซอฟต์ (รู้สึกจะเป็นวิศวกรที่ทำ Office for Mac นั่นแหละ)
แล้ววิศวกรไมโครซอฟต์แม่มก็เมา เอาแท็บเล็ต Windows ของบริษัทออกมาอวดสตีฟจ็อบส์ว่าเจ๋งกว่า mac งู้นงี้
จ็อบส์มันก็เลยหมั่นไส้ บอกตูนี่แหละจะทำ Tablet งัดกะมุง (จบงานปาร์ตี้นั้น เรื่องนี้รู้ไปถึงหูบิลเกตส์รู้สึกจะหงุดหงิดเลยมั้ง ทั้งเรื่องเอาความลับบริษัทไปให้คู่แข่งดู ทั้งไปจุดไฟสตีฟจ็อบส์ ไม่แน่ใจไล่ออกเลยไหมนะ )

ตอนแรกก็ตันเหมือนกันเพราะไม่อยากเอาสไตลัสมาใช้จิ้มๆจอแบบ Microsoft โชคดีที่ว่าวิศวกรไปเจอทีมงานนึงที่ทำ Gesture ทัชแบบที่เราใช้กันจนปัจจุบันนี้แหละ ตอนนั้นสตีฟไปลองเล่นดู แค่ 5 นาทีขอซื้อบริษัทกับสิทธิบัตรเลย

ปรากฎว่าทำไอโปรเจคอันนี้อยู่ พอเจอปัญหาโมโตขึ้นมาก็เลยเอาวะ เอาโปรเจคแท็บเล็ตพักไว้ก่อน แล้วมาทำมือถือกัน ไอรูปที่โชว์เป็นไอพอดพร้อมกับแป้นกดแบบ Rotary อันนั้นจริงๆคือเป็น Prototype หนึ่งจริงๆนะครับ

ก็ทำไปทำมา แก้ Prototype ไปห้าหกอันมั้ง สุดท้ายได้ไอตัว iPhone แบบที่เราเห็นรุ่นแรกนั่นแหละ ปัญหาชิบหายตอนนั้นอย่างนึงคือ เทคโนโลยีเสาสัญญาณมันยังไม่ได้ดีมากนัก แถม iOS ตัวแรกเนี่ยมันคือเอา macOS มาจับยัดจริงๆ แล้วด้วยฮาร์ดแวร์ตอนนั้นที่ยังไม่ได้ไปไกลอะไรมาก ก็เลยมีปัญหา crash บ่อยมากจนตอนแรกสตีฟจะถอดใจแล้ว สถานการณ์มันก็เลยกดดันให้วิศวกรและทีมงานปรับแทบทุกอย่าง เรื่องสัญญาณรู้สึุกวันนั้นมันโทรหา AT&T เลยมั้งให้เอารถส่งสัญญาณมาจอดล้อมสถานที่จัดงานเลย ประมาณว่าถ้ายังไม่มีสัญญาณอีกก็จนใจละ

วันงานจริงทีมงานแม่มก็เอาเหล้ามาขวดนึง พอ Keynote ถึงส่วนไหน วิศวกรที่รับผิดชอบก็รอลุ้น ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีก็กระดกไปอึกนึง สรุปจบงานแม่มแทบจะล้ม ผ่านไปได้ด้วยดีเฉย
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png



ขอบคุณลายเซ็นต์จากท่าน Soccer Sex ครับ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: แค่เธอยักคิ้ว…ต้นงิ้วก็แค่สไลเดอร์ !!
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 15293
ที่อยู่: Japan
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 22:30
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
ถ้าจ็อบยังอยู่ ยังไงสมาร์ทโฟนต้องใช้ได้ด้วยมือเดียว
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
lit
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 9232
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 22:42
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
ผมคิดว่าอาจจะไม่มีอะไรใหม่เหมือนกันก็ได้นะ และยอดขายอาจจะไม่ได่ขนาดนี้

นวัตกรรมพลิกโลกมันไม่ได่ทำกันง่ายๆ และไม่ใช่คนๆนึงจะทำสำเร็จได้หลายทีด้วย

แกอาจจะดื้อมือถือจอเท่า iphone 4s อยู่จนยอดขายร่วงกระจายไปเองก็ได้
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: IG : pimya.wong
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Jan 2008
ตอบ: 10779
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 23:09
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
Spoil
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
prayad55 พิมพ์ว่า:
รู้หรือเปล่าว่าพี่จอปแกไม่ได้อยากได้ไอโฟนแต่แรก แกอยากทำแค่ไอพอด เพราะไม่ต้องวุ่นวายไปตีกับพวกระบบโทรคมนาคม แต่ทีมวิศกรตื้อจนแกยอมทำ  


