สวัสดีครับ ในที่สุดก็ได้ดูสักทีหนังเรื่องนี้ คือผมเพิ่งดูจริงๆนะ ถึงผมเป็นคนในยุคเก่า แต่ใช่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลงของต่างประเทศได้ เพราะสมัยนั้นมันหาดูหาฟังยากจริงๆ ผมขอพูดโดยรวมทั้ง 3 ภาคเลยนะครับ

- เอาจากใจนะ ผมว่าหนังไม่ได้ดูเชยหรืออะไรเลย เหมือนหนังใหม่ฉาย 2-3 ปีนี้ด้วยซ้ำ ตอนแรกกังวลเหมือนกัน เพราะหน้าปกหนังมันโบราณจริงๆนะ ผมว่าภาพไม่ได้ดูเก่ามากมายนะ ดูได้สบายๆ อารมณ์แบบหนังย้อนยุคที่ดูในปีนี้ ผมรู้สึกไม่ติดขัดอะไรใดๆทั้งสิ้นในงานภาพเลยนะ แต่ถ้าถามว่ามีอะไรไหมที่ดูชัดเจนมาจากยุคเก่าๆ ผมนึกออกแค่อย่างเดียว นั้นก็คือ เสียง Effect ต่างๆครับ เช่น พวกเสียงปืน,เสียงฟ้าฝ่า บลาๆ นั้นโบราณจริงครับ 55555

- ผมว่าแล้ว พ่อและแม่ของมาร์ตี้ แม่-งต้องมีอะไรแน่ๆ ผมหักมุมตรงที่พ่อเจอกับแม่ได้ไง แล้วพ่อบอกดูนก ผมว่าคนบ้าอะไรจะมาดูนก คือต้องยอมรับว่าถ้าดูในสมัยนั้นตอนหนังเข้าใหม่ๆเราคงเชื่อนะ แต่พอมาดูในตอนนี้ ผมเดาออกเลยว่า ไม่ได้ดูนกหรอก ต้องดูอะไรสักอย่างแน่ ที่แท้แม่-งดูผู้หญิงแก้ผ้า แอบหื่นเงียบๆนี่เอง ส่วนแม่นี้ก็เหมือนกัน เอาจริงๆผมพอเข้าใจนะ เจอครอบครัวเคร่งขนาดนี้ ทำให้ลูกเก็บกด อันนี้เดาออกได้ และมีโอกาสเป็นไปได้ในชีวิตเราจริงๆ

- ตอนภาคแรกผมกลัว NTR มากๆ บอกตรงๆ แบบแม่ตอนวัยรุ่นจะมาชอบมาร์ตี้จริงๆ แต่ไปๆมาๆ ผมว่าหนังยุคนั้น ไม่น่าจะเล่นประเด็น NTR อะไรนะ ซึ่งสมัยนั้นน่าจะยังไม่นิยมหรือคงรับไม่ได้กันถ้าทำหนังแนวแบบนั้น

- เกี่ยวกับเรื่องเวลา ที่ผมกังวลที่ยังไม่ได้ยอมดูเพราะเรื่องเวลาเนี่ยแหละครับ ผมกลัวเข้าใจยาก พอดูแล้ว ก็อย่างที่หลายๆคนเคยบอกว่า มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ซึ่งเอาจริงๆ ตามคอมม่อนเซนส์เราๆทั่วไป เรื่องเวลามันก็ต้องแบบนี้เนี่ยแหละ เปลี่ยนอดีต ก็ต้องส่งผลถึงอนาคตด้วย แต่ๆๆ ผมเข้าใจหนังสมัยนี้นะที่เล่นเรื่องเวลาซับซ้อนยิ่งขึ้น เพราะถ้าใช้มุกแบบสมัยก่อน คนดูก็เบื่อ เดาทางง่าย ก็เลยหาทฤษฏีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

