สอบถามเป็นความรู้ครับท่านอยากทราบขั้นตอนการซื้อ สมมุติเราจะซื้อบ้านหลังนี้แต่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาอะไรเลยเราก็ให้คนมาตรวจได้ใช่มั้ยครับ หรือว่าต้องเซ็นอะไรเบื้องต้นก่อนแล้วให้คนมาตรวจจนเจ้าของโครงการแก้ไขถึงจะวางตัง เห็นข่าวพวกบ้านวางยา ใช้ของห่วย ๆ ละกลัวเลย

ถ้าบ.ไหนเคยมาตรวจโครงการแล้ว จับปัญหาได้ เขาก็เลยแบนไง 555 แสดงว่ารู้แล้วว่าเรียกมามันต้องโดนอะไรบ้างเลยไม่อยากให้เรียก
หลังอื่นๆ บ. นี้เขามาตรวจก็วิ่งไปดูตรงที่เคยมี defect จากบ้านหลังอื่นๆก่อนเลยว่าเป็นไง ซึ่งตามคณภาพ มันคงมีปัญหาทุกหลังนั้นแหละ
โครงการเลยแบน

ในมุมบ.ก็เขาตรวจบ้าน เจอรอยแมวขวน รอยสีเป็นก้อนๆ มุมเอียง อะไรเล็กๆน้อยๆ เขาก็ต้องหาให้หมดอะ ก็งานเขา ถ้าเขาบอกว่าผ่านตรงที่มันมีdefectแม้จะเล็กน้อย แล้วเจ้าของบ้านมาเจอทีหลัง ก็เสียชื่อเขารึป่าว แล้วบ.แบบนี้ มันก็อยู่กันด้วยชื่อเสียง บอกต่อๆกันอยู่แล้วด้วย

ซื้อบ้านราคาเท่าไร คนเราซื้อบ้านได้กี่หลังกัน จะโอนบ้าน จะมาเกรงใจอะไรเจ้าของโครงการมันครับ มันไม่มีเกินไปหรอก ซื้อแล้วก็เปลี่ยนไม่ได้ ซ่อมมาก็ไม่ใช่ของใหม่แล้วด้วย

ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องการแก้ ก่อนโอนให้แก้เนี่ย 1-2เดือน อาจจะเสร็จ ถ้าหลังโอน 1-2ปี อาจจะไม่เสร็จ

คุณก็จะเห็นแล้วละว่าบางความเห็น มันแสดงให้เห็นว่าฝั่งเจ้าของโครงการเขาคิดยังไงบ้างครับ เขาคิดประมาณเนี่ยแหละไม่ได้คิดว่าทำให้ดีที่สุด เพราะเขาไม่ใช่คนจ่ายตัง ไม่ได้เป็นคนอยู่ แค่เอาให้ผ่านส่งๆไป ทำน้อยสุดเพื่อให้ได้เงิน อารมณ์อยู่ได้ ไม่ตายก็โอเคแล้ว เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแหละว่าจะมองมุมคนซื้อจุกจิกมีปัญหา แต่ได้ของดี หรือจะเอามุมคนขายโอนๆไป แล้วก็มาปวหัวเองทีหลัง

คนทำบ้านขายไม่มีใครสนใจบ้านหรอก มันสนเงินทั้งนั้นแหละ ได้เงินปุ๊บ(โอนบ้าน) ก็จบแล้วเขาก็ไปทำบ้านหลังใหม่ ไปแก้หลังที่ยังไม่โอน

จากคนทำงานด้านนี้รับลูกค้ามาหลายร้อยหลัง

อยู่ที่ความพอใจเจ้าของบ้าน เงินเขา ใจเค้าใจเรา ใส่ใจแล้ว อันนี้ทำไม่ได้ ทำแล้วมีปัญหาต่อผมก็บอกเจา้ของบ้านตรงๆไปเลย รับได้แค่ไหน ทำได้แค่ไหน

ทำงานไม่ใช่สักแต่เป็นวิศวกรโยธาก่อสร้าง ผมถือว่าผมเป็นวิศวกรบริการ ผมบริการเท่าเทียม ปรึกษาต่อเติม แก้ไขอะไร จะทำไรบอกผม ดึกๆดื่นๆผมยังไม่นอน มีปัญหาที่บ้าน โทหาผมได้ตลอด

ส่วนเรื่องบริษัทตรวจบ้าน มีไหมที่ตรวจเลอะเทอะ บอกเลยว่ามี แล้วผมเก็บตามวิจารณญาณชองผม สุดท้ายลูกค้าแฮปปี้ ผมจบงาน ผมด่าบริษัทตรวจบ้านซ้ำด้วย เพราะเดี๋ยวนี้ชอบเอาเด็กยังไม่จบมาตรวจ สักแต่แปะสติกเกอร์

เน้นจำนวนDefect ไม่ได้ตรวจเอาแบบที่น่าเกลียดว่าต้องทำหรือใช้งานจริง เจอมาหลายบริษัท
บริษัทดังๆก็มีนะ บางทีมของเค้าก็ตรวจเอาโล่ แค่เม็ดทรายผิวผนังภายนอกมันยังให้เก็บ

บางบริษัทแค่มาตรวจก็รู็แล้วว่ามั่ว บานประตูมีเส้นเซาะร่องบางๆ ในร่องมีเม็ดเหมือนฝุ่น มันขัดไม่ได้ยังจะให้เก็บคือทำตัวเหมือนมีความรู้แต่มั่วซั่วเยอะสมัยนี้

ตรวจเวอร์มีไหม บอกเลยว่ามี ส่วนใหญ่เป็นพวกเวอร์ในงานสถาปัตย์ ซึ่งมีผลทางใจ แต่ไม่ค่อยมีผลในการใช้งาน
แต่เอาเข้าจริง defect งานสถาปัตย์พวกนี้ มันเป็นเรื่องที่คุยกันได้ง่าย (ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แก้ยากมากด้วย)
ซึ่งโครงการที่ดี ก็ต้องอาศัยการพูดคุยเอา ไม่ใช่เอามาเป็นข้ออ้างไม่ให้ตรวจ

ตัวอย่างเช่นบ้านผม วางพรีแคสต์เบี้ยวไปนิดนึง (ไม่กี่องศา) ผู้ตรวจลง defect ไว้ให้ แล้วบอกว่าไม่มีผลต่อโครงสร้างบ้าน แต่มันไม่สวย แล้วให้ตัดสินใจเอาเองว่าจะรับไหม (เพราะมันแก้ไม่ได้แล้ว) ซึ่งผมก็โอเคไป เพราะทำเลหลังนี้มันถูกใจกว่า

ด้วยจรรยาบรรณของคนตรวจ ยังไงก็ต้องแจ้ง defect ทุกอย่างที่เจอให้ลูกค้าทราบ แต่ก็ต้องให้คำอธิบายไปด้วย ว่าตรงไหนที่ร้ายแรง ตรงไหนที่ไม่ร้ายแรง การแก้เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ หน้าที่คนตรวจมีเท่านี้ ที่เหลือมันเรื่องของคนซื้อบ้าน ว่าพอใจได้ระดับไหน
ส่วนโครงการ มีหน้าที่ต้องไปดีลกับคนซื้อ ให้เขาพอใจ ถ้าตัวเองทำมาดีจริงๆ มันไม่มีการแก้หนักๆ หรอก ไอ้ที่แก้เยอะๆ หนักๆ ก็เพราะตัวเองคุมงานอย่างห่วยทั้งนั้นแหละ อย่างบางโครงการ งานโครงสร้าง งานระบบ เข้าขั้นขยะเลย ไม่มีลูกค้าคนไหนพอใจหรอก มีแค่จะรู้หรือไม่รู้ตอนจะรับบ้านแค่นั้นแหละ พอมารู้ทีหลังก็กลายเป็นข่าวนั่นแหละ