ผมไม่แน่ใจผมอิงถูกไหมนะ เพราะอ่านไว้นานมากละเกิน 5 ปี+

แต่ตอนนั้นที่เขาทำไอโฟนจริงๆคือทีมงานเขาเห็นว่าตลาดมือถือกำลังบูม (ยุคก่อนสมาร์ทโฟนนะ) แล้วมันเริ่มมีฟีเจอร์เล่นเพลงได้ ตอนนั้น ฟิลชิลเลอร์ (ที่เป็นลุงหุ่นท้วมๆหน่อยชอบพูด Keynote ยุคก่อน) แกโทรศัพท์มือถือเข้ามาในที่ประชุมแล้วบอกว่า "เนี่ยแหละที่จะมาฆ่าไอพอดเรา"

ตอนนั้นแอปเปิ้ลยังไม่มี know-how ในการทำมือถือมากนักก็เลยไปเจรจากับโมโต สมัยนั้นยังมีความสัมพันธ์ดีกันอยู่เพราะสมัยก่อนเคยสั่งชิปของโมโตฯในการผลิตคอมแอปเปิ้ลยุคแรกๆ (PowerPC นั่นแหละ เป็นความร่วมมือ IBM-Apple-Moto หรือเรียกว่า AIM) ตอนนั้นโมโตก็เพิ่งออก E790 มา ก็เลยส่งตัวนั้นแหละให้แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลก็เลยเอา iTunes ตอนนั้นลงในเครื่อง

จำได้ว่าลางไม่ดีตั้งแต่ Keynote แล้ว ที่หยุดเพลง ไปรับโทรศัพท์ แล้วกลับมาเพลงเล่นใหม่นั่นแหละ


ตอนนั้นมีปัญหาเยอะมาก ลงเพลงไม่ได้บ้าง ใช้ๆงานไปแล้วเครื่องรีสตาร์ทเองบ้าง ฯลฯ
แถมผู้ใช้ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจจะเอาเพลงใส่มือถือเล่นอยู่แล้ว (ไม่ใช่ทีมงานแอปเปิ้ลพลาดนะ แต่ UI มันห่วยเฉยๆคนเลยไม่ใช้กัน) จำได้ว่าสตีฟหัวเสียมากตอนนั้นโทรไปด่าทีมงานโมโตหูดับไปหลายราย

พอหลังจากความชิบหายของ Moto ในตอนนั้นปี 2005 สตีฟก็ได้บทเรียนแหละว่า "ถ้าจำทำมือถือ เราก็ต้องทำเองตั้งแต่เริ่มต้นเลย"

อันนี้ผมอาจจะจำไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน อาจจะคร่อมช่วง Moto พอดี แต่มันมีวันนึงที่สตีฟโดนชวนจากวิศวกรแอปเปิ้ล ไปกินข้าวบ้านวิศวกรไมโครซอฟต์ (รู้สึกจะเป็นวิศวกรที่ทำ Office for Mac นั่นแหละ)
แล้ววิศวกรไมโครซอฟต์แม่มก็เมา เอาแท็บเล็ต Windows ของบริษัทออกมาอวดสตีฟจ็อบส์ว่าเจ๋งกว่า mac งู้นงี้
จ็อบส์มันก็เลยหมั่นไส้ บอกตูนี่แหละจะทำ Tablet งัดกะมุง (จบงานปาร์ตี้นั้น เรื่องนี้รู้ไปถึงหูบิลเกตส์รู้สึกจะหงุดหงิดเลยมั้ง ทั้งเรื่องเอาความลับบริษัทไปให้คู่แข่งดู ทั้งไปจุดไฟสตีฟจ็อบส์ ไม่แน่ใจไล่ออกเลยไหมนะ )

ตอนแรกก็ตันเหมือนกันเพราะไม่อยากเอาสไตลัสมาใช้จิ้มๆจอแบบ Microsoft โชคดีที่ว่าวิศวกรไปเจอทีมงานนึงที่ทำ Gesture ทัชแบบที่เราใช้กันจนปัจจุบันนี้แหละ ตอนนั้นสตีฟไปลองเล่นดู แค่ 5 นาทีขอซื้อบริษัทกับสิทธิบัตรเลย

ปรากฎว่าทำไอโปรเจคอันนี้อยู่ พอเจอปัญหาโมโตขึ้นมาก็เลยเอาวะ เอาโปรเจคแท็บเล็ตพักไว้ก่อน แล้วมาทำมือถือกัน ไอรูปที่โชว์เป็นไอพอดพร้อมกับแป้นกดแบบ Rotary อันนั้นจริงๆคือเป็น Prototype หนึ่งจริงๆนะครับ

