ลองฟัง ก็พอจะดีขึ้นกว่า โควทในรูปขึ้นมานิดนึง 555

แต่ก็งงๆอยู่ดี

คือจริงๆ เค้าหมายถึงหนี้ของคนอื่นแหล่ะไม่ใช่หนี้เรา หนี้ของรัฐ ที่พิมพ์แบงค์มาอีกที

หนี้ของลูกค้าธนาคาร ที่เอาเงินจากคนฝาก ไปให้อีกคนกู้ แล้วก็เอากลับมาฝากใหม่ กลายเป็นเงินรวมถูกเบิ้ลขึ้นเท่าตัว

ฟังดูแล้วมันก็ดูมีความเสี่ยง ในเงินสดอะนะ

คือเค้าคงจะสื่อว่า ไปถือสินทรัพย์อะไร ที่มันเป็นของที่ไม่ใช่หนี้ดีกว่ามั้ง

พยายามทำความเข้าใจแล้วนะ 555

แต่ก็ไม่เห็นด้วย กับคำว่า เงินสดเท่ากับหนี้ อยู่ดี มันไม่น่าใช่อะ

สุดท้ายแล้วทุกคนเข้าckกันไปผิดหมดเพราะ เพราะthe smirnoff สลิ่มชุบตัวได้ทำนิสัยio เอามาลงให้คนเข้าใจผิดก่อน แล้วค่อยเอาเนื้อมาแก้ นี้มันนิสัยสลิ่มชัดๆ

ก็นะพาดหัวเรียกแขกซะขนาดนั้น จริงๆถ้าพูดว่าลงทุนเพื่อรักษามูลค่าของเงินน่าจะเข้าใจง่ายกว่าป่ะ

FIAT IS SHIT !!

เอาเท่าที่ตัดในคลิปเค้ายกตัวอย่างแปลกๆ Warren Buffett เอาเงินไปลงทุนบอกถือสินทรัพย์ พอคนธรรมดาเอาเงินไปฝาก บอกถือหนี้สิน พยายามสร้างวาทกรรมเพื่อหาจุดขายแหละ ซึ่งก็ปกติของคนกลุ่มนี้ พยายามหาความเชื่อมโยง แต่เหมือนยังไม่สุด ยัง convince ให้คล้อยตามไม่ได้

ช่วงไม่นานมานี้เงินสดสำรองของ Warren Buffett ก็เยอะจัดอยู่นะ ถ้าจำเลขไม่ผิด Warren Buffett ก็มีช่วงแบกหนี้อยู่ราว 2.77 แสนล้านดอลลาร์ อยู่เหมือนกัน งั้นคงไม่เป็นไรหรอก หนี้เราเล็กกว่าเค้าเยอะ 55

แต่ถือเงินสดในปัจจุบันมีความเสี่ยงจริง ตัวอย่างใกล้บ้านเรา อย่างลาวนี่ก็ชัด เงินเสื่อมค่าเร็วจัดๆ ยังดีที่คนส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ถ้าไทยเจอตอนที่เข้าสังคมสูงอายุจัดๆ ระบบเงินออมน่าจะพังเอาได้ง่ายๆ

1บาทในวันนี้มีค่าน้อยกว่า 1บาทของเมื่อวาน

ไม่ใช่หนี้ของเรา หมายถึงหนี้ของประเทศนั้นๆที่พิมพ์แบงค์ออกมา

งั้นผมก็หนี้เยอะเลย ผมนิยมถือเงินสด บริษัทผมก็เน้นเก็บเป็นเงินสด สำรองเงินไปให้อยู่ได้เรื่อยๆยาวๆ มูลค่ามันจะตกก็ช่างมัน ให้เงินมันไม่หายพอ

คิดว่าเสล่อหน่อยๆครับ แต่ก็เอาเหอะ จริงๆแค่ไม่ชอบท่าทางเฉยๆ มั่นเกินเหตุทำไม
และจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องเจ๋งอะไรเท่าไหร่ แต่พูดอยากกะคิดทฤษฎีนิวเคลียร์อะไรได้

หลักการโดยคร่าวๆ เงินสด พิมพ์จากธนาคารกลาง ธนาคารกลางต้องมีassetมาค้ำ เพื่อพิมพ์เงินออกมา
เช่นทองคำ พันธบัตร เงินตราต่างประเทศ เงินลงทุนในassetอื่นๆ หุ้น ต่างๆนาๆ
ซึ่งมาตรงนี้ก็น่าจะชัดเจนระดับนึง ว่า cash ไม่ได้เท่ากับหนี้เสมอไป

ทองคำ เงินลงทุนในassetอื่นๆเช่นหุ้น แบงค์ชาติก็มีเข้าไปถือ แต่เปิดเผยเป็นรายตัวไม่ได้
เพราะงั้นในส่วนนี้ ซึ่งคือ part นึงของคำว่า cash ซึ่งก็ไม่ใช่หนี้
เพราะงั้นต่อให้จะนิยามยังไง cash ก็ไม่ใช่หนี้เพียวๆ แต่อาจจะมีหนี้สอดไส้ส่วนนึงก้ได้

อย่างถัดมา ช่วงท้ายคลิปอ้างว่า Buffett ไม่ได้ถือ Cash แต่ให้เมกากู้คืนนั่นเป็นasset ก็ถูกส่วนเดียว
ในส่วนของ Current asset ซึ่งคือ asset ที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายใน1ปี มี3แสนล้าน
แต่เป็น cash แบบเงินสดจริงๆแค่ 40ล้าน ส่วนมากจะไปอยู่ในพวกพันธบัตรระยะสั้น 3เดือน6เดือนว่าไป

