2 คนข้างบนไปต้องเถียงกัน

ถ้าเก่งเท่ากัน ใครเงินเดือนเยอะกว่า เอาคนนั้นออกครับ

เข้างานเลิกงานตรงเวลา ออกต่างจังหวัดเดือนละ1-2ครั้ง เลิกงานแล้วไม่มีคนโทรตามหรือเต็มที่แค่โทรถามๆไม่ใช่โทรสั่งงานเพิ่ม

จากเงื่อนไขข้างบน
ถ้าทำงาน5วัน ยังไงก็ balance ได้ไม่ยาก
ถ้าทำงาน6วัน ขอพักร้อนมากกว่า 20วัน เพื่อเอามาแลกกับวันหยุด ผมก็โอเค

ผมสาย balance ครับ ไม่ตึงไป หรือหย่อนไป

เคย work hard ตอนจบใหม่ๆไฟแรง ทำงานยันหว่างก็ทำ
จนตกผลึกว่าชีวิตมันมีอะไรมากกว่าจะทุ่มให้กับงาน
พอเปลี่ยนงานก็ค่อยๆบาลานดีขึ้น อาจมีหนักบ้างก็บางช่วง
ทุกวันนี้ก็เข้าออกงานตามเวลาปกติ เสาร์อาทิตย์หยุดแบบทิ้งเรื่องงานไปเลย โน๊ตบุควางทิ้งไว้ออฟฟิศเลย
พอใจกับแบบนี้มากกว่า เงินเดือนอาจไม่เยอะแต่ก็พาชีวิตไปข้างหน้าได้แบบไม่ลำบากอะไร

สำหรับผมคือทำงาน จ-ศ ไม่มี OT แบบถี่ๆ อาจจะมีช่วงหนักๆมี OT บ้างได้ แต่ไม่ควรมีถี่ๆและบ่อยๆ

แล้วก็เสาร์-อาทิตย์ต่างคนต่างไปพักผ่อนไม่ต้องคิดเรื่องงาน ไม่ต้องมานั่งตอบเมล์ ตอบไลน์

เรื่องทำงานหนักแล้วเขาไม่ Layoff อันนี้ผมเห็นด้วยไม่จริงหรอก

ถ้าคุณพัฒนาตัวเองให้เป็นคนคุมงานหรือตำแหน่งสูงๆไม่ได้ คุณทำหนักแค่ไหนเขาก็เอาคุณออกได้(จริงๆตำแหน่งสูงๆก็โดนเอาออกได้เหมือนกัน)

เพราะในเมื่อเงินเดือนคุณมันขยับไปสูงแล้ว แต่ตำแหน่งงานและทักษะคุณมันสามารถปั้นคนใหม่ขึั้นมาแทนได้ เขาก็ลดต้นทุนโดยการเอาคุณออกแทน

จาก ปสก. ส่วนตัว เคยทำ บ.เอเจนซี่มาประมาณ 5 ปี
เข้างาน 9 โมง เลิกงาน แล้วแต่ดวงว่าวันนี้จะ 1 ทุ่ม หรือ 4 ทุ่ม (งานระบบหลังบ้าน)
ปลายปีบอกว่า ผลประกอบการขาดทุน และต้องเอาทีมผมออก 2 คน เนื่องจากไม่ได้สร้างรายได้ ยม.

ปัจจุบันได้งานใหม่มา 2 ปีละ work life balance ชัดเจน ผมก็รับ Freelance เพิ่ม แต่กลายเป็นว่าผมมีเวลามากกว่าตอนทำเอเจนซี่ทั้งๆที่ปัจจุบันทำ 2 งาน

เข้าใจเลย ผมก็เคยอยู่ agency เข้า 9 เลิกงานจริง 3-4 ทุ่มนู่นอะ งานโคตรล้น ไม่เติมคน โอฟรี เสียสุขภาพกายสุขภาพจิตจัดๆ

ไม่เติมคน โอฟรีนี่เรื่องจริงเลยครับ ทีมไหนมีคนลาออก ก็ทนทำงานกับจำนวนคนที่เหลือไปยาวๆ