บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างกูเกิล, ทวิช และอเมซอน เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการ “เลย์ออฟ” พนักงาน แต่การ “เลย์ออฟ” ในปี 2024 มีสาเหตุแตกต่างจากปีที่แล้ว และกำลังจะกลายเป็นนิว นอร์มอล ที่มนุษย์เงินเดือนสามารถตกงานได้ตลอดเวลา



ศาสตราจารย์ เจฟฟรีย์ เฟฟเฟอร์ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจสแตนฟอร์ด บอกว่า การที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่เลย์ออฟพนักงาน อย่างพร้อมเพียงกัน เป็นพฤติกรรมเลียนแบบรูปแบบหนึ่ง เมื่อบริษัทหนึ่งเลย์ออฟพนักงาน แล้วบริษัทยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ก็จะเป็นตัวอย่างให้บริษัทอื่นๆ ทำตาม ซึ่งตอนนี้ นโยบายที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่กำลังโฟกัสก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัท นั่นหมายถึงการลดต้นทุน การลดภาระที่ไม่จำเป็น จนทำให้เกิดการเลย์ออฟอย่างที่เราเห็น

สาเหตุการเลย์ออฟพนักงาน ข้อที่สอง คือการมาของเทคโนโลยี “เอไอ” โดยขณะนี้ หลายบริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อพัฒนาเอไอ จึงต้องลดจำนวนพนักงานในส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้ง แล้วหันมาเพิ่มพนักงานในส่วนพัฒนาเอไอ อย่างกูเกิล ที่ลดพนักงานในส่วนวิศวกรฮาร์ดแวร์ เพื่อเพิ่มพนักงานในส่วนพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งทางบริษัทเชื่อว่าเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจต่อจากนี้

https://www.bangkokbiznews.com/world/1109139



เห็นพนักงานIT เก่งๆ ในไทยเงินเดือนหลักแสนกันทั้งนั้นอย่างใน ss ก็มีตัวอย่าง มีแต่จะมาเล่าว่าย้ายงานทีเงินเดือนขึ้นหลายหมื่นเกือบแสนก็มี มีแต่คนจะถวายพาน offer ให้ย้ายไปอีกที่ แถมจัดตัวท็อปหลายหมื่นขนหน้าแข้งไม่ร่วง

เพราะคนเก่งไอทีในไทยคนใฝ่ศึกษาวิทย์คอมมีน้อยเมื่อเทียบสัดส่วนต่อประชากรกับอเมริกา

การเรียนจบวิศวะคอมของประชากรไทย ขนาดมหาลัยรัฐชั้นนำที่แย่งกันสอบเข้าในไทยจบมาปีหนึ่ง เป็นโปรแกรมเมอร์ไม่ถึง 10 คน ระหว่างทางเรียนก็ซิ่วไปสาขาอื่นบ้าง จบมาก็ไม่ทำอาชีพเกี่ยวข้องกับ IT เลย จำนวนแทบจะร่อยหรอ

แต่อเมริกา ประชากรสามร้อยกว่าล้านคน เด็กยังเกิดเยอะ ยังไม่สังคมสูงอายุแบบไทย เป็นประเทศที่รู้กันอยู่ว่าดังเรื่องIT มหาลัยชั้นนำระดับโลกสอน Computer Engineering/Science มากมาย เด็กจบใหม่ก็มากมาย และก็มีต่างชาติเก่งๆหลั่งไหลเข้ามาทำงานเยอะ ต้องมาแย่งงานกัน แต่ข้อดีคือบริษัทไม่ดังก็มีโอกาสหาคนมาทำงานด้านนี้ง่ายกว่าไทย

ซึ่งการอยู่ในประเทศไทยที่คนเก่งไอทีน้อย มองว่าการเรียนเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องปวดหัว และเป็นที่ต้องการตัวสูงของบริษัทต่างๆ ทำให้เงินเดือนพุ่ง ก็ถือว่าสบายใจมีโอกาสตกงานน้อยกว่า อมริกาที่ประชากรเก่งไอทีเยอะมหาศาล ต้องแย่งชิงกันไหมครับ





[/code]

