BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1158
ที่อยู่: Hat yai สภาทนายความภาค9
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 17:38
Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1
ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่าบทความนี้เป็นบทความเก่าที่ผมเคยเอามาลงใน ss มาก่อนซึ่งพอผมเข้าไปดูในกระทู้รูปภาพต่างๆมันได้หายไปหมดแล้วทำให้เสียอรรถรสในการอ่าน ผมเลยอยากจะนำบทความนี้มารีเมคอีกครั้งนึง โดยจะใส่เนื้อหาเพิ่มเติมเข้าไปให้ดีขึ้น โดยบทความในวันนี้ที่จะนำเสนอคือ top 10 สุดยอดเอลฟ์ ทรงพลังที่มีบทบาทสำคัญใน จักรวาลมิดเดิ้ลเอิร์ธทั้ง3ยุคที่ผ่านมา(ส่วนใหญ่จะเน้นยุคแรก)ดังนั้นเอลฟ์ที่ทรงปัญญาอย่างที่สุด อย่างเอลฟ์วันยาร์จะไม่มีชื่อซักคน เพราะหลังจากที่ข้ามฟากไปยังวาลินอร์ พวกเขาไม่กลับมามิดเดิ้ลเอิร์ธเลย(จนศึกสุดท้ายถึงจะมาช่วยตบเกรียนบอส) ดังนั้นผมจะเกริ่น ประวัติคร่าวๆก่อนนะครับว่า เอลฟ์นั้นแบ่งเป็นพวกไหนบ้างแบบรวบรัด

(จะข้ามสปอยก็ไม่มีปัญหาครับ)


เพื่อเพิ่มความอินเปิด sound นี้ฟังไปด้วยจะได้อรรถรสยิ่งขึ้น



ประวัติเอลฟ์แบบสรุป

Spoil

เอลฟ์ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการสร้างขององค์เอรูหรือ อิลูวาทาร์(พระเจ้า)ได้สร้างขึ้น โดยที่เอลฟ์กลุ่มแรกนั้นได้ตื่นขึ้นมาที่ทะเลสาปคุยวิเอเนน มี 3 คู่ 6 คน ซึ่งต่อมาพวกเขาแต่ละคู่ก็ไปจัดตั้งกลุ่มของตนเอง กลุ่มแรกคือ เอลฟ์วันยาร์มีน้อยสุดแค่ 14 กลุ่มที่ 2 คือ เอลฟ์โนลดอร์ มี 56 คน กลุ่มที่ 3 คือชาวเทเลริเป็นกลุ่มสุดท้ายมีมากสุดคือ 74 คน ภายหลังเทพต้องการให้เอลฟ์ย้ายไปอยู่ใกล้เทพ เพื่อเลี่ยงถูกเมลเคอร์จับไปทรมาน จึงได้เชิญผู้นำแต่ละกลุ่มไปคือ อิงเว ฟินเว เอลเวให้ไปได้เห็นก่อนจากนั้นจึงมาชวนพวกที่เหลือให้เดินทางไป ซึ่งการเดินทางนี่แหละเป็นอีกหนึ่งการแบ่งแยกเอลฟ์ คือพวกที่เลือกเดินทางคือพวกเอลดาร์ส่วนที่ไม่ไปคือพวกอวาริ หรือเอลฟ์ซิลวัน ซึ่งพวกวันยาร์และโนลดอร์ทั้งหมดนั้นได้เดินทางไปถึงวาลินอร์(ดินแดนเทพ) ส่วนพวกเทเลรินั้นแบ่งเป็น3กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกคือเลือกที่จะปฏิเสธการเดินทางตั้งแต่แรกจะถูกเรียกว่าอวาริ หรือซิลวัล กลุ่มต่อมาคือกลุ่มที่ตามหาผู้นำของตนอย่างเอลเวหรือธิงโกล ที่พลัดหลงระหว่างการเดินทาง(กลุ่มนี้ต่อมาคือพวกซินดาร์) กลุ่มต่อมาคือกลุ่มที่เดินทางไปจนถึงวาลินอร์(กลุ่มนี้ให้โอลเวน้องชายของเอลเวขึ้นมาเป็นผู้นำชาวเทเลริแทน) พวกเอลฟ์ที่ไปถึงวาลินอร์นั้นล้วนเป็นไฮฟ์เอลฟ์ที่ทรงภูมิปัญญาเหนือกว่าพวกที่ไม่ได้ไปในทุกๆด้านเพราะรับแสงแห่งทวิพฤกษา ส่วนพวกซินดาร์นั้นแม้ไม่ได้ไปแต่สติปัญญาและการต่อสู้เหนือกว่าพวกอื่นเพราะได้เห็นแสงต้นทวิพฤกษาผ่านเทพีเมลิอัน(เป็นเทพไมอาร์ที่ทรงอำนาจ)บวกกับที่ราชาของตนอย่างเอลเวก็ได้เคยไปถึงวาลินอร์มาแล้ว ต่อมาก็เกิดเหตุการต่างๆมากมาย เมลคอร์หนึ่งในเทพวาลาร์ก่อกบฎขโมยดวงแก้วซิลมาริลมายังมิดเดิ้ลเอิร์ธ จนพวกโนลดอร์ต้องกลับมามิดเดิ้ลเอิร์ธอีกครั้งนึงเพื่อจัดการเมลคอร์  


สามตระกูลหลักของเอลฟ์



เกริ่นมายาวพอสมควรที่จริงรายละเอียดเยอะกว่านี้มากแต่เดี๋ยวจะยาวเกินไป
มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ว่า 10 อันดับมีใครบ้าง


10.ลอร์ดเอลรอลด์



เปิดมาที่คนแรกเลยก็คือ ลอร์ดเอลรอลด์ผู้พิทักษ์แห่ง ริเวนเดลล์ มีบทบาทมากในยุคที่2และ3 ยุคที่เซารอนครองอำนาจ ต้องบอกก่อนเลยว่าต้นกำเนิดของแกนั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา เพราะมีสายเลือดของเอลฟ์ทั้ง3เผ่าอย่างวันยาร์ โนลดอร์และเทเลริ(ซินดาร์) รวมไปถึงเทพ(เทพีเมลิอันเป็นเทพไมอาร์)และมนุษย์ทั้งปู่อย่างทูออร์ และฝั่งแม่ก็มีเบเรน(เรียกทวดคงได้แหละ555)ที่เป็นมนุษย์อีกด้วย เอลรอลด์นั้นเป็นบุตรของ เออาเรนดิลกับเอลวิง และมีพี่ชายคือเอลรอสซึ่งตระกูลของเขาสามารถเลือกได้ที่จะเป็นเอลฟ์หรือมนุษย์ ตัวเอลรอลด์เลือกที่จะเป็นเอลฟ์ ส่วนพี่ชายเอลรอสเลือกเป็นมนุษย์และได้เป็นต้นกำเนิดราชาแห่งนูเมนอร์อันยิ่งใหญ่




