มาอย่างเท่แต่กลวง

ควรจะเข้าครับ
ถ้าไม่เข้าก็เตรียมรายได้หายไปหลายเดือนเลย เพราะคนที่มีเงินดิจิตอล คงไม่ซื้อพวก แปรงสีฟัน สบู่ ผงซักฟอก ฯลฯ จากร้านที่ไม่รับเงินดิจิตอล แล้วไปซื้อร้านที่รับเงินดิจิตอลดีกว่า และผมมองว่าซื้อตุนไว้ใช้ยาวๆ หลังโครงการนี้หมดด้วย เป็นผมผมก็ทำแบบนี้

แต่ส่วนตัวไม่เข้าเกณฑ์ ซื้อ โลตัส ทอปป์ ลาซาด้า เหมือนเดิม

ร้านไหนรับ เงินไปจมหลายเดือนกว่าจะได้เงินออกมา ร้านไม่ใหญ่พอ สายป่านก็คงไม่ยาวพอเช่นกัน
คนได้คือบรรดาเจ้าสัวโน่นนี้นั้นเป็นแถบ

แล้วสมมติร้านของชำประเภทอื่นที่ไม่ใช่พวกสินค้าที่หาของเติมราคาส่งจาก Makro ได้อ่ะครับ เช่นร้านประเภท hardware อุปกรณ์ช่าง, อะไหล่ part รถ, ร้านประเภท gadget ย่อมๆ หรือร้านตู้กระจกโทรศัพท์ ที่จำเป็นต้องพึ่งยี่ปั้วเจ้าอื่นที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับ cp เท่าไหร่

การที่ร้านเข้าร่วมโครงการแล้วได้รับเครดิตเงินดิจิตอลระดับนึง เกิดร้านนั้นต้องการจะเติม stock สินค้าในร้าน เค้าจะมั่นใจได้มั้ยว่า ยี่ปั้ว บริษัทซัพพลายเออร์ย่อมๆ ที่ดีลอยู่ปกติ เค้าจะรับเงินดิจิตอลจากทางร้านด้วยเช่นเดียวกัน

ถ้ายี่ปั้วเดิมเค้าไม่รับเงินเครดิตส่วนนี้ ร้านเองจะต้องหาซัพใหม่ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับจนกว่าจะเจอซัพที่รับเงินเครดิตในส่วนนี้ได้?

แล้วถ้าในเคสที่ไม่สามารถระบายเงินเครดิตตรงนี้ได้เลย การที่ได้เครดิตอย่างเดียวแล้วรอกว่าจะเบิกเงินได้ ต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ขนาดตอนเริ่มต้นยังลำบากเลย แล้วร้านที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับ cp และยังเข้าเกณฑ์ สายป่านมันจะรอดใช่มั้ยครับ

ไม่มีทุน ก็จบ
เงินสดจ่ายเป็นต้นทุนไปก่อน ได้เงินดิจิม่อน จบไป 6 เดือน 1ปี กว่าจะได้คืน ใครไหวก็ไหว ไม่ไหวก็อย่าฝืน

เจ้าสัวยิ้ม

รัฐมันก็ไม่สนใจอยู่แล้วหนิครับ


ยังไง 7-11 ก็รับทรัพย์เต็มๆหนิ

มันก็เข้ารายใหญ่แทบทั้งนั้นแหละมั้งครับ

ทำอะไรไม่ได้ครับ ร้านชำที่บ้านผมก็เป็น พ่อแม่ผม low tech สุดๆ แล้วผมก็ตัดพวกท่านออกจาก ความเสี่ยงเรื่อง Call center ด้วย โดยการไม่ให้มี app mobile banking ใน ipad ที่ให้ท่านเล่นเลย จบๆ

ก็บอกตามตรงว่ามีถ้าลูกค้าไม่สะดวก ก็คงต้องซื้อร้านอื่น ซึ่งก็รับผลกันไปครับ (รายได้ลดบ้าง)

ปล. ที่บ้านก็จ่ายภาษีตามที่เค้าคำนวนมาน่ะครับ

ร้านค้าเล็กมีความเสี่ยงอยู่นะ เพราะตอนขายรอบแรกใช้ทุนตัวเอง ขายแล้วได้เงินดิจิตอลมา แต่ถอนไม่ได้ ต้องเอาไปซื้อของมาขายอีกรอบ ถ้ารับเงินดิจิตอลอีก จะถอนได้ไหมและถอนได้เท่าไหร่ เกิดรอบสองขายไม่ดี เจอร้านอื่นดูดลูกค้าไปหมด คราวนี้ยุ่งเลย ต้นทุนกับกำไรยังอยู่ในสินค้ารอบสอง

จะหมุนเงินยังไงในเมื่อขายของแล้วขึ้นเงินไปซื้อของมาเติมไม่ได้

โคตรบัดซบ

ถ้าได้นะ แถวบ้านมีร้านขายของใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการแน่ๆ มีแต่พวก สบู่ ยาสระผม ไรพวกนี้ เต็มที่คงซื้อของใช้ทั่วไป คิดแล้วก็กะจะตุนสักหน่อย ไม่รู้มันตอบโจทย์มั้ยนะแบบนี้

ถ้าผมเป็นเจ้าของกิจการผมมองเป็นโอกาสนะโดยจะเติมสินค้าใหม่ๆ จากซัพเจ้าใหม่ๆ มาลองตลาดดู เอาจริงๆ มันขึ้นอยู่กับมุมมอง ผมถึงบอกไงต้องปรับตัว แต่ใครอยากย่ำอยู่ที่เดิมก็เป็นสิทธิ์ของคนนั้นครับ ถ้าผมเป็นเจ้าของกิจการจะรีบตักตวงผลประโยชน์จากตรงนี้อยู่แล้ว

ผมเป็นเซลส์วิ่งร้านค้า ปัญหาของร้านที่ 1-2 คือทุน ร้านพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขนาดเล็ก ทุนมีจำกัด ลงของเสร็จแล้วต้องรอให้ขายออกไปประมาณนึงก่อน ถึงจะลงของรอบต่อไป โดยนำทุนจากของที่ขายไปแล้วมาลงของชุดใหม่ ส่วนกำไรก็หักเก็บไป
ส่วนร้านที่ 3 ทุนเยอะครับ บางร้านแม้งฟอกเงิน เปิดร้านค้าเพื่อฟอกเงินโดยเฉพาะ (จากที่ผมรู้จัก)

ร้านพวกนี้ไม่อยากเข้าระบบภาษีอยู่แล้ว หรือผมพูดไม่จริง