[RE: ฮวงจุ้ย มีไว้ทำไม งมงายมั้ย ?]
GNR พิมพ์ว่า:
Spoil
Luxology พิมพ์ว่า:
GNR พิมพ์ว่า:
Luxology พิมพ์ว่า:
GNR พิมพ์ว่า:
Luxology พิมพ์ว่า:
GNR พิมพ์ว่า:
Rinsama พิมพ์ว่า:
ผมไม่เชื่อ
สถานที่มันก็เน้นfunctionนั้นแหละ functionดีผลงานดี fuctionแน่มันก็ติดขัด
ปรับแล้วfunctionดีขึ้น มันก็ดี ปรับแล้วห่วยมันก็ห่วยครับ
ถ้าเอาเรื่องความสำเร็จเป็นที่ตั้ง แล้วมาให้เครดิตเรื่องฮวงจุ้ยมากเกินไป ผมก็ขอยกตัวอย่าง บ.ระดับโลกรวยกว่าเจ้าสัวเราเยอะแยะไม่เห็นต้องมาดูฮวงจุ้ยเลย เคยเห็นทำงาน Jeff Bezos ก่อนรวยมั้ย เพราะฮวงจุ้ยดีหรอ Amazon เลยกลายเป็นรวยอันดับหนึ่งของโลกได้? บ้านElon มันฮวงจุ้ยดี Tesla เลยขายดี?
ถ้าคุณไปอ่านชีวะประวัติคนพวกนี้ จะไม่แปลกใจเลยที่เค้าเลย เพราะสิ่งที่เค้ามี นี้ ไม่ต่างจากคนเชื่อฮวงจุ้ย เลย
คนพวกนี้ใส่ใจรายละเอียดเล้กน้อย คุณคิดว่าบ้านคนพวกนี้รก เกะกะหรือเป็นระเบียบสัดส่วนหละครับ อะไรเคือง ตานิดหน่อยในบ้านหรือบริษัทคือปรับออกหมด ผมนั่งอ่านประวัติคนพวกนี้คือ แบบเดียวกับเจ้าสัวไทยเลย มันต่างแค่ว่า
หลัก ที่เค้ายึดถือไม่ใช่ฮวงจุ้ย แต่ตัวหลักที่เค้ายึดถือ มันมีความสอดคล้องกับนิสัยของคน ถือฮวงจุ้น
ผมถึงได้บอกว่า สิ่งที่ทำให้คนรวย คือมันมีนิสัยพวกนี้ เป็นคนละเอียด ใส่ใจ มีหลักทีทิศทาง คนพวกนี้เวลาทำไร จะใช้หลักนั้น เป็นแนวเสมอ
อ่านครับ ถ้าเราจะโยงทุกเรื่องที่เค้าทำกับฮวงจุ้ย
ก็แบบเดียวกับที่โยงไอสไตน์นับถือศาสนาพุทธนั่นแหล่ะครับ
เอาจริงนะครับ ถ้าอ่าน ข้อความผมในหน้าแรก แล้วตีความดีๆ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับฮวงจุ้ยเป็นหลักนะครับ
แต่ผม สื่อว่า ที่เค้าสำเร็จมันคือนิสัยของเค้า แล้วไอฮวงจุ้ย นี้แหละ มันไปทำให้ลักษะนิสัย เค้าเอื้ออำนวยต่อการทำธุระกิจ เช่น เป็นคน มีความละเอียด ความใส่ใจ มีหลัก ในการถือหรือปฎิบัติ เค้าใช้หลักนี้กับทุกงาน เลยกลายเป็นคน ประสบความสำเร็จ ผมไม่ได้บอก ว่า ตัวฮวงจุ้ยที่ทำให้เค้าให้สำเร็จ แต่นิสัยนี้แหละที่สำคัญ ทัศนคติต่างๆ นี้ยังไม่รวมของความมั่นใจอีก
แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องถึงระดับโลกหรอก นิสัยประมาณนี้หมดเลย บางคนไม่ได้เชื่อฮวงจุ้ย แต่นิสัย เดียวกันแป๊ะเลย จนผมเข้าใจว่ามันคือนิสัยของคนรวย
เช่นผมได้มีโอกาศไปอบรบ กับเจ้าของธุรกิจ ท่านนึง ผมแบบ เหมือนเห็นญาติตัวเองที่ เป็นเจ้าของกิจการแล้วรวยเลยนิสัยเดียวกันแป๊ะ หรือแม้กระทั้งเจ้านายผมเองนี้แหละ
ส่วนตัวผมไม่ค่อยอินกับคำว่านิสัยของคนรวย ทำไมต้องหาสูตรสำเร็จว่าทำแบบเดียวกับคนรวยแล้วจะรวยหมด
กลับกันผมอ่านหนังสือประวัติของคนรวยหลายเล่ม ผมรู้สึกแทบจะไม่อยากจับจุดร่วมนิสัยของกันและกันเลย