ในไทยก็ layoff ครับ แต่มันไม่ค่อยเป็นข่าว ตอน Covid ผมก็จำไม่ได้ว่า Agoda นี่เลย์ออฟไปกี่คนจากในไทย หรือกระทั่งพวก e-comm platform นี่ก็ re-structure เรื่อยๆ เอาคนเข้าคนออกตลอดเวลาครับ เหมือนก่อนหน้าทีมไหนซักทีมเนี่ยแหล่ะ เจอเอาออกที 40 คนทั้งทีมเลย

คนในวงการ tech มันถึงต้องตื่นตัวตลอดเวลาครับ เพราะ tech stack ใหม่ๆมันมาตลอด สาย infra เมื่อ 10-15 ปีที่แล้วก็ไม่สามารถใช้แค่ความรู้เดิมๆได้แล้ว สายดาต้า หรือกระทั่งพวก dev ก็เช่นกัน หรือกระทั่งสาย consult ก็เช่นกัน ตัวอย่างง่ายๆก็สาย supply chain ก็ได้ เมื่อก่อน implement แค่ APO หลังๆ SAP เองก็มี IBP มาแทน หรือ ECC -> S4/HANA ฯลฯ

ฉะนั้น มันไม่ใช่มั่นคงหรือไม่เสี่ยงครับ มันเสี่ยงเหมือนกันหมดถ้าคุณไม่ทันโลก และที่มันดูกระทบน้อยกว่าเพราะแค่ supply มันมีน้อยกว่า demand ครับ

แปลกๆแหะ software engineer ผมว่าค่าเฉลี่ยเยอะไปนะ พวก 200k+ คือแบบ top 1%

ในไทยก็ layoff ครับ แต่มันไม่ค่อยเป็นข่าว ตอน Covid ผมก็จำไม่ได้ว่า Agoda นี่เลย์ออฟไปกี่คนจากในไทย หรือกระทั่งพวก e-comm platform นี่ก็ re-structure เรื่อยๆ เอาคนเข้าคนออกตลอดเวลาครับ เหมือนก่อนหน้าทีมไหนซักทีมเนี่ยแหล่ะ เจอเอาออกที 40 คนทั้งทีมเลย

คนในวงการ tech มันถึงต้องตื่นตัวตลอดเวลาครับ เพราะ tech stack ใหม่ๆมันมาตลอด สาย infra เมื่อ 10-15 ปีที่แล้วก็ไม่สามารถใช้แค่ความรู้เดิมๆได้แล้ว สายดาต้า หรือกระทั่งพวก dev ก็เช่นกัน หรือกระทั่งสาย consult ก็เช่นกัน ตัวอย่างง่ายๆก็สาย supply chain ก็ได้ เมื่อก่อน implement แค่ APO หลังๆ SAP เองก็มี IBP มาแทน หรือ ECC -> S4/HANA ฯลฯ

ฉะนั้น มันไม่ใช่มั่นคงหรือไม่เสี่ยงครับ มันเสี่ยงเหมือนกันหมดถ้าคุณไม่ทันโลก และที่มันดูกระทบน้อยกว่าเพราะแค่ supply มันมีน้อยกว่า demand ครับ

ที่ List มานั้น Top ของตำแหน่ง นั้น ๆ ครับ ตัวเล็กตัวน้อยก็ตามสภาพ ยิ่งสมัยนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปไวมาก ไอทีอยู่กับที่ไม่พัฒนา ไม่ทันกินแน่ ๆ

Source จาก Adecco ที่เป็น Head Hunter จะเรทนี้ก็ไม่แปลกครับ
เพราะเป็นเรทของหัวกะทิที่คัดให้บ.ข้ามชาติทั้งนั้น และส่วนใหญ่เป็นเรท Outsource ครับ
สำหรับ permanent ก็หารสองไปครับ

senior supply chain มัน tech it ตรงไหน

เห็นด้วยเรื่องเด็กจบไปแล้วทำงานตรงสายน้อย รุ่นผมมีประมาณ 200 ไม่รู้ถึงครึ่งไหมที่ยังอยู่สาย IT

