ประวัติ
* ล่าสุดแกซื้อ Golden Globes Award และปลุกความนิยมในรางวัลนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
* เขาเรียบจบสายการเงินและทำให้เขาได้พบกับ Mark Walter ที่ได้มอบโอกาสให้เขาได้ฉายแสง
* เมื่ออิ่มตัวกับการทำงานกับ Mark Walter ก็ไปก่อตั้งบริษัทตัวเองร่วมกับ Hansjörg Wyss ชื่อว่าบริษัท Eldridge
* บริษัท Eldridge ได้ทำการซื้อกิจการมากมาย โดยใช้เงินสดที่มหาศาลของธุรกิจประกัน
* Todd Boehly กู้ยืมเงินจากบริษัทตัวเอง เพื่อซื้อกิจการต่างๆในนามบุคคลธรรมดา ตัวอย่างเช่น LA Dodgers, Chelsea รวมถึงก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อว่า Cain Internation ร่วมกับ Jonathan Goldstein
Chelsea
* ซื้อ Chelsea ในปี 2022 จากเสี่ยหมี
* ผลประโยชน์ที่คาดไว้น่าจะเป็นเรื่องมูลค่าทีม, การถ่ายทอดสดเหมือนที่ทำกับ Dodgers, รายได้จากการจ้างบริษัทตัวเองก่อสร้างสนามใหม่, รายได้สโมสรและทีวีที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ถ้าเพื่อนๆพอมีเวลาก็ลองอ่านฉบับยาวดูนะครับ
เริ่มกันเลย!
คืนชีพ Golden Globes Award
ในปี 2021 Golden Globe ผู้มอบรางวัลอันโด่งดังแห่ง Hollywood ได้ประสบปัญหาเรื่องการคอรัปชั่นภายในองค์กร และ เรื่องที่ไม่มีคณะกรรมการผิวดำแม้แต่คนเดียวในบอร์ดบริหาร
จนเป็นที่มาของการที่ Tom Cruise คืนถ้วยรางวัลทั้งหมดของเขาแก่ Hollywood Foreign Press Association (HFPA) ที่เป็นเจ้าของ Golden Globe ณ ขณะนั้น (ปี 2022)
ต่อมาในปี 2023 ความนิยมของ Golden Globe เริ่มตกต่ำ รวมถึง Hollywood ที่มีประท้วงนัดหยุดงานของเหล่านักเขียน นับเป็นช่วงเวลาวิกฤติเลยก็ว่าได้
ดังนั้น เพียง 6 เดือนก่อนการประกาศรางวัล Golden Globe ทาง Boehly และ Jay Penske (หุ้นส่วน) ได้ทำการซื้อ Golden Globe จาก Hollywood Foreign Press Association (HFPA) และครอบครองผ่านบริษัทที่มีชื่อว่า Eldridge Industries
โดยให้สิทธิ์ Jay Penske ในการบริหาร Golden Globe ใช้เวลาไม่นานนัก Golden Globe ได้ทำการขายลิขสิทธิ์สื่อให้กับ CBS และ Paramount+ เป็นเวลา 6 ปี เพื่อหาเงินมาพยุงบริษัท (ต่อมาได้ใช้ท่านี้อีกครั้งในการหาเงินให้กับ LA Dodger)
ในวันประกาศรางวัลประจำปี เรทติ้งของ Golden Globes Award กลับมาดีอีกครั้ง โดยมีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นกว่า 51% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่าเป็นคำคืนที่น่าพอใจสำหรับเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะซีรีย์ของบริษัท A24 ซึ่งเป็นในเครือของเขาได้รับรางวัลในคืนนั้นด้วย ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ Beef: คนหัวร้อน และเรื่องนี้ยังคว้า Oscar อีกด้วย
Mark Walter ชายผู้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