บางอย่างเค้ามองด้านเดียวด้วยซ้ำ ผมว่าคนไทยชอบติดว่า
คนรวยจะต้องเป็น
!ผมมันเลว พูดคำหยาบ ขอโทษด้วยครับ!รวยในอุดมคติ เจอคนรวยซื้อรถใช้ของแพงก็ด่าว่ารวยไม่จริง คนรวยจริงไม่อวดหรอก
คนรวยเล่นพระเอาเงินไปลงพระเยอะก็ บอกรวยไม่จริง
นี่ถ้าผมมองแบบง่ายๆ ตู่ ทักกี้ เศรษฐา ธรรมนัส อนุทิน นี่นับเป็นคนรวยไม๊ ผมควรศึกษาแล้วทำแบบเค้าไม๊
หรือมองว่าคนพวกนีไม่ดี ผมเลยควรไปดู ตาเอก HRK, MR Beast , เก๋ไก๋, My mate nate, พวกนี้นับ
นับเป็นคนรวยไม๊ คนรวยมันก็คนทั่วไปหลายๆแบบนั่นแหล่ะครับ ผมคิดว่าคนที่ผมยกตัวอย่างมา ไม่ได้มีมายเซ็ทแบบเดียวกันทั้งหมดแน่ๆ
ทุกคนที่ผมยกตัวอย่างมา อาจจะไม่ได้ตื่นเช้ามา "พับผ้าปูที่นอน หลังลุกจากเตียงทุกคนแน่ๆ"
ผมว่าแล้ว เชื่อไหม ก่อนตอนแรกผมพิม นิยาม ที่ว่ารวยแบบไหนไปด้วย แต่ผมลบทิ้ง กลัวมันยาวไป
รู้งี้พิม ไปดีกว่า ว่าไอรวยที่ว่า ในความหมายผมคืออะไร ไม่ใช่ไอแบบคุณยกตัวอย่างมาบางคนผมก็ไม่ให้เข้าข่าย
คนที่เชื่อฮวงจุ้ยหนักๆ ที่ว่า คือ ในแวดวงธุรกิจหรือ ceo หรือพวกเจ้าของกิจการ
HRK, MR Beast , เก๋ไก๋, My mate nate, ผมไม่นับเลย บางคนผมยังคิดว่าฟรุกมาด้วยซ้ำ แล้วเค้าก็ไม่ได้รวย เยอะอะไรด้วยส้ำหรับผม
เอาเป็นว่า ไอรวยจากพ่อแม่อยู่แล้วบนกองเงินกองทอง หรือ มีความสามารถด้านไดเด่นๆ ด้านนุง จนทำให้ประสบความสำเร็จในด้าน นั้น พวกนี้ผมตัดออก เลย แต่ที่ผมจะยกตัวอย่างคือพวกสร้างธุระกิจมาด้วยตัวเอง เปิดโรงงานหรือกิจการเอง
จนมาได้เป็นเจ้าสัว มี พันล้านหมี หมื่น ล้าน ที่ผมได้มีโอกาสไปรู้จัก นี้คือ แพทเทิ้ลเดียวกัน เลย
ครับ ผมอาจจะเจอน้อยไปหรืออาจจะรวยไม่พอ
ถ้ามีโอกาสได้อ่าน เม้นตอบของผมหรือโพสของผม จะมีหลายครั้งที่ผมบอกว่า ชีวิตผมเคยมีนักธรุรกิจคนนึงเอาผมไปปั้น แม้จะเป็น ช่วงชีวิตแค่ ไม่กี่ ปี แต่มันเปลี่ยนความคิด ผมไปเยอะมาก
คือญาตผมคนนี้ เริ่มจาก คนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เกิด ในฐานะที่ร่ำรวย เรียกว่าลำบากด้วยซ้ำ แต่ทำธุรกิจ จนสำเร็จ
ไอที่ขายโรงงานให้ เจ้าสัวไป นี้คือขาย ไปหลักหลายร้อยล้านนะ
แล้ว ช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับ ญาติคนนี้ที่ปั้นผม เค้าพาผมติดตัวไปทั่วเลย ไปเจอคนนู้นคนนี้ใหญ่ๆ โตๆ ระดับอดีตนายก ก็มี มันทำให้ผมไปสัมผัส คนระดับบนๆ ไปดูแนวคิดเค้า พาไปสอน ถ่ายทอดแนวคิดต่างๆให้
ผมก็จะจับจุดได้เอง ว่าคนพวกนี้ มีนิสัย หลายอย่างที่คล้ายกัน
แล้วคนที่ผมได้มีโอกาสไปเจอ ไม่ใช่ลูกคนรวยอยู่แล้ว แต่หลายคน มาจากคนธรรมดา แล้วไต่ จน มาเป็น เศรษฐี
จากเป้นลุกจ้างก็มี ได้ไปติดสอยห้อยตาม ญาติเค้าไปร่วมวงกับคนพวกนี้ เค้าได้ถ่ายเทประสบการณืต่างๆ