หลังจากที่จบยุคที่1นั้นเอลรอลด์ได้มาอยู่กับกิลกาลัดจอมกษัตริย์โนลดอร์คนสุดท้ายที่ลินดอน และมีส่วนสำคัญอย่างมากในการต่อต้านเซารอน ในยุคที่2 เพราะหลังจากที่เซารอนล่อวงให้ เคเลบริมบอร์สร้างแหวนแห่งอำนาจทั้งหลาย โดยที่เซารอนเองก็แอบสร้างแหวนเอก ซึ่งฝั่งเอลฟ์เองที่เริ่มไม่ไว้ใจอันนาทาร์(ร่างจำแลงเซารอน) จึงได้แอบสร้างแหวนเอลฟ์เช่นกัน เมื่อเหล่าเอลฟ์สวมแหวนทำให้เซารอนรู้ว่าอีกฝ่ายแอบสร้างแหวนเอลฟ์จึงได้มาถล่ม เอเรกิออนจนย่อยยับ กิลกาลัดและเอลรอลด์จึงได้ยกทัพนำมาช่วย แต่ก็สายไปซะแล้ว เอเรกิออนแตกพ่าย แต่เอลรอลด์ตีฝ่าวงล้อมออกได้และได้มาตั้งหลักที่ อิมลาดิส(ริเวลเดลล์)ใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงแรก ภายหลังกองทัพชาวนูเมนอร์มาเสริมทำให้เซารอนต้องล่าถอยไป และเอลรอลด์ก็ลงหลักปักฐานอยู่ยาวมาตลอด



ต่อมาก็จะเป็นเหตุการต้นเรื่องของเดอะ ลอร์ดนั่นแหละสงครามพันธมิตรครั้งสุดท้าย โดยในศึกนี้เขาได้รบเคียงข้างกับกิลกาลัดและเคียร์ดัน(นักต่อเรือ)ในการสู้กับเซารอน แม้สุดท้ายอิซิลดูร์จะสามารถตัดแหวนเซารอนจากมือได้ แต่ความสูญเสียของทั้งสองฝั่งก็มากเช่นกันกิลลาลัดผู้นำเอลฟ์ในสงคราม จอมกษัตริย์โนลดอร์คนสุดท้ายและเอเลนดิลผู้นำของมนุษย์ได้เสียชีวิตจากศึกนี้ แต่เงามืดก็ไม่ได้หายไปเพียงแต่แอบไปหลบซ่อนรอวันกลับมาอยู่ก็เท่านั้นและเป็นการสิ้นสุดยุคที่2





ในยุคที่3นี้เอลรอลด์มีส่วนในการช่วยให้คนแคระรู้ถึงการเปิดประตูสู่เอเรบอร์เพื่อยึดมันคืนจากมังกรสม็อก เพราะช่วยไขปริศนาจากภาษาโบราณด้วยการบอกวันดูรินให้ทราบว่าเป็นวันไหน



และมีส่วนช่วยขับไล่เนโครมันเซอร์(เซรอน)ออกจากป้อมโดลกุลดูร์ด้วย




ต่อมาก็ให้การรักษาไม่สิต้องบอกว่าเยียวยาบาดแผลของโฟรโดที่ถูกนาซกูลแทงด้วยดาบมอร์กูล






เอลรอลด์ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาขาวหรือว่าพวกผู้มีอำนาจในยุคที่3นั่นแหละครับ อีกทั้งยังได้รับมอบแหวนวิลย่า(แหวนลม)จากกิลกาลัด โดยแกมีชื่อเสียงในฐานะครูตำนานเพราะแกถือว่ารอบรู้รอบด้านมากที่สุดคนนึง บวกกับเป็นทั้งหมอและนักรบที่เก่งมากๆ



ชีวิตส่วนตัวนั้นภรรยาแกคือ เคเลเบรียนลูกของเลดี้ กาลาเดรียลกับลอร์ด เคเลบอร์น มีบุตรชายฝาแฝดคือ เอลลาดาน และ เอลโรเฮียร์ กับบุตรสาวคนสุดท้องคือ อาร์เวน อุนโดเมียล และได้เลี้ยงดูเชื้อสายของ อิซิลดูร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักร กอนดอร์ และเป็นทายาทเพียงผู้เดียวที่หลงเหลืออยู่ อย่าง อารากอนที่ต่อมาจะหลอมรวมกอนดอร์และอานอร์ให้เป็นหนึ่งอีกครั้ง



อย่างที่ได้กล่าวไปพอจบสงครามเอลรอลด์ได้ส่งตัวลูกสาว อย่างอาร์เวนและมอบคทาแห่งอันนูมินาสแก่อารากอน



หลังจบสงครามเอลรอลด์ก็ได้เดินทางข้ามฟากไปยังวาลินอร์และถือเป็นจุดสิ้นสุดยุคที่3





ต้องบอกก่อนว่า ในอันดับนี้นั้นมีคนอื่นอีกหลายคนที่สมควรได้มากกว่าแต่ด้วยบทบาทต่างๆ รวมถึงให้คนที่ไม่เคยอ่านซิลมาริลได้เข้าถึงตัวละครง่ายขึ้นด้วยผมเลยขอจัดแกไว้เปิดหัวเอาไว้

9.เคเลบริมบอร์




เคเลบริมบอร์นั้น เป็นบุตรของคูรูฟินและถือว่าเป็นหลานของเฟอานอร์(หนึ่งในเอลฟ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด)เรียกได้ว่าเคเลบริมบอร์นั้นได้สืบทอดทักษะ ของการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆมาจากปู่เต็มๆ เรียกได้ว่าฝีมือการช่าง ของแกถ้าไม่นับปู่หรือพวกเทพ คงหาได้ยากที่จะใครฝีมือทัดเทียมกับแกได้ เขาเป็น1ในคนที่เดินทางมาสู่มิดเดิลเอิร์ธพร้อมกับทัพชาวโนลดอร์ด้วยในสมัยสงครามชิงซิลมาริล แต่หลังสงครามเนียร์นายธ์อาร์นอยดิอัด เคเลบริมบอร์ติดตามเคเลกอร์มกับคูรูฟินมาลี้ภัยอยู่ในนาร์โกธรอนด์ของ ฟินร็อด เฟลากุนด์ ต่อมาทั้งคู่ถูกขับออกจากนคร แต่เคเลบริมบอร์นั้นอยู่ที่นาร์โกธรอนด์จนวันสุดท้าย และเมื่อสงครามพระพิโรธจบลงแกก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ เอเรกิออน