- ผมแอบตลกนิดหนึ่งตอนจบภาค 2 แล้วกำลังจะไปต่อ ภาค 3 มีแบบสปอยหนังภาค 3 ให้ดูคร่าวๆด้วยว่าเป็นยังไงต่อ อารมณ์เหมือนสมัยก่อนที่เราๆดูการ์ตูนกันเลยครับ ที่เวลาจบตอนแล้ว มันจะมีบอกใบ้ว่าตอนต่อไปเป็นยังไงต่อ 55555

- การตีความในอนาคตของหนังเรื่องนี้ เทียบกับความจริงของเราในปัจจุบัน หนังไปไกลสุดคือ 2015 ใช่ไหมครับ นี้ผ่านมาหลายปีล่ะ เหมือนความคิดคนตอนนั้น น่าจะเน้นไปแนวๆอวกาศกัน ชุดก็แนวๆอวกาศ,สเก็ตบอร์ดลอยได้,รถลอยได้ มีที่เป็นจริงคือวีดีโอคอลนั้นแหละ

- ภาค 3 ผมว่าสอนข้อคิดอย่างหนึ่งนะ ที่ต้นตระกูลแมคฟรายผมจำชื่อไม่ได้ล่ะ บอกว่า พอได้ยินคำว่าขี้ขลาดนี้ ต้องหันไปสู้ตลอด ทำให้ติดกับทุกที แบบบางทีเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเสี่ยง ใช่ว่าจะเดินหน้าสู้หมด หนีบ้าง,หลบบ้างก็ได้

- ที่หักมุมสำหรับภาค 3 ของผมคือ ด็อกมีแฟนด้วย 5555 แต่ผมเดาออกก่อนย้อนอดีตแล้วล่ะ จากป้ายหลุมศพที่บอกว่า จากคาร่า ก็เดาออกเลยแหละว่าเป็นแฟนหรือคนรักของด็อกแน่นอน ผมว่าคาร่าแคสมาดีนะ วัยๆเดียวกันเลย นึกว่าจะเอาสาวกว่านี้ซะอีก

- ผมแอบสงสารนางเอกเจนนิเฟอร์แหะ บทน้อยไปหน่อยทั้ง 3 ภาคเลย เน้นครอบครัวและมาร์ตี้แมคฟรายซะมากกว่า

- และที่ผมชอบตรงที่มันลิงค์ด้วยกันหมด ทั้งหอนาฬิกา,ตระกูลแมคฟราย,ตระกูลบริฟ ทั้งในอดีต,ปัจจุบัน และในอนาคต เป็นคู่รักคู่แค้นจริงๆสองตระกูลนี้

ทิ้งท้ายครับ ผมว่าโดยรวมมันสนุกจริงนะ ขนาดผมเพิ่งมาดูครั้งแรกในยุคนี้ ผมดูเพลินๆยาวๆตั้งแต่ภาค 1 ยัน ภาค 3 ติดต่อกันเลยครับ ถือว่าเป็นตำนานจริงนะสำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าเรียงลำดับความชอบของผมคือตามภาคเลยนะ 1 > 2 > 3

ขอบคุณครับ

ผมขอสารภาพเลยเป็น 1 ในหนังที่ผมโหลดมาเก็บใน Hdd ดูจนเมียบ่น ดูอีกละ

กำลังว่าง สงสัยต้องลองบ้างละ คนพูดถึงเยอะเห็นมานาน

เป็นงานของ robert zemeckis ที่ผมชอบที่สุดละ
ขึ้นหิ้งไปแล้วเอามาฉายในปัจจุบันก็ยังร่วมสมัยอยู่

จำได้ลางๆ(ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยไว้ด้วยนะคับ นานเกิน ฮ่าๆ)

เหมือนว่าตอนแรกเค้าไม่ได้วางแผนจะสร้างเป็นไตรภาค กะทำแค่ภาคเดียวจบแบบปกติทั่วไป
(สังเกตุตอนจบภาคแรกไม่มีตัวหนังสือ To be continue... แบบตอนจบภาค 2)