ที่ผมไปเจอหนะ ไม่ใช่ คนที่รวยอยู่แล้ว แล้วมาบอก เฮ้ยคนรวยไม่เห็นนิสัยนี้เลย แต่ที่ผมไปเจอหนะ รวยในแบบที่สร้างมาด้วยตัวเอง แล้วมันมีนิสัยนี้กันอยุ่ในตัวจริงๆ
ไอประเภทรวยจากมรดก หรือฟลุกทำไรแล้วรวย ไม่ต้องเอามา เปรียบหรอกครับ ผมไม่นับอยู่แล้ว
ส่วนที่ผมเจอ เพราะผมเป็นสถาปนิก และเพื่อนสนิทผม เป็นเลขาบริษทใหญ่ๆสองคน และ ลูกผู้พิพากษา
ผมไม่รู้ที่ผมเจอเนี่ยจะรวยถูกใจไม๊
เป็นเจ้าของ นำเข้าเหล็ก น่าจะต้นๆของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ซุปเปอร์คาร์ที่จอดในบ้านเค้าน่าจะหลัก 10 คัน ทุกคันต้องเป็น Spyder เท่านั้นเพราะรสนิยม
เจ้าของบริษัทเครือนึงของ BMW
เจ้าของ บริษัท ครีมบริษัทที่ยี่ห้อเป็นตัวอักษร นึงในภาษาอังกฤษ
คนที่ซื้อ Penthouse ตึกมหานคร
เศรษฐีในจังหวัดนึงที่มีห้องเก็บของเป็นโกดังที่มีเอาไว้ เก็บโฉนดคนเอามาจำนองในจังหวัด
CEO บริษัทเครื่องดื่มญี่ปุ่นในประเทศไทย
พ่อแม่เพื่อนผมที่เป็นผู้พิพากษา คิดว่ารวยน่าจะต้นๆของจังหวัดภาคนึงในอีสาน เจ้าของที่เกินพันไร่
รุ่นน้องที่สนิท ผมเป็นเจ้าของ หอหลายแห่งในรังสิต
ผมมีโอกาสได้ไปคุยกับ CEO LOGISTIC ที่ได้รางวัลในประเทศ หลายบริษัท
หมอฟันจบจากญี่ปุ่น ที่ซื้อห้องให้ผมตกแต่งเล่นๆ
และน่าจะอีกเยอะ ผมเจอแล้วได้คุย คุยแบบเพื่อนเล่น คือทุกคน แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
นิสัย รสนิยม ความเชื่อ แม้แต่การตื่นนอน ทัศนคติทุกคนเปลี่ยนไป แทบจะตาม พื้นที่สังคมและธุรกิจที่อยู่
บางคนตัวเลขไม่เก่งให้เมียจัดการให้ บางคนเรื่องในครอบครัวห่วยแตก สาระพัดจะมี ทั้งสาย ทั้งตรงเวลา
จนผมสรุปกับตัวเองได้เลย
ผมอยากรวยแค่มีเงินเยอะ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นคนรวยตามอุดมคติ เพราะที่ผมเจอคนรวย
แม่มคือคนทั่วไปที่มีเงิน ไม่ต้องถอดรหัสอะไรเลย
จะมีมาจากไหนอะไรยังไงทุกคนมีปมทั้งนั้น เจ้าที่มีรถเยอะๆ ซื้อแบบฟุ่มเฟือย เหตุผลเพราะตอนเด็กๆอยากได้ แล้วไม่มี จนทุกวันนี้ สร้างขึ้นมาเองได้ ก็ซื้อสนั่นตอบสนองนี๊ดตัวเอง
ไม่มีความคิดในอุดมคติ ว่ามีเงินไม่ถึง 10 เท่าของรถ กุจะไม่ยอมซื้อรถ
เค้าบอกว่าถ้ามีพอซื้อเลย ผมไม่สนใจทั้งนั้น ผมไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ให้มันมาจอดในบ้านผมก่อน
ยิ่งคนที่รวยจากสร้างเองที่ผมเจอมา เป็นพวกกลัวโซเชียลมาก เค้าบอกเค้ากลัวการโดน Disrupt แต่เค้าใช้
ศัพท์บ้านๆกว่านี้ แทบไม่มีใครมาทำตัวโค๊ชเลย
คำถามที่ตลกที่สุดเวลาไปมีตติ้งกัน คือ ผมอยากรวยแบบพี่ทำไงบ้าง
ทุกคนตอบแทบจะคล้ายกัน คือ ขำ ขำแห้งบ้างขำลั่นบ้าง และก็บอกเอ้ยทำไปเหอะที่ทำอยู่เดี๋ยวก็รวย แล้วก็คุยเรื่องอื่นเลย
ปล.ทุกคนที่ผมเจอต่างกรรมต่างวาระต่างเวลาและสถานที่ ไม่ได้เจอคนนึงแล้วลากไปเจออีกคนนึง อาจจะทำให้ ต่างคนต่างนิสัย ไม่ใช่กฏแรงดึงดูดอะไร