เอเรกิออนนั้นอยู่ติดกับ คาซัคดูมหรือเหมืองมอเรียในเดอะลอร์ดภาคแรก ในยุคนี้ถือได้ว่าเอลฟ์และคนแคระมีความสัมพันธ์อันดีเป็นอย่างมาก ที่เราเห็นเด่นๆก็คือประตูทางเข้าคาซัคดูมนั้นเป็นภาษาเอลฟ์
และทั้งสองฝ่ายก็ช่วยกันแบ่งปันวิทยาการทางด้านการช่างต่อกัน และตามที่บอกนายช่างที่ฝีมือเป็นเลิศที่สุดคือ เคเลบริมบอร์ ต่อมาได้มีบุคคลผู้หนึ่งรูปโฉมงดงาม นามนั้นคือ อันนาทาร์(เจ้าแห่งของกำนัล) แต่เขาก็ไม่ได้รับการต้อนรับจากอาณาจักร ลินดอน ที่มี ราชากิลกาลัดและเอลรอลด์อาศัยอยู่ แต่ในเอเรกิออน เขาได้รับการต้อนรับอย่างดี ความรู้ของเขามีประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆของเอลฟ์เป็นอย่างมาก แต่ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายของตนเอง โดยที่อันนาทาร์ได้ชี้แนะเหล่าช่างแห่งออสต์อินเอดิล ที่นำโดยเคเลบริมบอร์ ให้สร้างแหวนแห่งอำนาจขึ้นมาหลายวง




แหวนสามวงแด่กษัตริย์พรายใต้แผ่นฟ้า
เจ็ดวงแด่เจ้าชาวแคระในท้องพระโรงศิลา
เก้าวงนั้นหนาแด่มนุษย์ผู้ไร้นิรันดร์
วงเดียวแด่เจ้าแห่งอสูรผู้ครองบัลลังก์ดำ
ในแดนมรณะแห่งมอร์ดอร์
วงเดียวเพื่อครองพิภพ วงเดียวเพื่อค้นพบจบหล้า
วงเดียวเพื่อสาปสิ้นทุกวิญญาณ์ พันธนาไว้ในความมืดมน
ในแดนมรณะแห่งมอร์ดอร์








แม้อันนาทาร์จะคอยแนะนำและสั่งสอนศาสตร์ต่างๆให้แก่เหล่าเอลฟ์นายช่าง แต่ทางฝั่งเอลฟ์เองก็เริ่มเคลือบแคลงใจจึงได้แอบสร้างแหวนขึ้นมาอีกสามวงเช่นกัน นั่นก็คือ

คือ แหวนนาร์ยา แหวนแห่งไฟเป็นอัญมณีสีแดง ช่วยเพิ่มแรงใจให้แก่ผู้สวมใส่ (ตอนแกร์นดาฟสู้กับบัลร็อก)

แหวนเนนยา แหวนแห่งน้ำ หัวแหวนเป็นเพชรส่วนตัวแหวนคือแร่มิธริล กาลาเดรียลใช้แหวนนี้ปกป้อง
ลอธลอริเอน ให้สดชื่นสวยงามอยู่ตลอดกาล สิ่งชั่วร้ายทั้งปวงล้วนไม่กล้าเข้าใกล้เขตอาณาจักรนี้

และสุดท้าย แหวนวิลยาแหวนแห่งลมที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในบรรดาแหวนเอลฟ์ นอกจากอำนาจในการธำรงความดีงาม มีอำนาจในการเยียวยารักษาอีกด้วย หัวแหวนเป็นแซฟไฟร์ สีน้ำเงิน ตัวเรือนเป็นทองคำ




และก็เป็นไปตามนั้นฝั่งเซารอนเองนั้นก็ได้สร้าง แหวนอีกวงไว้เพื่อควบคุมแหวนทุกวง แต่เมื่ออันนาทาร์ได้สร้างแหวนนั้นเขาใส่พลังชีวิตของเขาเองที่มีอำนาจอย่างมหาศาลลงไปด้วย เมื่อเขาสวมแหวน เขาก็รับรู้ถึงแหวนของเอลฟ์ได้ทันที จึงทำให้แค้นใจพวกเอลฟ์เป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่ได้ความรู้ของเขาก็ไม่มีทางสร้างแหวนได้สำเร็จ จึงเริ่มเปิดศึกกับเอลฟ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



ทางฝั่งเอลฟ์ก็ได้รู้ว่าอันนาทาร์ก็คือเซารอน เทพไมอาร์อดีตมือซ้ายของจอมมารอย่างมอร์ก็อธ เมื่อตระหนักได้ทั้งโกรธและกลัวจึงได้ถอดแหวนในทันที

พอเคเลบริมบอร์นั้นรู้ถึงตัวตนของเซารอนเขาจึงมอบแหวนเอลฟ์ให้แก่กิลกาลัดไป2วง คือ นาร์ยากับวิลยา (ต่อมาได้ส่งต่อให้เคียร์ดันและเอลรอลด์)และส่งแหวนเนนยาให้เลดี้ กาลาเดรียลอีกหนึ่งวง






จากนั้นเซารอนก็ได้ยกทัพมาทำลายเอเรกิออนจนราบคาบ



แต่ลอร์ดเคเลบอร์นกับทัพเสริมจากลินดอน(นำโดยเอลรอลด์)ที่มาช่วยตีฝ่าออกมาได้ ส่วนเคเลบริมบอร์นั้นโดยจับและทรมานโดยเซารอน เพื่อถามข้อมูลถึงแหวนของเอลฟ์ว่าใครเป็นผู้ครอบครอง แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ สุดท้ายเคเลบริมบอร์ก็เสียชีวิต พร้อมกับการล่มสลายของเอเรกิออน เหตุการณ์นี้ทำให้ประตูแห่งมอเรียได้ถูกปิดลงไปด้วย




จริงๆอันดับนี้ก็ไม่ต่างจากอันดับ10อย่างเอลรอลด์มากเท่าไหร่ เพราะมีคนที่ควรได้ตำแหน่งนี้มากกว่าหลายคน แต่ที่แกติดมาในอันดับนี้เพราะสาเหตุสำคัญในยุคที่2และ3นั้น เริ่มต้นจากการที่เคเลบริมบอร์ช่วยสร้างแหวนให้แก่เซารอน ทำให้เกิดสงครามสร้างความวายป่วงทั้งมิดเดิ้ลเอิร์ธอีกครั้ง เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เพราะปู่สร้างซิลมาริลจนสุดท้ายทำให้แผ่นดินเบเลริอันด์จมหายไปส่วนหลายมีส่วนสร้างแหวนให้จอมมารตนที่2อีก5555






8.(ร่วม)เอ็กเธลิออน



สำหรับลำดับนี้นั้นขอมาเป็นแพ๊คคู่เพราะเลือกยากว่าใครควรให้อันดับสูงกว่า งั้นขอเริ่มจากคนที่ข้อมูลน้อยกว่าก่อนละกัน
เอ็กเธลิออน นั้นเป็นหนึ่งในเอลฟ์ชั้นสูงของชาวโนลดอร์แห่งนครกอนโดลิน ภายใต้การนำของกษัตริย์ทัวร์กอน
และเป็นผู้นำตระกูล เฟาน์เทนหรือตระกูลน้ำพุ




อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าข้อมูลส่วนตัวของเอ็กเธลิออนมีน้อยมาก แต่เป็นหนึ่งในเอลฟ์ที่เดินทางออกจากวาลินอร์มายังมิดเดิ้ลเอิร์ธ ดังนั้นในด้านความรู้สติปัญญาและฝีมือการต่อสู้ของเขาย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว จากการได้เห็นแสงแห่งทวิพฤกษาในวาลินอร์ ซึ่งตระกูลนี้มีหน้าที่คอยเป็นกำลังเสริมให้แก่ตระกูลอื่นๆในการต่อสู้ ซึ่งก่อนออกรบนั้นตระกูลเฟาน์เทลจะเป่าฟลุตก่อนรบเสมอ