Boehly เรียน High School ที่ Landon School เป็นโรงเรียนชายล้วนของรัฐแมริแลนด์ ในขณะที่เรียนอยู่เขาอยู่ในทีมมวยปล้ำโรงเรียน Boehly บอกว่ากีฬามวยปล้ำช่วยให้เขาเติบโตอย่างมากในฐานะนักธุรกิจ "มวยปล้ำเปรียบได้กับการเป็นผู้ประกอบการ มันมีจะแค่คุณ (เมื่ออยู่บนสังเวียน) ไม่มีที่ไหนที่จะหลบซ่อน"
เขาสำเร็จการศึกษาจาก William & Mary ในปี 1996 สาขาวิชาเอกการเงิน และมุ่งหน้าไปยัง London School เพื่อเรียนต่อปีสุดท้ายของ High School ในประเทศอังกฤษ ในขณะที่ศึกษาอยู่ เขาได้เข้าฝึกงานในแผนกอนุพันธ์ด้านเครดิตของ Citibank
ซึ่งการฝึกงานที่ Citibank ครั้งนี้ทำให้เขาได้รับงานทันที่เมื่อเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยในนิวยอร์ก (CS First Boston)
โดยทำงานเป็นนักวิเคราะห์ที่จัดโครงสร้างภาระผูกพันเงินกู้ที่มีหลักประกัน (CLO) และได้สร้างผลงานอันโดดเด่น โดยเขาคิดค้น model การจัดพอร์ตที่ให้ผลตอบแทนสูง ในขณะที่อายุได้แค่ 23 ปี นั่นทำให้เขาได้ย้ายไปทำงานที่เป็นบริษัทลงทุนที่ชื่อ JH Whitney เป็นที่ที่เขาได้พบกับ Mark Walter
ในขณะที่ทำงานกับบริษัท JH Whitney เขาได้ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทของ Mark Walter ที่ชื่อ Guggenheim มูลค่า $600 ล้านดอลลาห์สหรัฐ
ทำให้ Mark Walter ชื่นชมในตัว Boehly เป็นอย่างมาก จึงทำการให้ Boehly ดูแลดีลมูลค่า $1.5 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ และ Mark Walter ก็แต่งตั้ง Boehly ให้มาเป็นผู้ดูแลพอร์ตโฟลิโอพันธบัตรของบริษัท
ในไม่ช้าเขารู้ล่วงหน้าของการล่มสลายของบริษัท Enron ในขณะที่นักลงทุนผู้เก่งกาจใน Wall Street ไม่อาจรู้ถึงหายนะครั้งนี้ด้วยซ้ำ
ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ทำงานกับ Mark Walter ใน Guggenheim เขาทำให้บัญชีเครดิตของ Guggenheim มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น $60 พันล้านดอลลาร์ จากนั้นก็ได้เลื่อนขั้นมาดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท
ประสบการณ์การทำงานที่นี่ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าซื้อธุรกิจต่างๆ ทั้งบริษัทประกัน บริษัทสร้างหนัง รวมถึง LA Dodgers, Chelsea
* Mark Walter ผู้ชวนเขาเข้ามา ซึ่งภายหลังเป็นหุ้นส่วนกันใน LA Dodgers, LA Lakers และ Chelsea
* Jonathan Goldstein หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์สาขายุโรป ซึ่งภายหลังเป็นหุ้นส่วนกันที่ Chelsea และ Cain International ตัวเต็งบริษัทรับเหมาที่จะสร้างสนามใหม่ให้ Chelsea
* Hansjörg Wyss อดีตลูกค้าของเขาที่ Credit Suisse ซึ่งภายหลังเป็นหุ้นส่วนกันในบริษัทแม่ของเขาที่ชื่อ Eldridge และ Chelsea
แต่เมื่อเขาต้องการครอบครองบริษัทในนามบริษัท หรือในนามบุคคลธรรมดา
เขาก็จะใช้การกู้เงินจากบริษัทของเขาเอง นั่นทำให้เขาไม่เสียภาษีเงินได้ และ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยราคาแพง ตัวอย่างเช่นในการซื้อทีมเบสบอลอย่าง LA Dodgers