ก็ทำไปทำมา แก้ Prototype ไปห้าหกอันมั้ง สุดท้ายได้ไอตัว iPhone แบบที่เราเห็นรุ่นแรกนั่นแหละ ปัญหาชิบหายตอนนั้นอย่างนึงคือ เทคโนโลยีเสาสัญญาณมันยังไม่ได้ดีมากนัก แถม iOS ตัวแรกเนี่ยมันคือเอา macOS มาจับยัดจริงๆ แล้วด้วยฮาร์ดแวร์ตอนนั้นที่ยังไม่ได้ไปไกลอะไรมาก ก็เลยมีปัญหา crash บ่อยมากจนตอนแรกสตีฟจะถอดใจแล้ว สถานการณ์มันก็เลยกดดันให้วิศวกรและทีมงานปรับแทบทุกอย่าง เรื่องสัญญาณรู้สึุกวันนั้นมันโทรหา AT&T เลยมั้งให้เอารถส่งสัญญาณมาจอดล้อมสถานที่จัดงานเลย ประมาณว่าถ้ายังไม่มีสัญญาณอีกก็จนใจละ

วันงานจริงทีมงานแม่มก็เอาเหล้ามาขวดนึง พอ Keynote ถึงส่วนไหน วิศวกรที่รับผิดชอบก็รอลุ้น ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีก็กระดกไปอึกนึง สรุปจบงานแม่มแทบจะล้ม ผ่านไปได้ด้วยดีเฉย  
 


คุณอธิบายในความเป็น Jobs ได้เห็นภาพจริงๆ
เนี่ยผมถึงชอบ ในความรั้นของ Jobs แต่แหม่งมีความเนี๊ยบ กับ หาเงินเก่งด้วยนี้ละ ของแทร่!

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jul 2021
ตอบ: 1573
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 01, 2024 23:20
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
โลกก่อนจ๊อบส์กับโลกหลังจ๊อบส์ดูแค่ product ใหม่ของ Apple หลังจากจ๊อบส์ตายก็ได้ โปรดักค์ใหม่มักจะเปิดตัวด้วยคำถามว่า ออกมาทำไมหรือจะใช้ทำอะไร เช่น Apple Watch รุ่นแรกหรือ Vision Pro ตอนนี้ ซึ่งคำถามแบบนี้แทบไม่เคยมีกับโปรดักค์ใหม่ในยุคของจ๊อบส์

ส่วน Joni Ive ที่ไม่มีจ๊อบส์คุมนี่ก็ทำแต่อะไรไม่รู้ออกมา กลายเป็นทำอะไรก็เฟลหมด จนสุดท้ายทิม คุก ใช้วิธีเอาเอนจิเนียร์มานำบริษัทไปเลยแทน กลายเป็นบริษัทที่ไม่ได้เน้นดีไซน์ จุดขายกลายเป็นความแรงของชิปแทนซะงั้น
แก้ไขล่าสุดโดย AccidentallyMU เมื่อ Wed Oct 02, 2024 00:05, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Apr 2021
ตอบ: 3188
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 02, 2024 00:07
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
ผมว่า job คิดผิดอย่างเดียวคือ เปิดตัวไอโฟนก่อน ผมมองว่าเปิดตัว ipad ก่อน โลกจะว้าวกว่านี้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 3919
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 02, 2024 02:56
[RE: ถ้าไม่มี Steve Jobs ในวันนั้น]
-Kazper- พิมพ์ว่า:
ผมว่า job คิดผิดอย่างเดียวคือ เปิดตัวไอโฟนก่อน ผมมองว่าเปิดตัว ipad ก่อน โลกจะว้าวกว่านี้  


ไม่หรอกท่าน ยุคนั้นเอาจริงๆถ้าเปิดตัวแท็บเลตก่อนผมว่าไม่รอด

คือยุคนั้นแท็บเล็ตแม่มโคตร niche ยิ่งกว่าปัจจุบันอีก แล้วจ็อบส์ลึกๆยังโกรธที่แอปเปิ้ลเคยลงทุนกับ Newton ที่เป็น PDA แสนจะง่อยออกมา (คือมันล้ำนะในตอนนั้นที่มันอ่านลายมือแล้วออกมาเป็นคำได้ แต่คือมันอ๊องบ่อยมาก) ก็เลยทำมือถือก่อน

ประกอบกับยุคนั้นยังหาแบตใหญ่พอทำแท็บเล็ตไม่ได้เลยครับ ยุคนั้นแบตลิเธียมยังทำได้แค่ไซส์เท่าคิตแคทเองมั้ง ของไอโฟนตอนนั้นคือสุดใจที่เขาจะผลิตให้ได้โดยไม่ระเบิดแล้ว

กระจกจริงๆก็คือ Corning เขาวิจัยพอดี แต่ทำไซส์แบบ 7"++ ไม่ได้ สถานการณ์ก็เลยบีบให้เป็นไอโฟน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png



ขอบคุณลายเซ็นต์จากท่าน Soccer Sex ครับ
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel