แนวคิดมันมาตั้งแต่เทคโอเวอร์แล้ว ตอนเทคได้ยังสัมภาษณ์เลยว่าอยากทำแบบ เครือซิตี้ เครือเรดบลู เลยจะซื้อสโมสรลูกเพิ่มในประเทศอื่นๆ

ดู ซัลบวร์ก ทีมลูกในเครือเรดบลูซิ สควอชปีนี้มีอายุเกิน 25 ปีแค่ 3 คน ( เป็นโกลไปแล้ว 2 )

การเลือกผู้บริหารก็มาจากสายแมวมอง มันก็กะเอามาส่องหานักเตะทรงดีๆอยู่ละ ชัดเจนในเส้นทางจะตาย

ถ้ากับ สตราส์บรูก ก็ดู ซัลบวร์ก เป็นตัวอย่างก็ได้ครับ มันยึดแนวทาง เรดบลู กับ ซิตี้

ให้ทีมลูกสร้างทีมปั้นเด็ก คนไหนทรงดีต่อยอดได้แล้วเป็นตำแหน่งที่ เชลซี ขาด ก็ขายต่อให้ เชลซี ในราคาสมน้ำสมเนื้อ ส่วนตัวไหนดีแต่ตำแหน่งนี้เชลซี ไม่ได้ขาด ก็ขึ้นอยู่กับทีมลูกเลยว่าจะขายหรือใช้ต่อ

ถ้าขายก็เอาเงินที่ได้ไปหมุนซื้อตัวใหม่มาปั้นอีก

เหมือนเป็นฐานการผลิตนั่นแหละ คิดภาพ ซัลบวร์ก ขายนักเตะต่อให้ ไลป์ซิก อะ

จริงๆปีนี้ก็ลงทุนกับ ซัลบวร์ก เยอะนะ 60 ล้านยูโร ( 51 ลป ) แต่ก็ขายออกได้เยอะ 45 ล้านยูโร ( 38 ล้านปอนด์ )

ส่วนกับ เชลซี ที่ลงทุน 1000 ล้านนั่นมันกะใช้ยาวซะเป็นส่วนใหญ่นะ โดยเฉพาะพวกตัวคีย์หลักแพงๆทั้งหลาย

ถ้าอยากซื้อมาปั้นขายจริง มันคงไม่ซื้อตัว 100 ล้านมาปั้นขายหรอก มันจะขายได้กำไรซักเท่าไหร่กัน

ตัวที่กะมาปั้นขายน่ะมันไปกว้านซื้อพวกดาวรุ่ง อเมริกาใต้ เกรดราคา 10-20 ล้านปอนด์มาหลายคน พวกนี้แหละที่กะเอามาปั้นขาย มันถึงจะได้กำไร เพราะต้นทุนต่ำ

ไม่ใช่ไปเอาตัว 50-60 ล้าน หรือ 100 ล้านมาปั้นขาย พวกนี้มันกะเอามาใช้เป็นแกนหลักยาวๆมากกว่า

ก่อนเสี่ยมา สตาร์บูกโหดมากเลยนะ ในบ้าน

คงไม่น่าใช่หรอก ถ้าเน้นกำไร ต้องเสาะหาดาวรุ่ง มีแวว ราคาไม่แพงมาก มาปั้น
- อันนี้ น่าจะเป็นแนวคิดล้วน ๆ เหมือนเรามีเงินล้นเหลือ และมีแนวคิดของตัวเองแบบนี้ ๆ ๆ ๆ สร้างทีมพลังหนุ่ม การเล่นมีพลัง ใช้งานระยะยาว เน้นสร้างทีมแบบ Dream Team คือ รวมตัวกันระยะยาว เมื่อพีคสุดก็จะเกรียงไกรเลยเพราะพร้อมทั้งประสบการณ์ ความสด ความเข้าขารู้ใจ ทีมเวิร์ค
- แต่เพราะไม่มีความรู้ ประสบการณ์เพียงพอ จึงออกมาเละแบบที่เห็น
- ความเป็นจริงมันต้องมีสมดุล ต้องมีซีเนียร์เพียงพอที่จะช่วยประคองดาวรุ่งให้มีพัฒนาการที่ถูกต้อง
- พอไม่สมดุล ผลงานไม่ดี มันก็เกิดแรงเสียดทาน กดดัน จนดาวรุ่งทั้งหลายก็เป๋กันไปซะก่อนที่จะพีค
- สำคัญสุด ๆ ก็คือ โค้ช ต้องได้เจ๋ง ๆ จริง เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็ว อยู่ ๆ ก็พลิกมาสร้างทีมแบบดาวรุ่ง ๆ ๆ ๆ ถ้าไม่เก่งพอก็จะลำบาก
- แต่สุดท้ายก็ต้องลองดูชมกันอีกสักปี ดูสิ มันจะเริ่มผลิดอกออกผลบ้างไหม (ถ้าโค้ช ยังสามารถเอาตัวรอดปีนี้ไปได้นะ ทั้งของสตารสบูร์ก แล้วก็เชลซี)