ตอนแรกผู้กำกับแกแค่อยากใส่มุกให้ตอนจบมันเหมือนได้เดินทางไปป่วนกันในอนาคตบ้าง ไว้ขำๆ
แต่หนังมันดันดังเกินคาด แถมคนดูเห็นฉากจบแล้วอยากดูภาคต่อกันมาก เลยต้องทำต่อ

เนื่องไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก การจะทำต่อ(รวดเดียวอีก 2 ภาค)มันเลยมีปัญหาพอสมควร
- นักแสดงที่เล่นเป็นแฟนพระเอกในภาคแรกคิวไม่ว่าง เลยไม่ได้เล่นต่อในภาค 2-3
- นักแสดงที่เล่นเป็นพ่อพระเอก มีปัญหาเรื่องสัญญา(หรือไม่ก็ค่าตัวอะไรสักอย่าง) เลยจะมาๆหายๆในภาค 2 และถูกตัดบทออกไปในภาค 3 ทำให้บทบางส่วนต้องปรับตามสถานการณ์

ดังนั้นการให้นักแสดงคนเดียว มารับบทเป็นหลายตัวละครในเรื่องนี้ นอกจากเหตุผลตามเนื้อเรื่องแล้ว หลายๆครั้งก็มาจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระหว่างถ่ายทำ

อย่างนักแสดงทีรับบทบีฟ(ตัวร้ายในเรื่อง) ก็ต้องแสดงเป็นหลายตัวละคร
นอกจากตัวหนุ่ม ตัวแก่ ลูกหลานฝั่งร้าย ตามบทแล้ว เหมือนต้องไปเป็นตัวอื่นแก้ขัดด้วยมั้ง(จำไม่ได้ว่าตัวไหน)

พวกการหยอดปมเล็กๆน้อยๆไว้ตามทางแล้วไปขยี้ต่อทีหลังของเรื่องนี้ มันเข้ากับการเล่นกับเส้นเวลา ทำให้ตอนเราดูเรื่องนี้มันรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ

- พระเอกจะหัวร้อนทุกครั้งเวลาโดนจี้เรื่องป็อด "Chicken" เจอคำนี้ทีไร รับประกันนอตหลุดชัวร์
(อันนี้ทิ้งปมหนักๆตอนโดนไล่ออกจากงานต้นภาค 2 มาตามเก็บเน้นๆตอนโดนท้าแข่งรถใกล้จบภาค 3)
- กล้องถ่ายวิดีโอ / หนังสือปูมกีฬา / โฮเวอร์บอร์ดจากอนาคต ที่ตอนแรกแค่โยนทิ้งไว้ในรถเฉยๆ
- ใบปลิวเชิญชวนบริจาคเงินซ่อมหอนากิฬา ที่เก็บติดกระเป๋าไว้เพราะแค่แฟนจดเบอร์โทรไว้ให้ด้านหลัง

แล้วก็อีกหลายอย่างเลย ว่าแล้วก็อยากดูขึ้นมาอีกละ (เกินร้อยรอบแล้วมั้งเรื่องนี้)

เมื่อก่อนชอบเนื้อเรื่องของหนังท่องเวลาแนวนี้นะ

แบบกลับไปแก้ไขอดีตแล้ว อนาคตไม่เหมือนเดิม

อย่าง back to the future หรือ butterfly effect

แต่พักหลังๆรู้สึกชอบอีกแบบที่เป็นแบบแก้ไขไม่ได้

เพราะการที่ย้อนกลับไปทำนั่นแหละ ทำให้อนาคตเป็นแบบนี้ มากกว่า

อย่าง harry ซักภาคนึงจำไม่ได้ ที่นึกว่าพ่อมาเสกกวางแต่จริงๆคือตัวเอง

หรืออีกแบบคือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต พันกันมั่วไปหมดแบบ Dark ของ Netflix อันนี้คือสุดด