วีรกรรมที่เด่นๆของแกเลยคือการที่ดวลกับ ก็อธม็อก เจ้าแห่งบัลร็อกอย่างดุเดือดจนทำให้ตายตกกันตามไป ซึ่งก่อนหน้านั้นพี่เอ็คเทก็สังหารบัลร็อกตัวอื่นๆไปแล้ว 3-4ตัว ซึ่งวีรกรรมนี้เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวขานไปอีกนาน เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างเอลฟ์กับบัลร็อกทั่วไปซึ่งมีศักดิ์เป็นหนึ่งในเทพไมอาร์ว่ายากแล้ว แต่นี่คือราชาของเหล่าบัลร็อก ที่มีสถานะเป็นมือขวาของ มอร์ก็อธอีกพี่เอ็คเธแกยังเอาลง นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของเอ็คเธลิออนได้เป็นอย่างดี


การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างเอ็กเธลิออนกับก็อธม็อกนั้น เกิดขึ้นที่จัตุรัสราชาและทั้งเอ็กเธลิออนกับก็อธม็อกต่างตกลงไปในน้ำพุอันไม่สิ้นสุด



การที่ให้แกมาอยู่ลำดับนี้ถือว่าไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด สังเกตุได้จากการที่ แกร์นดาร์ฟที่สู้กับบัลร็อคอย่างยากลำบากแม้ตัวปู่แกจะโดนลดพลังไปเยอะอยู่ก็ตาม ซึ่งผลคือตายตกตามกันไป ซึ่งบัลร็อกตัวนั้นเป็นหนึ่งตัวที่หนีจากสงครามครั้งสุดท้าย ย่อมเทียบไม่ได้กับราชาบัลร็อกอยู่แล้วถ้าไม่ใช่เอลฟ์ที่เก่งกาจจริงๆไม่มีทางที่จะโค่นอสูรกายตนนี้ได้แน่ๆ




8.(ร่วม)กลอร์ฟินเดล





ถ้ามีเอ็กเธก็ต้องมีกลอร์ฟินเดลอยู่ด้วยเพียงแต่บทบาท จะมากกว่าหน่อยเพราะแกได้มีโอกาสลงมาโชว์เทพทั้งยุคที่1และ3




กลอร์ฟินเดลนั้นเป็นหนึ่งในเอลฟ์ผู้นำแห่งนครกอนโดลินเช่นเดียวกัน โดยที่เป็นผู้นำตระกูลโกลเด้ล ฟลาวเวอร์
ส่วนเชื้อสายนั้นแม้จะบอกว่าแกเป็นเอลฟ์โนลดอร์ แต่กลับมีผมทองซึ่งตรงตามฉบับของเอลฟ์วันยาร์ ดีไม่ดีแกอาจจะมีเชื้อสายวันยาร์ผสมก็เป็นไปได้ เพราะกรณีนี้นั้นก็เกิดขึ้นกับ ฟินาร์ฟินและลูกของเขาสองคนอย่างฟินร็อดและกาลาเดรียลเช่นกัน




ตามที่บอกกลอร์ฟินเดลนั้น จะมีบทบาทสำคัญใน2ยุค ยุคแรกเป็นหนึ่งในขุนศึกเอกของทัวร์กอน กษัตริย์กอนโดลิน ในช่วงการล่มสลายของกอนโดลินที่มายลินทรยศทำให้มอร์ก็อธรู้ที่ตั้งของเมืองลับแลแห่งนี้จึงส่งเหล่าบัลร็อกบุกมาโจมตีเมือง โดยที่กลอฟินเดลนั้นมีส่วนสำคัญให้อิดริล(บุตรีของทัวร์กอน)กับเออาเรนดิล หนีออกจากกอนโดลินไปได้ โดยที่ตัวเขาได้มาขวางบัลร็อกตนนึงเพื่อให้อิดริลกับเออาเรนดิลหนีไป เขาประจัญบานกับ บัลร็อกอย่างดุเดือด และทั้งคู่จบชีวิตลง ณ ช่องเขาคิริธโธโรนัธ ภายหลังพญาอินทรี โธรอนดอร์ได้นำร่างกลอร์ฟินเดลมาฝังด้วยก้อนหินจนเป็นเนินขนาดย่อม ทำให้หญ้าและดอกไม้งอกงามบริเวณนั้น



การต่อสู้กับบัลร็อกนั้นถือว่าดุเดือดเป็นอย่างมากโดยทุกผู้คนบริเวณนั้นต่างก็ได้เห็นการต่อสู่นี้อย่างชัดเจน กลอร์ฟินเดลรุกไล่บัลร็อกอย่างหนัก โดยที่เกราะของเขาก็กันแส้และกรงเล็บของมันไปด้วย จนสามารถตัดแขนฝั่งที่ถือแส้จนถึงข้อศอก ตอนนั้นบัลร็อกตนนี้หวาดกลัวกลอร์ฟินเดลเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นบัลร็อกก็จับตัวเขาไว้ได้ ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างดุเดือดจนตกเหวไปแต่ กลอร์ฟินเดลคว้าดาบได้เล่มนึงและใช้ดาบนั้นทิ่มแทงเข้าไปเต็มท้องของไมอาร์แห่งไฟอย่างบัลร็อก และทั้งคู่ก็ตกเหวตายไปโดยเสียงร้องของบัลร็อคทำให้เหล่าออร์คบริเวณระส่ำระสายเป็นอย่างมาก



ต่อมาเหล่าทวยเทพได้ส่งกลอฟินเดลกลับมาทำภารกิจบางอย่างซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเซารอนและเหล่าสมุนทั้งหลาย ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของกลอฟินเดลนั้นเรียกได้ว่าทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิมจนเกือบเทียบเท่าเหล่าไมอาร์(เทพชั้นรอง)เลยก็ว่าได้ ในยุคที่3 ชื่อของกลอร์ฟินเดลได้ปรากฎขึ้นอีกครั้งในฐานะ1ในขุนศึกของเอลรอลด์ บทบาทที่เราได้เห็นก็คือ การพาโฟรโดที่โดน นาซกูลแทงด้วยดาบมอร์กูลมารักษาที่ ริเวนเดลด์ เพราะกลอร์ฟินเดลเป็นหนึ่งในเอลฟ์ไม่กี่ตนในยุตนั้นที่เหล่านาซกูลกลัว พอเข้าเขตของริเวนเดลด์เขาได้ร่ายเวทย์ที่แม่น้ำฟอร์ดบรุยเนน ทำให้พวกนาซกูลต้องล่าถอยไป ในนิยายกลอฟินเดลเป็นคนจัดการตรงนี้(แต่ในหนังเปลี่ยนเป็นอาร์เวนแทน)