คงไม่มีใครอยากให้ทีมตัวเองเป็นฟารมทีม

เปนแฟนเชลซีต้องใจเยน (เยน..ไรละ อห)

เมื่อไหร่เสี่ยมันจะตาสว่างซักทีแว๊

แล้วเชลซี จะทนทำไมวะเนี่ย

มันไม่ใช้เมกันทีมอะ ปั้นนักเตะปล่อยให้เป็นหน้าที่ทีมเล็กก็ได้

สภาพเดียวกันกับเชลซีนั้นแหละ ไม่ใช่ว่าไม่ลงทุน แต่ลงทุนไปแล้วทีมไม่ดีก็โดนด่า

อันนี้ท้อดรับหน้าอีกไหม หรือว่าตัวเป้งเลยสำหรับทีมนี้

ถ้าไม่ทนจะทำไรได้ มันเพิ่งซื้อสองพันห้าร้อยล้านราคาบังคับซื้อแถมเสี่ยหมียกหนีให้ฟรี บวกลงทุนไปพันกว่าล้าน ถ้าจะมีใครมารับต่อมันราคาคงคุยกันยาก

คือ อย่างน้อยออกมากดดันแบบตอนเชลซีจะไปซุปเปอร์ลีคก็ยังดี นี่มีแต่ร้องเพลงล้อพอชไปวันๆ เจ้าของมันคงไม่ขยับอะไร

ส่วนขายทีมมันขายไม่ได้อยู่แล้ว ในสัญญา 10 ปี มันก็ต้องทน แต่มันก็ยังมีสิทธิ์ออกมาเรียกร้องแบบในข่าว

อันนี้สงสัยในความคิดจริงๆนะ ถ้าตั้งใจจะปั้นเด็ก

แต่ซื้อมาราคาเวอร์วังมันจะขายต่อยังไงอ่ะ แล้วความเสี่ยงถ้าฟอร์มไม่ดีอีก

ถ้าจะปั้นขายมันต้องหาเด็กถูกๆที่ยังไม่ดังมาปั้นไม่ใช่เรอะ

ถ้าเอาแต่เริ่ม ที่เสี่ยหมีเลือกเอง แก๊งค์ท๊อตก็น่าจะขายฝันนี้แหละ
-ปั้นทีมหลัก เชลซี ทุ่มนักเตะดาวรุ่งPA80+ มาเป็นกำลังสำคัญทีม5-7ปี(อ้างอิงสัญญา)
-และหาทีมเครื่อข่ายไว้ เป็นเวทีปั้นดาวรุ่งอีกเกรดนึง (ไว้ฟาร์ม)
พอวงจรนี้ทำงานได้ ก็มีทีมฟาร์มยาวๆ ยิ่งมีหลายทีม ก็มีส่วนต่างเยอะพอสมควร
เป็นโมเดลธุรกิจแหละ แต่ทีมหลักโปรเจคยังมีปัญหา (แค่ทีมไม่ได้ไปยุโรปบ่อยๆ ไม่ต้องถึงแชมป์หรอก ก็หนักแล้ว)

ก็มันมีทั้ง ดาวรุ่งแพงๆ และ ดาวรุ่งถูกๆ ไง เซ็นฟรีก็มี

พวกแพงๆ ก็กะเอามาเล่นในชุดใหญ่ ใครไหวก็ไปต่อ ไม่ไหวก็ขายคัตลอส

ส่วนพวกดาวรุ่งไม่แพง หรือ เซ็นฟรี ผมไล่ให้เลยนับตั้งแต่เข้ามาเทคโอเวอร์

- ดาโทร โฟฟาน่า ( ที่ตอนนี้ไปยืมตัวที่ เบิร์นลี่ย์ )

- ซานโตส กับ กาเบรียล ( ไปยืมตัว สตราส์บรูก )

- วอชิงตัน กับ คาซาเด กับ ชุควูเมก้า กับ สโลนิน่า

พวกในลิสต์นี้ หลัก 10-20 ลป ประมาณนี้ มี อูโกชุควู ตัวนี้แพงขึ้นมาหน่อย 23 ลป

แล้วมีพวกที่เซ็นฟรีอย่าง มาตอส , โมเรย์ร่า , ฮัทชิสัน อีก ( ฮัทชิสัน นี่ก็มีทีมส่องๆอยู่ เพราะเริ่มฟอร์มดีกับ อิปสวิช )