ปล.
1.ลูกค้าเรื่องมากจัดๆ เหลี่ยมเยอะก็มีนะ แต่ก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น โครงการไม่ควรเอามาอ้าง
2.คนตรวจโรคจิตที่คิดว่าเขียน defect เยอะๆ แล้วเท่ ดูโปร ก็มีนะ แต่ผมว่าไม่ใช่ข้ออ้างของโครงการ ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าใครตรวจงี่เง่า มีปัญหา ตรวจเวอร์เกินโดยไม่มีมาตรฐานอ้างอิง ก็ร้องจรรยาบรรณไปก็ได้นะ ถ้าโดนเรื่องจรรยาบรรณการตรวจขึ้นมา ก็นำมาเป็นเหตุไม่ได้ตรวจได้ สมเหตุสมผลอยู่
3.เรื่องบ้านมันมีมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานงานระบบต่างๆ อยู่ ถ้าทำตามนั้น ยังไง defect ก็น้อย (บ้านที่ไม่มี defect เลยไม่มีอยู่จริงนะครับ แต่ถ้าทำตามมาตรฐาน มันจะไม่ค่อยมีปัญหาใหญ่ๆ เท่าไหร่) defect น้อย อยู่ในวิสัยที่แก้ได้ ก็ไม่ค่อยมีเรื่องกันหรอกครับ แก้ๆ ไปก็จบ แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย แต่ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นคือเวลาก่อสร้างคุมไม่ดี งานออกมาห่วย ทำให้เกิดปัญหาเยอะ แก้กันบาน แล้วก็มาโทษลูกค้าว่าเรื่องมาก เพราะตัวเองไม่อยากแก้ (เปลืองงบ) ทั้งที่ ถ้าทำดีแต่แรก มันก็จบแล้ว
4.ทุเรศสุดที่เคยได้ยินมา คือ ไม่ยอมให้ตรวจบ้านเลย (ไม่ว่าจะใครก็ตาม) ให้คนซื้อตรวจเองเท่านั้น กับอีกพวกคือ มีคนตรวจของโครงการมาให้ผู้ซื้อให้บริการ อันนี้ conflict of interest ชัดมาก อย่างน่าเกลียด

ถามแบบคนไม่รู้เลย งี้เราแอบตกลงคนตรวจบ้าน

ให้มาแบบเนียนๆ นั่งรถเก๋งคันอื่น หรือ รถที่ไม่ระบุชื่อบริษัท แล้วมาตรวจไม่ได้รึคัรบ ใครจะไปเชคได้

อุปกรณ์ในการตรวจบ้าน ไม่ได้เยอะขนาดใส่รถเก๋งอื่นๆมาไม่ได้อยู่ละ

เวลาออกเอกสารก้ปิดๆชื่อบริษัทไปก่ได้ ไม่ก้เอาข้อมูลเปล่าๆเฉยๆ มาคุยกับโครงการเวลาต้องแก้ไข

ต้องมีการจองบ้านก่อนครับ ซึ่งก็คือเสียเงินจองนั่นเอง
หรือบางโครงการ อาจจะมีผ่อนดาวน์สำหรับลูกค้าเพราะตอนกู้จะได้ไม่ต้องไปยื่นในราคาที่สูง
แล้วพอบ้านสร้างเสร็จแล้ว เซลล์ก็จะแจ้งท่านมาบ้านพร้อมโอนแล้วนะ ทำการตรวจรับยื่นกู้ได้เลย ประมาณนี้ครับ

ถ้าเกิดเราจ้างคนมาตรวจแล้วมีปัญหาแบบ จขกท เราตัดสินใจไม่เอา ก็เท่ากับว่าเสียค่าจองฟรี


ยอมเสียตรงนั้นดีกว่าได้บ้านห่วยเข้าใจถูกมั้ยครับ

ปกติแล้ว ทางโครงการจะทำการแก้ไขให้นะครับ

เราสามารถให้ทางโครงการแก้ไขจนกว่าเราจะพอใจได้ครับ แต่บางโครงการเซลล์จะหัวหมอจะมาบอกว่าจะแก้ไข defect ให้ไม่เกิน 2 หรือ 3 ครั้งเท่านั้น เพราะเขาก็ต้องการปิดยอด

แต่ถ้ามันหนักจริง ๆ แล้วทางโครงการไม่ยอมแก้ให้ หรือแก้ไขแล้วไม่หาย
ก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีครับ เพราะว่าปกติแล้วนอกจากเงินจอง (หลักหมื่น) วันที่ทำสัญญาจะซื้อขาย
(สัญญาว่าเราจะทำการซื้อ ทางโครงการจะทำการล็อคบ้านหลังที่เราเลือกไว้ให้ )
ตรงนี้บางโครงการเราจะเสียเงินอีกก้อนด้วยครับ ( หลักหมื่นหลักแสน ) แล้วแต่โครงการเลย

ปัญหาตรงนี้ส่วนนึงเกิดมาจากการเก็งกำไรในใบจองสำหรับคอนโดสมัยก่อนครับ
developer บางเจ้าเลยเกิดการเก็บเงินตรงนี้ขึ้นมา แล้วก็ลามมาถึงบ้านด้วยครับ
แต่ก็แล้วแต่โครงการกับโปรช่วงที่เราไปทำการจองเลยนะครับ ตรงนี้จะไม่ตายตัวเท่าไร