ทั้งนั้นทั้งนี้แบงค์ชาติเอง ก็มีพันธบัตรระยะสั้นแบบเดียวกันเช่นกัน ก็แปลว่าเป็นส่วนของassetในส่วนนี้
ก็เป็นส่วนนึงของคำว่า cash เช่นกัน เพราะงั้นต่อให้ใช้นิยามนี้ cash ก็ไม่เท่ากับ debt ไปอีกขั้น

ซึ่ง CK บอกว่านัยๆว่า สินทรัพย์ที่เป็น debt คือ USD และ US Bond อาจจะรวมถึงประเทศอื่นๆด้วย
อย่างแรกเอาหละ ในเมื่อบอกว่า Buffett ถือพันธบัตรระยะสั้น ให้รัฐบาลกู้กลับไปแล้วเป็น asset
แปลว่าในส่วนของ US Bond และ Bond อื่นๆที่แบงค์ชาติถือ ก็เป็น asset อีก

ก็ต้องแปลว่า CK ต้องการจะบอกว่า USD หรือค่าเงินอื่นๆต่างหากที่คือ Debt
โอเค ยกตัวอย่างมาคือ USD ของเมกา

ถ้าจะพูดถึง USD แน่นอนว่ามันก็พิมพ์มาจาก FED ซึ่งก็ต้องไปเปิดดู balance sheet ของ FED
BS ของ FED ส่วนมากก็เป็น T-note T-Bond ซึ่งเจ้าตัวก็บอกเองว่าเป็น asset
อีกส่วนที่ใหญ่เป็น MBS ถึงมันจะเป็นหนี้ แต่จริงๆมันก็เป็น asset

เพราะงั้นโดยสรุปแล้ว หลักการมันเพี้ยนครับ เอาให้แน่ว่าจะเอาอะไรเป็น asset กันแน่

อย่าง Bufett ลงทุุนใน T-note บอกเป็น asset
Fed ก็ลงทุนแบบเดียวกัน แต่บอกเป็นนัยๆว่ามันคือหนี้ สรุปเอาไงกันแน่
การพิมพ์เงิน หลักการมันก็คือ รัฐบาลออกBond แล้วให้FEDซื้อ ซึ่ง asset มันก็คือพันธบัตรรัฐบาลเมกา

ถ้าจะบอกว่า Bond มันก็คือหนี้ของรัฐบาลเมกา มันเป็นหนี้ ไม่ใช่ asset
แบบนี้ปู่บัฟเฟต ก็ถือหนี้แบบเดียวกับFEDสิครับ ไม่ใช่แยกเคสแยกคน มันงงๆ ไม่มีหลักการรึเปล่า

เค้าก็อาจจะหมายถึงเงินที่มันกองอยู่เฉยๆแล้วเสื่อมค่า

ส่วนที่เสื่อมค่าคือดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย

CK ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง บางเรื่องดีก็เอามาเป็นแนวคิด บางเรื่องที่พูดแล้วแปลกๆก็ไม่ต้องเก็บมาคิด เท่านั้นเอง

ครับคุณซีค

ผมว่าเค้าไม่ได้พูดประเด็นเรื่องเงินเสื่อมค่าเลยแฮะ

เค้าน่าจะสื่อประมาณว่าเงินสดที่พวกคุณถืออยู่อ่ะ มันไม่มีอยู่จริง มันเป็นสิ่งที่ธนาคารสร้างคือมา มันคือหนี้(ของธนาคาร) ไม่ได้บอกว่ามันหนี้ของคนถือเงิน

ซึ่งมันก็หลักการง่ายๆแหละ คนเอาเงินไปฝากแบงค์ แบงค์เอาไปปล่อยกู้ต่อ ถ้าเจ้าหนี้(คนฝากเงิน)มาทวงเงิน(ถอนเงิน)คืนจากแบงค์จนเกินปริมาณเงินสำรองเมื่อไหร่ ก็ Bank Run พูดง่ายๆก็คือไม่มีเงินสดพอจ่ายหนี้(ไม่พอให้คนถอน) เพราะมันไปอยู่ที่คนอื่น(ปล่อยกู้)

เนี่ยแหละคือความหมายของการ เงินสด = หนี้(ของแบงค์)

คำนี้ลึกซึ้งน่าคิดจริงๆ

จะมองว่าไม่ใช่ก็ได้ จะมองว่าใช่ก็น่าจะได้


เพิ่มเติม ปล. ไม่ได้ฟังนะ ลองคิดมุมอื่นดู

เงินสด ที่มูลค่าลดลงทุกวัน ไม่ต่างจากหนี้ที่เสียดอก (เงินเฟ้อ ฯลฯ)

หนี้ที่สร้างเงินสด เกินดอกเบี้ยจ่าย เกินเงินเฟ้อฯลฯ
ไม่ต่างจากเงินสดที่เพิ่มมูลค่า (ทำธุรกิจ ลงทุน อสังหาฯ)

เว้นเรื่องความเสี่ยงไว้ก่อน เพราะมีทั้งหมด เศรษฐกิจพังเงินสดไหนก็ไร้ค่า

ส่วน เงินสดก็คือ เงินสด ตามบัญชี หนี้ก็คือหนี้ ตามบัญชี ตรงไปตรงมา อันนี้ก็ใช่

เอามาให้น้า