แกนดัล์ฟก็กล่าวเกี่ยวกับตัวเขาให้โฟรโดฟังว่า "และที่นี่เอง ในริเวนเดลล์ ที่ศัตรูตัวฉกาจของเจ้าอสูรยังคงอยู่ นั่นคือเหล่าพรายเจ้าเอลดาร์ผู้วิเศษจากดินแดนโพ้นทะเล พรายเหล่านี้ไม่กลัวภูตแหวน เพราะผู้ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีชีวิตอยู่ทั้งสองโลกในเวลาเดียวกัน และมีพลังยิ่งใหญ่ทั้งต่อสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น’ และ ‘เขาคือผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเหล่าปฐมชนแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธ เป็นพรายผู้สูงศักดิ์จากตระกูลเจ้า"




แต่บทของกลอฟินเดลด์ที่ไม่มีในหนังคือตอนที่วิชคิง(ผู้นำนาซกูล)บุกอังมาร์หนึ่งในดินแดนของอาณาจักร อานอร์ กลอฟินเดลด์ได้ยกทัพมาช่วยแต่ตอนนั้นอังมาร์ได้แตกไปแล้ว ก่อนที่กษัตริย์กอนดอร์องค์สุดท้ายก่อนอารากอน(ลืมชื่อ)จะประจัญหน้าวิชคิง กลอร์ฟินเดลได้เข้ามาห้าม และได้กล่าวคำทำนายถึงจุดจบของวิชคิงว่า

อวสานของวิชคิงนั้นยังอีกยาวไกลและจะไม่เกิดด้วยน้ำมือบุรุษใด
"Do not pursue him! He will not return to these lands. Far off yet is his doom, and not by the hand of man will he fall." - The Lord of the Rings: The Return of the King




กลอร์ฟินเดลนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมงานแต่งของกษัตริย์แห่งเอเรซซาร์(อารากอน)และได้เดินทางกลับวาลินอร์เป็นอันสิ้นสุดยุคที่3เช่นกัน




การต่อสู้ของเอ็กเธลิออนและกลอร์ฟินเดลกับบัลร็อกนั้นได้ถูกกล่าวขานเป็นอย่างมาก เพราะต่อให้เป็นเอลฟ์แห่งยุคที่1ที่เห็นแสงทวิพฤกษาก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการบัลร็อกได้ถ้าไม่เก่งโครตๆจริงๆ


7.ทัวร์กอน



อันดับ8ได้กล่าวถึง2ขุนศึกแห่งกอนโดลินไปแล้ว อันดับต่อมาก็คือ ทัวร์กอนจอมกษัตริย์แห่งกอนโดลิน ทัวร์กอนเป็นโอรสองค์รองของฟิงโกลฟิน มีพี่ชายคือ ฟิงกอน และน้องสาวคือ อาเรเดล โดยมีภรรยาคือ เอเลนเว และบุตรสาวชื่อ อิดริล ทัวร์กอนเป็นหนึ่งในเอลฟ์ชาวโนลดอร์ที่ติดตามเฟอานอร์มายังมิดเดิ้ลเอิร์ธ และภายหลังก็ถูกทอดทิ้งจนต้องเดินทางผ่านข้ามทุ่งน้ำแข็งเฮลคารัคเซ จนเป็นเหตุให้ภรรยาเขาอย่างเอเลนเวเสียชีวิตในการเดินทางครั้งนี้ด้วย



ในตอนแรกนั้นเขาได้มาอาศัยอยู่ที่เนฟรัสต์ ก่อนที่เขาและฟินร็อด เฟลากุนด์ลูกพี่ลูกน้องและสหายรัก ได้รับนิมิตจากเทพอุลโม ให้สร้างอาณาจักรที่มั่นคงเพื่อหลบเลี่ยงจาก มอร์ก็อธ จนในที่สุดเทพอุลโมจึงช่วยดลใจให้ทัวร์กอนค้นพบหุบเขาทุมลาเดนภายในวงล้อมของเทือกเขาวงแหวน ทัวร์กอนเริ่มสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นที่นี่ ซึ่งก็คือนครกอนโดลินที่ยิ่งใหญ่ พร้อมกับได้อพยพผู้คนจากเนฟรัสต์ให้มาอยู่ที่กอนโดลินทั้งหมด



กอนโดลินนั้นสร้างโดยมีต้นแบบมาจาก นครทิริออนเมืองหลวงของเอลฟ์โนลดอร์ในวาลินอร์ และเป็นต้นแบบในการสร้างให้กับมินาธธิริธของกอนดอร์อีกด้วย โดยนครแห่งนี้ตั้งอยู่บนอะมอนกวาเร็ธ เนินเขาแห่งการระวังป้องกันอันเป็นยอดเนินศิลาที่อยู่ใจกลางทุ่งราบ ประตูนครกอนโดลินทำจากเหล็กกล้า กำแพงทำจากหินอ่อน ขัดเกลาด้านข้างของเนินเขา จนราบเรียบราวกระจกสีดำ ในใจกลางเป็นที่ตั้งของหอคอยและพระราชวัง มีน้ำพุมากมาย เป็นสถานที่ปิดตายที่คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า จะเรียกเมืองลับแลก็ว่าได้




ในด้านการปกครองนั้นกอนโดลินมีตระกูลผู้นำทั้งหมด 12 ตระกูล

1.House of the King ตราประจำตระกูล ดวงจันทร์สีเงินดวงอาทิตย์หัวใจสีเเดง
ผู้นำตระกูล Turgon กษัตริย์แห่งกอนโดลิน โอรสองค์ที่2ของฟิงโกลฟิน


2.House of the White Wing ตราประจำตระกูล ปีกสีเงิน
ผู้นำตระกูล Tuor ลูกชายของฮูออร์ มนุษย์เผ่าเอไดน์ พ่อของเออาเรนดิล


3.House of the Mole ตราประจำตระกูล ทุ่งสีดำ
ผู้นำตระกูล Maeglin ลูกของ Eol และ Aredhel


4.House of the Harp ตระประจำตระกูล พิณสีเงิน
ผู้นำตระกูล Salgant


5.House of the Golden Flower ตราประจำตระกูล ดอกไม้สีทอง
ผู้นำตระกูล Glorfindel


6.House of the Fountain ตราประจำตระกูล น้ำพุและคริสตัลสีขาว
ผู้นำตระกูล Ecthelion


7-8.House of the Pillar and House of the Tower of Snow ตราประจำตระกูล เสา,หอคอยสีเงิน
ผู้นำตระกูล Penlod เป็นผู้นำหลักของ2ตระกูลและเป็นผู้นำสูงสุดของลอร์ดทั้งหมดในกอนโดลิน


9.House of the Heavenly Arch ตราประจำตระกูล 7อัญมณีสีรุ้ง
ผู้นำตระกูล Egalmoth


10.House of the Swallow ตราประจำตระกูล หัวลูกศร
ผู้นำตระกูล Duilin เอลฟ์ผู้ใช้ธนูที่เก่งที่สุดในกอนโดลิน