มั่นคงกว่าไหมตอบไม่ได้

แต่ต้องเก่งจริงๆ ไอความเก่งนี่แหละทำให้มั่นคง

Software Engineer เทพๆได้ตามนั้นเลย rate เงินเดือน

Line, Accenture, Agoda, Thoughtworks

บริษัทพวกนี้คัดคน อย่างกับสอบแข่ง Olympic 4-5 รอบสัมกับสอบ

ที่บริษัทผมตัว Top แค่แสนนิดๆเอง ทำไมอันนี้สูงจัง

ไม่ขนาดนั้น มันต้องพัฒนาตลอดเวลานะครับ

product ที่ผมทำๆก็ต้องศึกษาใหม่ตลอด

เอาแค่บริษัทที่ผมทำอยู่กับบริษัทที่เป็นลูกค้าผมสาย tech it 2ปีโดนไปพันกว่าคนครับ ….. แค่มันไม่เป็นข่าวแค่นั้นเอง55555 ในปัจจุบันก็ยังมีเอาออกกันอยู่เรื่อยๆ

1. จากในรูปอะไม่ใช่ค่าเฉลี่ยในไทยแน่นอน และเป็นเฉพาะบริษัทต่างชาติที่มีกำลังจ่ายขนาดนั้น

2. คนทำ it จ๋าๆ เลย จะมี cycle ในการเรียนรู้ สมมติเริ่มทำงานอายุ 22 กว่าจะถึง 50 คุณจะต้อง re-learning อย่างน้อย 2 รอบใหญ่ๆ ซึ่งรอบใหญ่นี่หมายถึง คุณต้องเรียนรู้สิ่งใหม่เลยหรือของเก่า obsolete ไปเกิน 40-50%
พวกสายเว็ปจะเจอบ่อยคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ framework ใหม่ๆ ที่บางอันมาเป็น lib ทั้งก้อนใหญ่ บางอัน upgrade/update ทุกปี 2 ปี หรืออย่างที่ท่านด้านบนว่า ecc -> s/4 ที่พึ่งมาใน 7-8 ปีก็ต้องทิ้งของเก่าไป 20-30% แล้วกำลังขยับจาก s/4 -> cloud ยิ่งไปกันใหญ่ เกิน 50% ที่เรียนใหม่ (สาย consult จับ business เป็นหลัก แต่สาย tech/programmer บางคนไปเจอช่วงเปลี่ยนผ่านตอนอายุ 40 ซึ่งไม่มีแรงสู้เด็กแล้ว ถ้าขยับไป management ไม่ได้ก็คือเริ่มโดนทิ้งทันที แล้วจะหางานยากขึ้นเรื่อยๆ)

3. คนเรียน it เยอะจริง แต่จบมาแล้วมาเป็น programmer ไม่ถึงครึ่ง ยิ่งเป็น programmer เก่งๆ ก็ลดไปอีกเกินครึ่ง

อ้างอิงที่รู้มา มีเรียนตอนปี 1 ประมาณ 60 คน
จบแล้วทำงาน it 30 คน (เป็น programmer แค่ 10 คน)
คนที่เก่งจริงๆ มี 8 คน (เป็น programmer 4 คน)

อันนี้คือสัดส่วนอ้างอิงคณะนึงจากมหาลัยที่มีชื่อเสียง ตอน 10 ปีที่แล้ว

ที่ได้รับผลกระทบหนักๆ น่าจะเป็น บ ใหญ่ๆ ระดับโลก หรือปล่าวครับ

อย่าง บ. ผม เป็น outsource ให้ธนาคาร ก็ยังรับเรื่อยๆนะ หลายตำแหน่งด้วย

ถูกต้อง บริษะทไทยไม่มีนโยบาบไล่ออก

ของอเมริกาเปลี่ยนหัว เปลี่ยนผู้ถือหุ้น เปลี่ยนกระแส
ใครไม่มีมูลค่าในทิศทางบริษัทเอาออกเลย ชดเชยและไม่ต้องรอ


เพราะการเลี้ยงและหาคุณค่าให้พนักงานคนนั้นก็เสียค่าใช้จ่ายเหมือนกัน

ตกงานในเมกา ไปหางานแรงงานง่ายๆก็ใช้ชีวิตอยู่ได้ปกติคุณภาพชีวิตไม่ลดลงเท่าไร

ตกงานในไทย เอิ่ม.....