เรียกคุยแจ้งความต้องการพร้อมข้อเสนอให้เขาคับเพราะว่า ความรับผิดชอบกับรายได้มันต้องไปควบคู่กันคับ อยากได้จากลูกน้องมาก ก็ต้องจ่ายมาก
ผมเคยอยู่ในจุดที่เดอะแบกทุกอย่าง สุดท้ายจบโครงการเซลล์รับเป็นแสน เซลล์เอนจิเนียร์รับเป็นแสน
ผมเอนจิเนียร์ ออกแบบ เขียนแบบ จัดทำรายงานเบิกงวด ประชุมชี้แจงโปรดักซ์กับลูกค้า คุมงานติดตั้งพร้อมเทรนนิ่ง โครงสร้างลูกค้าไม่ถูกก็คำนวณ revise ให้ว่าต้องแก้แบบไหน แบบ As-Built คู่มือการใช้งาน ทำทุกอย่างที่งานมันจะจบได้ แต่ปิดโครงการไม่ได้อะไรนอกจากเงินเดือนประจำ

จะบอกว่าเซลล์ก็ประชุมขายของ พรีเซนต์โปรดักซ์กับลูกค้าก่อนขายก็ใช่ แต่ขั้นตอนนี้มันก็ลากผมไปพรีเซนต์ให้ 3D sketch up ผมก็ทำไปให้หมด

ก่อนจ้างเมสซี่ ทำไมไม่จ้างซาลาห์

เมสซี่ค่าเหนื่อย 9แสนปอนด์

ซาล่าห์ 3 แสนปอนด์

จ้างเท่าซาล่าก็ทำงานแค่นั้นแหละ

ให้เขาเป็นเจ้าของดิ เขาทำแน่

คุณพูดเอาแต่ได้ เอาเปรียบลูกจ้างอ่ะ


เหมือน มนุษย์ป้า ซื้อของเลย เช่น จ่าย 40 บาท ซื้อข้าวผัดจานนึง น้องๆ ทำไมข้าวผัดมีไข่ฟองเดียวและหมูไม่กี่ชิ้น ทำไมไม่ใส่ กุ้ง , ปลาหมึก , เนื้อปู , ปลาแซลมอนล่ะ



พี่กินข้าวผัดในร้านน้อง แล้วร้อนมากเลย ติดแอร์ให้หน่อยซิ , น้องแต่งร้านให้ดูสวยๆก็ดีนะ เพิ่มบรรยากาศร้าน , พนักงานเสริฟบริการดีๆกว่านี้ด้วยนะน้อง เอาแบบร้านอาหารตามห้างเลยนะ



แต่คุณจ่ายข้าวผัดจานหนึ่งราคา 40 บาทนะ


ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้าน เจอลูกค้าแบบป้าคนนี้ คุณรู้สึกยังไง นั่นแหละสิ่งที่คุณกำลังทำกับลูกจ้างของคุณอยู่

กลับกันเลย การที่บริษัทจะจ้างในราคาที่สูงขึ้น จำเป็นต้องแสดง
ศักยภาพให้บริษัทเห็นก่อน เงินถึงจะปรับตาม ถ้าเอาแต่อ้างว่า
ให้เงินแค่นี้ก็ทำแค่นี้ ก็คงได้เงินเท่านี้ตลอดไป แต่ถ้าแสดงศักยภาพ
ออกมาเต็มที่ให้สูงกว่าเงินที่เค้าจ้าง เดี๋ยวเค้าก็จะปรับเงินให้เท่า
ความสามารถของเรา แต่ถ้าเค้าไม่ปรับให้ แสดงว่าเราคงอยู่ผิดที่
ก็คงต้องย้ายไปที่ๆเห็นค่าความสามารถของเรา

ปล ใช้ไม่ได้กับทุกเคส แต่ประสบการณ์ผมเป็นแบบนี้

กว่าจะแสดงศักยภาพให้เห็น ใช้เวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี กับงานที่เพิ่มขึ้นมาในระยะเวลาขนาดนี้จะให้ทำฟรีกับงานที่เพิ่มขึ้นมาผมมองว่าไม่แฟร์

_________________
มันควรเป็นแบบนี้ไหม
.
ถ้าเขาเงินเดือน 25,000 บาท คุณเอางาน xxx มาให้เขาทำ ซึ่งสมมุติว่า value ของงานนี้น่าจะประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน
.
ช่วงทดลองคุณก็ตกลงกับเขาซิว่า ใน 6 เดือน หรือ 1 ปีต่อจากนี้ ผมจะให้เงินเดือนคุณ 25,000 บาทบวกกับ 10,000 บาท (ซึ่งบริษัทก็บุคไปว่าเป็นค่าโบนัส หรือ incentive ก็ว่าไป) สรุป เขาจะได้ทั้งหมด 35000 บาท ตอนสิ้นเดือน
.
ถ้าช่วง 6 เดือนหรือ 1 ปี เขาทำแล้วผ่าน ก็ปรับฐานเงินเดือนของเขาเป็น 35000 บาท
.
แต่ถ้าทำแล้วคุณมองว่าไม่ผ่าน ก็กลับไปให้เงินเขาแค่ 25000 บาทเหมือนเดิม และไม่ต้องให้เขาทำงานที่เพิ่มขึ้นมานั้นอีก แบบนี้ไม่ผิดกฎหมายด้วยถ้าลดค่าจ้างพนักงาน เพราะค่าโบนัสมันลดได้ไม่คงที่ทุกเดือนอยู่แล้ว
.
.
ถ้าแบบนี้มองว่าแฟร์นะ
.
แต่ถ้าแบบให้ทำงานที่เพิ่มโดยไม่ให้ค่าจ้างเพิ่มเลยเป็นเวลาหลายเดือน อันนี้คุณต้องคิดในมุมลูกจ้างด้วยว่าเขาก็ต้องเสียแรงเสียเวลามานั่ง research ว่าจะทำงานนั้นยังไง เสียเวลามานั่งทำงานที่เพิ่มขึ้นมานั้นเป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ให้อะไรเพิ่มเลย ก็ไม่แฟร์อยู่แล้ว
.
.

ถ้าเห็นว่าเค้ามีศักยภาพ

ทำไมไม่ลองหาผลตอบแทน หรือแรงจูงใจ

ให้เค้านำมาใช้หละ

ถ้าอนาคตคุณเป็นเจ้าของบริษัทจะเอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ผมแค่พูดในมุมบริษัททั่วๆไปในปัจจุบัน
อย่างที่บอก ถ้ารู้สึกไม่แฟร์ ก็ย้ายงาน

เจ้าของบริษัทรู้ว่าบริษัทยกระดับได้ ยังไม่ทำ แล้วลูกน้องจะทำทำไม สนับสนุนสิครับ หน้าที่ ความสามารถ ความรับผิดชอบ ผลตอบแทน และเวลา