11.House of the Tree ตราประจำตระกูล ต้นไม้
ผู้นำตระกูล Galdor


12.House of the Hammer of Wrath ตราประจำตระกูล ทั่งตีเหล็ก
ผู้นำตระกูล Enerdhil Rog เป็นศิษย์เอกของเฟอานอร์




นอกจากนี้กอนโดลินยังได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ ที่มีวิทยาการสร้างอาวุธต่างๆได้ดีที่สุดเลยก็ว่า เพราะขนาดดาบสามเล่มที่พวกบิลโบพบในถ้ำของโทรลล์ในฮ็อบบิทภาคแรก ซึ่งเวลาผ่านมาถึงหกพันปีแต่ไม่มีแม้แต่รอยสนิม




แม้ว่าอาณาจักรแห่งนี้จะแข็งแกร่งยังไงแต่สุดท้ายก็ต้องล่มสลายจนได้ สาเหตุเกิดจากการแตกร้าวภายในนี่แหละที่ทำให้ล่มสลายตลอดกาล(ผมนึกถึงคำพูดของซีโม่ในกัปตันภาค3เลย )สาเหตุหลักๆก็มาจากความอิจฉาริษยาของมายกลิน(หลานของทัวร์กอน)ที่มีต่อทูออร์(พ่อของเออาเรนดิล)เพราะนับตั้งแต่ที่ทูออร์เข้ามาเรียกได้ว่า ทัวร์กอนให้ความสำคัญกับเขาน้อยลง แถมยังยกอิดริลคนที่มายกลินรักให้แต่งกับทูออร์อีกด้วย (อิดริลกับมายกลินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน) ต่อมามายกลินที่ออกไปนอกกอนโดลินดันถูกจับได้จากนั้นมอร์ก็อธก็ยื่นข้อเสนอว่าจะยกอิดิลให้มายกลินเป็นของรางวัลหากบอกที่ซ่อนของกอนโดลิน พอรู้ข้อมูล มอร์ก็อธระดมพลเต็มกำลัทั้งออร์ค บัลร็อกและมังกรถล่มกอนโดลินอย่างหนัก จนในที่สุดกอนโดลินก็ล่มสลายพร้อมกับการตายของกษัตริย์ทัวร์กอน




สำหรับผมทัวร์กอนเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ผมชอบมากซึ่งการที่แกอยู่อันดับนี้เพราะอาณาจักรของแกคือ อาณาจักรสุดท้ายของเอลฟ์ที่ล่มสลาย รวมไปถึงวิทยาการต่างๆที่ตกทอดมาจนถึงยุคที่สามอย่างดาบที่จะส่องแสงเมื่อเจอกับออร์คก็อบลิน และทัวร์กอนเป็นหนึ่งในเอลฟ์ที่มอร์ก็อธหวาดกลัวมากที่สุดคนนึงอีกด้วย

6.เอลู ธิงโกล



ราชาแห่งโดริอัธ กษัตริย์แห่งเอลฟ์ซินดาร์ ตอนแรกผมลังเลว่าจะให้แกอันดับไหนดี พอลองจับชื่อชื่อที่เหลือแล้วมาเช็ควีกรรมต่างๆดูให้แกอยู่อันดับ6ก็ถือว่าสมควรแล้ว สำหรับธิงโกลหรือเอลเวนั้นเป็นผู้นำของเอลฟ์ชาวเทเลริ เป็นตัวแทนผู้ได้รับเลือกจากเทพโอโรเมไปยังแผ่นดินอมตะเพื่อยลทวิพฤกษาแห่งวาลินอร์ พร้อมกันกับอิงเว และฟินเว หลังจากนั้นผู้นำเอลฟ์ทั้งสามจึงกลับมาชักชวนพลเมืองของตนให้เดินทางออกจากทะเลสาบคุยวิเอเนนไปยังแผ่นดินอมตะ โดยที่ชาวเทเลริเดินทางอยู่ท้ายสุด



แต่ระหว่างทางเอลเวหรือธิงโกลได้พลัดหลงไปเจอกับเทพีเมลิอันหนึ่งในเทพไมอาร์ ทั้งคู่ตกในมนต์เสน่ห์หายืนในพวังค์หลายร้อยปีทำให้ชาวเทเลริที่ออกเดินทางเพื่อไปวาลินอร์แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือตามหาราชาธิงโกลและไม่ได้ข้ามไปยังวาลินอร์ พวกนี้คือเอลฟ์ซินดาร์ ส่วนอีกกลุ่มนั้นนำโดย โอลเลน้องชายของธิงโกลได้นำชาวเทเลริไปยังวาลินอร์ โดยที่ภายหลังโอลเลก็ได้เป็นกษัตริย์ของเทเลริในวาลินอร์ ซึ่งชาวเทเลริที่ไปถึงวาลินอร์จะถูกเรียกว่า ฟามาลิ



หลังจากที่คืนสติมาได้ ราชาธิงโกลได้กลับไปหาผองชนของเขาพร้อมกับเทพีเมลิอัน โดยที่ไม่ได้เดินทางต่อไปยังวาลินอร์ ถึงแม้ว่าเอลฟ์พวกนี้จะไม่ได้เดินทางไปยังดินแดนเทพแต่ก็มีพละกำลังความรู้ความสามารถมากกว่าเอลฟ์กลุ่มอื่นที่เลือกไม่เดินทางไปยังวาสลินอร์ตั้งแต่แรกอยู่พอสมควร เพราะด้วยราชาของพวกเขาก็ได้ยลแสงแห่งทวิพฤกษามาแล้ว บวกกับราชินีของตนเป็นถึงเทพไมอาร์และ เอลฟ์เหล่านี้ก็ได้ยลแสงทวิพฤกษาผ่านเทพีเมลิอัน ซึ่งเอลฟ์เหล่านี้จะถูกเรียกว่าเอลฟ์ซินดาร์ โดยที่ธรันดูอิลและเลโกลัสก็นับว่าอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน




จากนั้นทั้งธิงโกลและเมลิอันได้ปกครองตลอดจนใช้ความรู้สั่งสอนทักษะต่างๆแก่พวกตนทำให้เอลฟ์กลุ่มนี้มีพลังอำนาจมากสุดในมิดเดิ้ลเอิร์ธตามที่ได้กล่าวไปด้านบน (ก่อนการมาของเหล่าโนลดอร์)โดยที่เอลฟ์ภายใต้การดูแลของเคียร์ดันไปจนถึงเทือกเขาสีน้ำเงินต่างยกให้ธิงโกลและเมลิอันเป็นราชาและราชินิของตน พร้อมกับได้กำเนิดธิดาของตนนั่นก็คือ ลูธิเอน




