วันนี้พอจะมีเวลาว่าง งานไม่ยุ่งมาก เลยอยากจะมาเขียนเรื่องประกันเพิ่มเติมต่อ จากที่ผมเคยเขียนไว้มู้ที่แล้ว
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2246372
ซึ่งก็นานพอสมควร อยากจะเพิ่มข้อมูลต่างๆที่คนที่สนใจอยากมีประกันควรรู้ก่อนจะซื้อประกัน
ซึ่ง ณ ตอนนี้ อยากให้ทุกคนสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น นอกจากการดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย กิน นอนแล้ว
การทำประกันสุขภาพผมว่าก็สำคัญไม่แพ้กัน
เพราะตอนนี้ จากสถานการณ์บัตรทองและปกส ที่ดูทรงแล้วไม่ค่อยดี
การเลือกเข้ารพเอกชนได้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ารพรัฐ ที่มีคนมหาศาลแน่นอน
สำหรับคนที่สนใจจะทำประกัน
ข้อควรรู้ที่เพิ่มมาคือ
จากที่ผมหาข้อมูลในเนต ตามกลุ่มเฟสและพี่ๆตัวแทนที่ผมทำประกันด้วย
(ผมค่อนข้างจากมีหลายฉบับและหลายเจ้า)
คือตอนนี้ประกันค่อนข้างจะเคลมยากขึ้น
ต้องบอกว่าด้วยกฎช่วงปลายปี64 ที่คปภ ตั้งขึ้นมา เรียกว่า new health standard
ซึ่งก็ทำให้ประกันเป็นระบบระเบียบมากขึ้น แต่ที่ส่งผลโดยตรงคือการต่ออายุกรมธรรม์
จากที่เคยได้ยินแต่ก่อนมาคือ เราทำประกันไปเรื่อยๆ พอเราป่วยหนักเป็นโรคร้ายแรงต่างๆ
ประกันอาจจะยกเลิกได้ แต่หลังจากปลายปี64มา หรือประกันสมัยนี้ ไม่สามารถยกเลิกเราได้แล้ว
ถ้าเราไม่ได้ผิดเงื่อนไขดังนี้
1. ไม่แถลงข้อความจริง ตอนทำประกัน
2. เรียกร้องผลประโยชน์ ที่ไม่จำเป็นทางการแพทย์
3. เรียกร้องผลประโยชน์ จากชดเชยรายได้ เกินกว่ารายได้ที่แท้จริง
ขออ้างอิงจากแม่มณีครับ ถ้าใครสนใจลองอ่านเพิ่มเติมได้
https://www.msmany.com/TH/product/newhealthstandard.html
ซึ่งถ้าก่อนจะทำประกัน เราได้แถลงสุขภาพและประกันที่เราเคยทำไปทั้งหมด ไม่ได้ปกปิดโรค
ไม่ได้เบิกการป่วยเกินความจำเป็น ป่วยจริงเบิกจริง ไม่ได้เบิกชดเชยรายได้เกินกว่ารายได้ที่แท้จริงของเรา
บริษัทจะไม่สามารถมายกเลิกประกันของเราได้
เราจะยังสามารถทำประกันสุขภาพต่อไปได้ทุกปีๆ แม้ว่าเราจะป่วยหนักเบิกเยอะก็ตาม
จะมาขยายความทีละข้อ
ขอเริ่มที่1 3 แล้วจะวนมาข้อ 2 อีกทีนะครับ
ข้อ1 ตอนทำประกันครั้งแรก จะมีให้กรอกประวัติการเจ็บป่วยทั้งตัวเรา ทั้งครอบครัว ต่างๆ
แล้วก็ข้อมูลประกันที่เคยทำกับบริษัทอื่นมาก่อน ตรงนี้แนะนำให้กรอกไปตามจริง
เพราะช่วงหลังๆ ประกันเอาตรงนี้มาบังคับยกเลิก เนื่องจากเราแถลงไม่ครบ
ทำให้ไม่สามารถทำประกันสุขภาพไปต่อได้
ข้อ3 อันนี้สำหรับคนที่ทำชดเชยรายได้ เพราะช่วงก่อนโควิด มีหลายคนที่ทำชดเชยรายได้ไว้หลายๆเจ้า
แล้วแกล้งป่วยเพื่อนอนรพเอาเงิน หลังจากนั้น คปภได้ปรับให้การทำชดเชยรายได้ ไม่สามารถเบิกได้เกินกว่ารายได้ที่คนทำได้รับจริงๆ
เช่นรายได้ต่อปี 365000 เราเอาจำนวนวัน 365 หาร จะได้ 1000/วัน ซึ่งเราไม่สามารถที่จะเบิกเกินได้ 1000/วัน