ซื้อ LA Dodgers ราคาถูกเหมือนได้มาฟรี
Boehly เป็นแฟนกีฬาเบสบอลมาตั้งแต่ยังจำความได้ ในปี 2011 LA Dodgers ถูกฟ้องล้มละลาย และเขารู้ได้ทันทีว่า LA Dodgers ถูกตั้งราคาไว้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมาก
เขา และ Mark Walter จึงทำการซื้อกิจการทีมมูลค่า $2B ในปี 2012 โดย Boehly ถือหุ้นอยู่ 27%
ไม่นานนักในปี 2013 Dodgers ได้ขายสิทธิ์สื่อ 25 ปีให้กับ Time Warner Cable ด้วยมูลค่ารวม $8.4b (ต่อมา Time Warner Cable ได้ขายต่อให้กับ Charter บริษัททีวียักษ์ใหญ่ในอเมริกา)
จากนั้น LA Dodger กับบริษัทคู่ค้าอย่าง Time Warner Cable ก็จับมือกันสร้างช่องกีฬาชื่อ SportsNet LA เพื่อออกอากาศเกมของ Dodgers โดย Boehly เองก็มีบริษัทผลิตสื่อทางทีวีอยู่แล้ว การจะสร้างช่องกีฬาขึ้นมาใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
ปัจจุบันรายได้จากการเป็นเจ้าของช่องทีวี SportsNet LA ก็ใกล้เคียงกับเงินที่ Boehly จ่ายเพื่อซื้อทีมเบสบอลทีมนี้ไปในตอนแรก และรายได้ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญในการทำให้ LA Dodgers อู้ฟู่จนถึงทุกวันนี้ ทำให้ซื้อผู้เล่นราคาแพงได้มากมาย
หรือหากเสี่ยท็อด คิดอยากจะขาย LA Dodgers ตอนนี้ มูลค่าทีมก็จะเท่ากับ $5.4b ขึ้นมา 1 เท่ากว่าๆ
สรุปแล้วดีลของ LA Dodgers เป็นดีลที่มีแต่ได้กับได้ของ Todd Boehly
ซื้อ Chelsea
10 ปีหลังจากซื้อ LA Dodgers เขาก็ทำการซื้อหุ้นส่วนน้อยของทีมบาสอย่าง Los Angeles Lakers ในปี 2021 จากนั้นไม่นานโอกาสครั้งใหญ่ของเขาก็มาถึงกับ Chelsea เมื่อ Roman Abramovich ถูกคว่ำบาตรที่เป็นผลจากสงคราม
ตัวของ Todd Boehly ชื่นชอบฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่สมัยที่อยู่ในลอนดอนในช่วงปี 2010 โดยการชักชวนจาก Jonathan Goldstein (ผู้เป็นแฟน Tottenham และหุ้นส่วนของเขาในบริษัท Cain International) และได้ทำการยื่นซื้อ Chelsea ไปครั้งนึงเมื่อปี 2019 แต่เสี่ยหมีปฏิเสธทันควัน
ไม่นานในปี 2022 Chelsea ก็ถูกขายให้กับกลุ่มของ Boehly ในราคา $3.1b ดอลลาร์
"Premier League นั้นถ่ายทอดสดทุกประเทศบนโลก ผมคิดว่ามีแค่เกาหลีเหนือกับรัสเซียเท่านั้นที่ไม่ได้ถ่ายทอดสด และเวลาเตะนั้นก็ตรงกับช่วงเช้าวันเสาร์ที่อเมริกาพอดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีการแข่งขัน (ของเรตติ้ง)"
กลุ่มทุนของ Boehly นั้นได้ทุ่มทุนไปกว่า $1.3b ในการดึงดูด Star อย่าง Enzo Fernández และ Moisés Caicedo เข้าสู่ Chelsea แต่ไม่เหมือนกัน LA Dodgers เพราะ Chelsea จบอันดับที่ 12th ในปีก่อน แย่ที่สุดในรอบ 29 ปี และยังคงอยู่ในอันดับที่ 11 ในปีนี้ มีสองผู้จัดการทีมโดนปลดในช่วงที่ผ่านมา ในช่วงนึงของการแข่งขันแฟนๆถึงกับตะโกนร้องเพลงด่า Boehly