โดยประวัติของเธอจะกล่าวในอันดับต่อๆไป โดยในตอนนั้นถือได้ว่าเป็นช่วงที่สงบสุขที่สุดในดินแดนเบเลริอันเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงการมาถึงของเหล่าคนแคระที่มีฝีมือการช่างเป็นเลิศที่ได้สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมมากมายแต่ความสงบสุขนั้นไม่จีรังยั่งยืน เมื่อเทพีเมลิอันสัมผัสได้ว่าเมลเคอร์จะได้รับการปล่อยตัวจึงกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้น พระนางได้ปรึกษากับธิงโกลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น จากนั้นธิงโกลได้ขอความช่วยเหลือช่างของคนแคระให้ช่วยสร้างนคร เมเนกร็อธขึ้นมาซึ่งเป็นนครของหลวงของเอลฟ์ซินดาร์ บวกกับได้เริ่มสร้างอาวุธต่างๆขึ้นมาไว้ด้วย



พอพูดถึงภัยร้ายมันก็มาถึงจนได้หลังจากที่เมลคอร์ได้บุกทำลายวาลินอร์รวมถึงแย่งชิงซิลมาริลและหนีออกมาด้วยความร่วมมือของพญาแมงมุมอุงโกลิอันธ์แต่ระหว่างหลบหนีทั้งสองได้กระทบกระทั่งกันและตอนที่เมลคอร์โดนแทงนั้นเสียงร้องของมันดังสนั่นจนมาถึงแผ่นดินเบเลลิอันด์ โดยที่นางแมงมุมนั้นได้เดินทางไปทางเหนือและขยายลูกหลานบริเวณนั้นแต่ไม่สามารถย่างกรายเข้าสู่โดริอัธได้เพราะอำนาจของเทพีเมลิอัน



จากนั้นเมลเคอร์หรือมอร์ก็อธได้รวบรวมกำลังพวกออร์คและสัตว์ร้ายต่างๆเพื่อหวังจะยึดแผ่นดินเบเลลิอันด์
แต่ทางกษัตริย์ธิงโกลนั้นก็ได้รวบรวมเหล่าเอลฟ์และคนแคระมาเพื่อต้านทานทัพของมอร์ก็อธ การต่อสู้ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการสัปยุทธ์ครั้งแรกในแผ่นดินเบเลริอันด์ก่อนการมาถึงของเหล่าโนลดอร์ ซึ่งเป็นฝ่ายเอลฟ์และพันธมิตรได้รับชัยชนะไปได้ในครั้งนั้น แต่ถึงยังไงหลังจากสงครามเทพีเมลิอันได้ร่ายเวทย์เหมือนตาข่ายปกคลุมโดริอัธไว้ทำให้ภัยร้ายไม่อาจย่างกรายเข้ามาได้ ระหว่างนั้นก็ได้มีการตื่นของเหล่ามนุษย์เช่นกัน แต่ธิงโกลสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากเผ่าพันธุ์นี่จึงไม่อนุญาตให้มนุษย์เข้ามาด้วยเช่นกัน แต่เทพีเมลิอันได้ทำนายไว้ว่า จะมีมนุษย์คนนึงที่มีอำนาจบางอย่างเหนือตนที่สามารถย่างกรายเข้ามาในโดริอัธได้




จากนั้นเหล่าโนลดอร์ได้เดินทางมาถึงมิดเดิ้ลเอิร์ธเพื่อที่จะมาล้างแค้นและทวงคืนซิลมาริล ในตอนแรกนั้นกษัตริย์ธิงโกลก็ดีใจจากการที่ได้พบญาติอีกครั้ง แต่เมื่อได้ยินถึงการสังญาติของเหล่าโนลดอร์ที่สังหารชาวเทเลรินั้น กษัตริย์ธิงโกล ได้สั่งห้ามชาวโนลดอร์บุตรแห่งเฟอานอร์ทั้งหมดเข้าใกล้โดริอัธเว้นแต่ ราชสกุลของ ฟิงโกลฟิลและฟิร์นาฟินที่มีเชื้อสายของเหล่าเทเลริ(อาจเพราะได้รับโทษจากการเดินทางผ่านทุ่งน้ำแข็งด้วยส่วนหนึ่ง)ซึ่งเลดี้กาลาเดรียลก็นับเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับการยกเว้นและได้อาศัยอยู่ที่นี่โดยตลอดพร้อมกับได้รับการสั่งสอนจากเทพีเมลิอันอีกด้วย ต่อมามีมนุษย์ผู้หนึ่งนามว่าเบเรน ได้ผ่านข่ายมนต์ของเทพีเมลิอันเข้ามาได้ตามที่นางได้เคยกล่าวไว้ ซึ่งเบเรนได้เจอกับธิดาของธิงโกลและเมลิอันเข้าทั้งคู่ต่างตกหลุมรักกัน แต่ทางฝ่ายธิงโกลนั้นไม่ยอมให้เกิดการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์นี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด (ทั้งทีตัวเองเป็นแค่เอลฟ์แต่ดันเล่นจับเทพไมอาร์มาเป็นเมียนี่อะนะ555 )



ธิงโกลเลยมอบภารกิจให้เบเรนไปทำคือไปชิงซิลมาริลมาจากมอร์ก็อธ(ในส่วนนี้ดีเทลผมขอเล่าในอันดับของลูธิเอน) ซึ่งเบเรนก็ทำสำเร็จ และเมื่อธิงโกลได้เห็นซิลมาริลก็หลงไหลมันเป็นอย่างมากและไม่รู้เลยว่ามันจะนำหายนะมาสู่ตนและพวกพ้อง




โดยที่เขาได้รับสั่งให้คนแคระนำซิลมาริลไปรวมกับสร้อยเนากลามีย์(หนึ่งในสมบัติของคนแคระที่ถวายแด่ฟินร็อด เฟลากุนด์โดยธิงโกลได้รับมาจากฮูริน)ให้สร้างขึ้นมาให้แก่เขา โดยในระหว่างการสร้างธิงโกลก็อยู่ด้วยท่ามกลางวงล้อมคนแคระ และเมื่อมันสร้างเสร็จด้วยความโลภของคนแคระก็เลยพยายามจะแย่งสร้อยเนากลามีร์ที่รวมกับซิลมาริล โดยอ้างว่ามันเป็นสมบัติของคนแคระที่ถวายแด่ฟินร็อด ธิงโกลมีสิทธิ์อะไรที่จะเอามันไป ธิงโกลรู้ว่าสิ่งที่คนแคระต้องการคือซิลมาริล จึงตวาดเหล่าใส่คนแคระและขับไล่ให้พวกเขาออกไปจากโดริอัธ ด้วยความโกรธแค้น เหล่าคนแคระจึงได้รุมสังหารราชาธิงโกลราชาแห่งเอลฟ์ซินดาร์ บุตรแห่งอิลูวาทาร์เพียงหนึ่งเดียวที่ได้เคียงคู่กับเทพไมอาร์จนสิ้นใจ




หลังจากการสิ้นใจของสวามี เทพีเมลิอันก็ได้กับไปสู่วาลินอร์จึงทำให้ข่ายพลังที่พลังร่ายเอาไว้พังทลายจนทำให้เป็นหนึ่งในสาเหตุทำให้โดริอัธล่มสลาย