ถ้าเบิกเกินอาจจะโดนยกเลิกประกันทั้งหมดที่ทำมาได้ด้วยครับ
และ ข้อ2 ที่มีปัญหากันพอสมควร ณ ตอนนี้
คือการเบิกโดยที่ไม่จำเป็นทางการแพทย์
ต้องบอกก่อนว่า ด้วยเบี้ยประกันที่ค่อนข้างแพง ทำให้หลายๆคนเวลาทำประกัน อาจจะทำแค่ประกันสุขภาพที่เป็น IPD หรือเรียกว่า ต้องนอนรพ ถึงจะเบิกได้ ถ้ารักษาแบบ opd จะเบิกไม่ได้
และต้องบอกว่าด้วยความที่คนไทย มีความคิดว่า การป่วยเล็กน้อย จะต้องพบหมอหรือนอนรพ หรือมีความคิดว่าการทำประกันทั้งที่ต้องใช้ให้คุ้ม นอนรพให้คุ้ม ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เยอะมากขึ้น
ยกตัวอย่างคือ เป็นไข้หวัด หรือท้องเสีย โดยปกติสามารถกลับไปนอนรักษาต่อที่บ้านได้
แต่ได้ขอให้หมอทำเรื่องนอนรพให้ เพื่อที่จะได้เบิกประกันได้ ไม่ต้องเสียเงิน เพราะถ้ารักษาแบบ opd จะเสียเงิน
แล้วช่วงหลัง ด้วยความที่ไม่มีการควบคุมราคาของรพเอกชน ทั้งค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่ายา ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้บริษัทประกัน น่าจะมีปัญหากับการเบิกลักษณะนี้มากขึ้น แล้วรวมตัวกันไปที่คปภ
ทำให้เกิดข้อบังคับใหม่ขึ้นมา ที่เรียกว่า simple disease
https://www.msmany.com/TH/product/newofnewhealthstandard.html
รายละเอียดเช่น เป็น หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ ท้องเสีย เวียนหัว หรือโรคอื่นๆซึ่งจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่นไม่มีภาวะแทรกซ้อนด้วย
สรุปคือถ้าเป็นโรค simple disease คือกลุ่มโรคที่เป็นแล้วไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องนอนรพ สามารถรักษาแบบopd case ได้ ซึ่งหากมีการเบิกตรงนี้ จะทำให้ ไม่สามารถที่จะเบิกเคลมกับประกันได้ หรือหากมีการเบิกบ่อยขึ้น จะทำให้โดนปรับเป็น copayment ได้
เช่น นอนรพด้วย simple disease มากกว่า3คร้ัง/ปี หรือค่าใช้จ่ายในการเบิก มากกว่าเบี้ยประกันที่จ่าย2เท่า อาจจะถูกปรับเป็น copayment ได้ไม่เกิน 30% แต่ในอนาคตถ้าเราไม่ได้เบิกด้วยโรค simple disease ก็อาจจะปรับลด copay ได้เหมือนกัน
ต้องบอกว่าตรงนี้ผมไม่ได้เข้าข้างบริษัทประกันหรือรพอยางใด บางคนอาจจะคิดว่าอาการหนักแล้วต้องนอน
หรือมีประกันแล้วต้องใช้ให้คุ้ม
แต่ผมต้องบอกว่า การทำทุกอย่างมันมีต้นทุนที่ต้องจ่าย ซึ่งในฐานะคนที่ทำประกันแล้วใช้เฉพาะที่จำเป็นแบบผม ก็ต้องบอกว่าผมเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบพอสมควร เนื่องจากเวลาปรับเบี้ยประกันเพิ่ม จะปรับกันทุกคนที่ทำหรือเรียกว่ายกพอร์ต
ในขณะที่ผมไม่ได้ป่วยนอนรพ หรือมีอะไรเล็กน้อย เสียตังซื้อยากินเอง กลับต้องมาโดนเพิ่มเบี้ย
จากการที่บริษัทตั้งกฎแบบนี้ขึ้นมา
สำหรับเป้าหมายที่ตั้งกระทู้แบบนี้ขึ้นมา ไม่ได้มาเพื่อบ่นคำข้างบน
แต่เพื่ออยากให้ทุกคนสนใจในการทำประกันกันมากขึ้นครับ
ด้วย ณ ปัจจุบันที่ระบบบัตรทองและปกสแย่ลงทุกวันๆ บุคคลากรลาออกกันหมด
สังคมผู้สูงอายุที่คนป่วยมากขึ้น คนป่วยมากขึ้นแต่คนทำงานน้อยลง
ใครเคยไปรพรัฐ น่าจะเข้าใจดีเลยว่า คนเยอะแค่ไหน
ต้องเสียทั้งเวลาทั้งเงินในการเดินทาง แล้วยังเสียสุขภาพจิตอีก
ในขณะที่ รพเอกชน ไม่มีกฎหมายมาควบคุมราคา ทำให้สามารถปรับเพิ่มได้ขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเราไม่ได้รวยระดับหลายร้อยหลายพันล้าน การที่จะเข้ารพเอกชนสักครั้งอาจจะหมดตัวได้
การทำประกันผมว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และในขณะที่ร่างกายป่วย จิตใจก็ป่วยตาม การได้นอนห้องดีๆ ไม่ต้องรอนานก็น่าจะช่วยทำให้การป่วยบรรเทาลงบ้าง
และการทำประกันช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่น่าทำที่สุดช่วงนึง
เพราะจากข่าวที่ได้ยินมา ช่วงต้นปีหน้าจะมีการปรับประกันเป็นแบบ copayment เท่าน้ัน
คือเป็นลักษณะร่วมจ่ายหมดแล้ว ซึ่งจะทำให้เบี้ยถูกก็จริง แต่เราต้องจ่ายมากขึ้นในการนอนรพแต่ละครั้ง
(ต้องบอกว่าเป็นข่าวที่ลือกันมา ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงแค่ไหน)
อีกทั้งช่วงนี้มีการปรับเบี้ยประกันขึ้นพอสมควรจากแต่ก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายการรักษามีแต่เฟ้อขึ้นทุกปีๆ
ราคาเบี้ยประกันมีแต่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ประกันสุขภาพสำหรับผมมันเป็นแค่ optional เนื่องจากบ้านเรายังมีบัตรทองหรือปกสเป็น buffer อีกชั้นให้กับคนในประเทศ ถ้าใครคิดว่าจ่ายไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นหนี้เป็นสิน อดมื้อกินมื้อเพื่อทำประกัน
แต่ทำเพื่อควบคุม cost ความเสี่ยง และเพื่อความสะดวกสบายมากกว่า
ส่วนอันนี้คือประกันสุขภาพที่ แม่มณี คัดมาให้แล้วว่าน่าสนใจ
ซึ่งผมก็ศึกษาจากแม่มณีเป็นหลัก เป็นเว็บที่อ้างอิงได้ดีมากๆเว็บนึง
ลิ้งค์ข้างล่างก็เป็นลิ่งที่รวมประกันตัวที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่เบี้ยหลัก 20k/ปี ซึ่งผมว่ามีไว้ก็อุ่นใจ
มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี
https://www.msmany.com/TH/portfolio/adulthealth2024.html
มู้นี้อาจจะไม่ได้ยาวเหมือน101 เพราะรายละเอียดส่วนใหญ่ผมเขียนในมู้เก่าไปแล้ว
มู้นี้แค่เพิ่มรายละเอียดที่น่ารู้ไว้ก่อนทำประกันแค่นั้นเอง เลยอาจจะสั้นหน่อยครับ
ตัวผมเองไม่ได้เป็นตัวแทนประกัน แต่ที่เขียนบทความขึ้นมาแค่อยากให้คนสนใจในการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและสุขภาพการเงินของตัวเองให้มากขึ้นแค่นั้น
ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับพี่ๆเพื่อนๆใน ss ครับ