ด้วยสภาพภูมิประเทศแบบปัจจุบัน ผังเมืองแบบนี้

หากก่อนปี 54 เราทุบเขื่อนทิ้งทั้งหมดทั่วประเทศ แต่มีป่าไม้ในภาคเหนืออุดมสมบูรณ์เหมือน 100 ปีที่แล้วนะ

แล้วไม่มีการควบคุมน้ำ ปล่อยให้ไหลธรรมชาติ

คิดว่า ปี 54 กรุงเทพจะท่วมน้อยหรือมากกว่าเดิม

อย่าลืมว่าตอนนี้อยู่ในภาวะโลกเดือดครับ
100ปีก่อนสภาวะภูมิอากาศไม่น่าจะใช่แบบปัจจุบัน

ภาคกลางมันท่วมเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเป็นที่ราบลุ่มรับน้ำตอนกลางของประเทศ บ้านสมัยก่อนถึงปลูกบ้านทรงไทยยกสูง

สมัยอยุธยาตั้งรับศึกด้วยการยื้อเวลาจนน้ำหลาก

พม่าใช้วิธีถอยทัพกลับหลายครั้ง ไม่ได้ย้ายค่ายลงมาบางกอก

แสดงให้เห็นว่าน้ำก็ท่วมเหมือนกันตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้วครับ

ท่วมครับ บ้านทรงไทยที่ใต้ถุนยกสูงนี่เหตุนึงคือหนีน้ำนะ

ท่วมเหมือนเดิมครับ

แต่บ้านทรงไทยแบบเมื่อก่อน ก็เลยรอดครับ ไปแต่วัวกับม้าที่ผูกไว้ใต้ถุน

อยุธยา ปทุมธานี เป็นทุ่งพื้นที่รับน้ำ ก่อนเข้า บางกอก อยู่ก่อนนานแล้วครับ บ้านยกสูง ใต้ถุนโล่ง ทั้งนั้น

แล้วกรุงเทพท่วมมั้ยครับ
คือที่ผมสงสัยเพราะบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ เขตเมืองเก่าเขาสร้างบ้านแบบปัจจุบันเลยนะ ห้องแถวไม่ได้ยกสูงเลยครับ

สมัยก่อน ยายเล่าให้ฟังว่า มีท่วมบ้างครับ แต่ไม่มาก น้ำมักไหลบ่า ไปทางตะวันตกหมด สุพรรณ นครปฐม หมด พื้นที่ต่ำ

ไม่เหลือ เพิ่มเติมคือมาทั้งป่า

จะเจอทั้งท่วมและแล้งเลยหละครับ

ประเทศที่ราบลุ่มเยอะ น้ำมันต้องท่วม อยู่ที่การจัดการระบายน้ำ ให้มีผลกระทบน้อยสุดเท่านั้น

เหมือนกรุงเทพนั่นแหละครับ พื้นที่ต่ำติดชายฝั่งทะเล ถ้าฝนตกหนักตรงกับช่วงน้ำทะเลหนุน น้ำมันก็ไม่มีทางไหลลงทะเล ยังไงก็ท่วม

ลองคิดภาพ
แต่ก่อนปล่อยน้ำมา มันก็ไหลตามผิวดินกระจายไปทุกทิศทาง

ตอนนี้ทำทางน้ำ ถมที่สร้างบ้าน ถมทางน้ำธรรมชาติ น้ำมันก็เหมือนไหลเป็นร่องน้ำ
ตรงไหนไม่อยากให้ท่วม ก็ทำกำแพงสูงไว้ น้ำก็ไหลแรงขึ้น เพราะถูกบีบให้อยู่ในจุดเดียว

มันก็ไหลลงไปข้างล่างเร็วและแรงขึ้นเพราะความดันมันสูงขึ้น

มนุษย์แม่งพัฒนามาถึงระบบ เอไอ ละ จะย้อนกลับไปแก้ปัญหาแบบอนาล็อกจริงๆหรอ

การมีป่ามันก็ดี แล้ว เศรษฐกิจหละ ปากท้องหละ ตัวเองอยู่บนเนิน แล้วจะปล่อยให้คนอยู่ตีนเขาแห่งเศรษฐกิจต้องจมน้ำตายหรอ

กล้าเอาภาษีมาจัดการระบบฐานรากมั้ยหละ
กล้าเก็บภาษีที่ดินแบบที่ควรจะเป็นไหมหละ

เขื่อน มันก็คือแก้มลิงนี่แหละ แค่เปลี่ยนชื่อมันก็กลายเป็นเทวดา เป็น ปีศาจ

แก้มลิงคือพื้นที่รับน้ำชั่วคราว มันต่างจากเขื่อนตรงไหน ความสามารถด้อยกว่าด้วยซ้ำ

ถ้ามีเขื่อนก็มีน้ำ มีชีวิต มีความชื้น แล้วป่ามันก็จะตามมาเอง มันคือการจัดการพื้นที่ให้มีศักยภาพมากขึ้น

เขื่อนแม่งถูกสร้างภาพให้เป็นผู้ร้ายมาตลอด
ที่มันร้ายจริงฟ คือไอ้คนที่คุมเขื่อนต่างหาก

ประชาชน ก่อนมีเขื่อน พอไม่มีน้ำ ต้องทำยังไง
พอมีเขื่อน ควบคุมน้ำได้ กลับไม่ชอบใจ จะเอาป่า

อยากได้ป่าก็ปลูกสิ รอแต่คนอื่นปลูกให้ บ้านตัวเอง ตัดต้นไม้ออกหมด เพราะไม่มีเวลาดูแล เทปูนเต็มพื้นที่ มีแอร์3-4ตัว แต่บ่นคนอื่นว่าทำลายป่า ทำโลกร้อน

ท่วมสิ จะไปเหลือหรอ เมืองอยู่ 3 ปากแม่น้ำ ลงมหาสมุทร แม่กลอง-เจ้าพระยา-บางปะกง
ถ้าไปดูหลักฐานทางธรณีนี่จะชัด ว่ามันท่วมเป็นประจำมาเป็นหลายพันปี
อเมริกา ออสเตรเลีย ก็ออกข่าวท่วมอยู่เกือบทุกปี

ทางเดียวที่จะไม่ให้ท่วมคือต้องทำ bypass flood way เยอะๆ พอจะรองรับปริมาณน้ำได้
ส่วนประเทศรวยๆ เล็กๆ พวกนั้นสร้างไปหมดแล้ว
เลยไม่ค่อยเห็นท่วมกันมาก เต็มที่ก็ไม่กี่ชั่วโมง

เขาไม่ได้แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งด้วยการสร้างเขื่อนเหรอ ละพอทุบทิ้งถามว่าจะเกิดไรขึ้น

คิดว่าคนสมัยก่อนคงไม่สร้างบ้านมีใต้ถุนกันเล่นๆ หรอกครับ