การที่ราชาธิงโกลมาอยู่ในอันดับนี้เพราะตามที่บอกไปแกคือ1ในเอลฟ์3ตนแรกที่ได้รับเชิญไปยลโฉมวาลินอร์ เป็นราชาของเอลฟ์ซินดาร์ ได้เคียงคู่กับเทพีเมลิอัน มีธิดาที่เป็นสุดยอดคนหนึ่งในประศาสตร์ เอาง่ายๆแค่เลโกลัสที่สืบเชื้อสายที่ตกทอดมาจากเอลฟ์ซินดาร์ยังเทพขนาดนั้นแล้วตัวพ่ออย่างธิงโกลจะขนาดไหน



ผังตระกูลเชื้อสายของราชาธิงโกลและเทพีเมลิอัน





ที่จริงผมอยากจะทำให้จบ partเดียวจบ แต่ข้อมูลเยอะเกิน เลยแบ่งเป็นสองpartคงดีกว่า
โดยมีข้อมูลอ้างอิงตามนี้ หนังสือตำนาน ซิลมาริล,The fall of gondolin,วิกิพีเดีย,pantip
จากคุณTwo Trees of Valinor คุณLakesidemile และช่องfan faction studio ซึ่งผมนำข้อมูลต่างๆมารวมกันและนำมาเขียนตามความเข้าใจของผมเอง ผิดพลาดประการไหนก็ขออภัยด้วย ยินดีรับคำติชมทุกประการครับ




แก้ไขล่าสุดโดย เป็นความลับ เมื่อ Wed Jul 10, 2024 21:08, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ออนไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 1 ใบ
เข้าร่วม: 03 Aug 2023
ตอบ: 2772
ที่อยู่: ที่เรียนรู้อยู่ที่ยอมรับมัน
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 21:20
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
กษัตริย์ใต้ขุนเขา กษัตริย์แห่งน้ำพุสีเงิน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ขอพระเจ้าคุ้มครองท่าน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Mar 2013
ตอบ: 714
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 21:40
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
รูปแรก ประวัติ3ตระกูลเอลฟ์ ตระกูลขวา ฟอนต์สีเหลืองอ่านไม่ออกเลยครับ ตระกูลไรหว่า
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 May 2009
ตอบ: 9044
ที่อยู่: Dedicated To The People Who Made It : อุทิศให้แก่ผู้ที่สร้างมันมา
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 21:41
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
เพลงประกอบเพราะ ฟังแล้วคิดถึงวันวาน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
There has to come a time when enough is enough : เมื่อถึงเวลาพอก็ต้องพอ
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 May 2009
ตอบ: 9044
ที่อยู่: Dedicated To The People Who Made It : อุทิศให้แก่ผู้ที่สร้างมันมา
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 21:44
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
ยลแสงแห่งทวิพฤกษา นี่ช่วยให้เก่งขึ้นหรอครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
There has to come a time when enough is enough : เมื่อถึงเวลาพอก็ต้องพอ
ออฟไลน์
(Yoda)
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Aug 2021
ตอบ: 3489
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 22:02
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
ส่วนตัวล้วน ๆ ต้องเสด็จพ่อ Thranduil the Fabulous



ตัวละครเยอะจัด หลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้าง

ว่าด้วยความเก่ง จำชื่อไม่ได้ล่ะ
คนที่ไปสู้กับมอร์กอธ ฟันขามอร์กอธขาเป๋ไปเลยหน่ะ

ขออภัยที่อ่านไม่หมดครับ ยาวมาก ไม่ได้ใส่แว่น
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: แง้นๆๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9022
ที่อยู่: ที่นี่แหละ
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 22:31
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
huun พิมพ์ว่า:
ส่วนตัวล้วน ๆ ต้องเสด็จพ่อ Thranduil the Fabulous



ตัวละครเยอะจัด หลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้าง

ว่าด้วยความเก่ง จำชื่อไม่ได้ล่ะ
คนที่ไปสู้กับมอร์กอธ ฟันขามอร์กอธขาเป๋ไปเลยหน่ะ

ขออภัยที่อ่านไม่หมดครับ ยาวมาก ไม่ได้ใส่แว่น  


ฟิงโกลฟินฮะ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Oct 2009
ตอบ: 171
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 22:34
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
อ่านไปอ่านมา อย่างงง สมองเบลอไปหมด
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: แง้นๆๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9022
ที่อยู่: ที่นี่แหละ
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 22:37
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
ขอรูปฟิงโกลฟิน กับเฟอาร์นอร์ เท่ๆนะฮะ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: คิดถึงยอดหฤทัยใจจะขาด
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 21956
ที่อยู่: ทวีวัฒนา
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 22:41
Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1
เอลฟ์ สวยขาวๆ ใน ซีรี่ส์ นั้น เก่งไหม
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status: อยากให้ MOCM แมตช์ไหน ขอได้ครับ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Apr 2010
ตอบ: 3054
ที่อยู่: สมาคมฟุตบอลไทย
โพสเมื่อ: Wed Jul 10, 2024 23:34
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
ดีงาม สนุกมากครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 45294
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Thu Jul 11, 2024 00:03
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
เรื่องมันละเอียดจริง คือแต่ละตัวเอาจริงๆดีเทลโคตรเยอะ สร้างเป็นโคตรมหากาพย์สบายๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1158
ที่อยู่: Hat yai สภาทนายความภาค9
โพสเมื่อ: Thu Jul 11, 2024 00:16
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
Se7enUp พิมพ์ว่า:
รูปแรก ประวัติ3ตระกูลเอลฟ์ ตระกูลขวา ฟอนต์สีเหลืองอ่านไม่ออกเลยครับ ตระกูลไรหว่า  

เอลฟ์ วันยาร์ครับเรียกได้ว่าเป็นเอลฟ์ที่มีสติปัญญาสูงที่สุดแล้วก็ว่าได้ เปรียบเสมือนพวกหลุดพ้นเลยก็ว่าได้
เพราะเอลฟ์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เดินทางไปยังวาลินอร์(ดินแดนเทพ)ทั้งหมด และอยู่ยาวๆไม่กลับมายังมิดเดิ้ลเอิร์ธอีกเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: “To be, or not to be, that is the question”
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Jul 2009
ตอบ: 2655
ที่อยู่: เมืองอุรายาสึ
โพสเมื่อ: Thu Jul 11, 2024 02:56
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
Riyah พิมพ์ว่า:
huun พิมพ์ว่า:
ส่วนตัวล้วน ๆ ต้องเสด็จพ่อ Thranduil the Fabulous



ตัวละครเยอะจัด หลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้าง

ว่าด้วยความเก่ง จำชื่อไม่ได้ล่ะ
คนที่ไปสู้กับมอร์กอธ ฟันขามอร์กอธขาเป๋ไปเลยหน่ะ

ขออภัยที่อ่านไม่หมดครับ ยาวมาก ไม่ได้ใส่แว่น  


ฟิงโกลฟินฮะ  


คิดว่าไมฟิงโกลฟิน ก็เคียร์แดน เข้าชิง

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status: จิ้งจกเสพความเหงา
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Feb 2021
ตอบ: 10050
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 11, 2024 08:41
[RE: Top 10 เอลฟ์ในประวัติศาสตร์Middle-earth Part1]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel