รถคันนี้เป็น Tesla Model 3 ปี 2021 หรือรถ Tesla จากเกรย์(นำเข้า)มานะครับ ซึ่งเจ้าของรถนั้นมีนามว่า พี่อ้อยครับ

ถ้ายังจำกันได้คือผมเคยเขียนกระทู้ รีวิว Tesla Model 3 วิ่งครบ 100,000 km คันแรกของไทย ไปเมื่อเดือนกันยายน 2022 มาเดือนตุลาคม 2023 นั้นพี่อ้อยกลับมาพร้อมรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 SR+ 2021 กับไมล์รถที่ 215,536 km (โหดมาก วิ่งรถปีล่ะ 100,000 km ครับ) แถมรถที่พี่อ้อยเอามาวิ่งนั้นเป็น Tesla Model 3 SR+ (Standard Range Plus) หรือรุ่นแบตน้อยที่สุดของ Model 3 (แบตมีแค่ 56 kWh เองครับ) ถือว่าพี่อ้อยใช้รถคุ้มมากๆ เลย เอาล่ะครับเดี๋ยวผมจะมาเจาะลึกให้ว่าขับไป 200,000 km++ แล้วซ่อมอะไรไปบ้าง? และแบตเสื่อมหรือยังนะครับ

ซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง?
พอร์ทชาร์จเสีย (ค่าซ่อม 2,000 บาท)

พี่อ้อยบอกว่าตั้งแต่ขับมายังไม่มีอะไรเลย ยกเว้น DC Fast Charge port ที่มันเสียนะครับ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมคือ 1,904 บาท บวกภาษีเข้าไปก็ 2,038 บาทครับ โดยพี่อ้อยได้เข้าไปซ่อมกับ Tesla Official Thailand เนื่องจากเค้าเปิดรับซ่อมแล้วนะครับ




ค่าบำรุงรักษา 17,000 บาท (ไม่รวมเปลี่ยนยางรถ)
พี่อ้อยแจ้งว่า จริงๆ แล้วรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นไม่ต้องบำรุงรักษาอะไรเลย แต่จำเป็นต้องเอาเข้าศูนย์จนครบระยะที่กำหนดคือ 50,000 km ไม่งั้นประกันรถที่ทำกับเกรย์เอาไว้จะขาดนะครับ

ส่วนภาพด้านล่างนี่คือค่าบำรุงรักษา 20,000 km แรกครับ

กรองแอร์ : 3,900 บาท
เช็คระยะ 1,200 บาท
สลับยาง 1,200 บาท
ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ 800 บาท



ส่วนการเชคระยะ 60,000 km นั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,889 บาทเพราะพี่อ้อยแกเตรียม Air Filter (กรองแอร์)ไปให้ช่างเปลี่ยนให้นะครับ



ส่วนเรื่องยางนั้นก็เปลี่ยนตามอายุการใช้งานเหมือนรถยนต์น้ำมันทั่วไปครับ ค่าใช้จ่ายตรงนี้เป็นสิ่งที่รถทุกคันต้องเสียอยู่แล้ว

มีอีกอย่างนึงคือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เพราะทางร้านเกรย์บอกให้เปลี่ยน(โดยบอกว่า ครบ 100,000 km แล้วนะ)

เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ : 3,330 บาท
เปลี่ยนน้ำมันเบรค 1,500 บาท



อันนี้คือ พี่อ้อยยอมเค้าเพราะเค้าบอกว่าเชคสภาพ 100,000 km เนื่องจากตอนนั้นไม่มี Tesla Official มาทำตลาดในไทยทำให้เค้าต้องทำตามที่เกรย์แนะนำมานะครับ

อีกส่วนก็คือน้ำมันเบรค(ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับเพราะรถแทบไม่ได้ใช้งานผ้าเบรคเลย) แต่ในเมื่อเข้าศูนย์ไปแล้วก็เปลี่ยนตามสภาพครับ

หลังจาก Tesla Thailand Official มาเปิดที่ไทย พี่อ้อยก็ไม่ได้ไปเข้าศูนย์ของเกรย์อีกเลยนะครับ เพราะ Tesla Thailand Official ก็สามารถให้บริการได้เหมือนกันและตั้งแต่วิ่งมา 100,000 km –> 200,000 km ก็ไม่ต้องทำอะไรกับรถเลยครับ ยกเว้นเปลี่ยนยางและเปลี่ยนกรองแอร์รถครับ

แบตเสื่อมหรือยัง?
พี่อ้อยตอบว่า รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 SR+ ปี 2021 ของแกก็ยังใช้งานได้ปกตินะครับ เลยไม่รู้สึกว่า แบตเสื่อมแต่อย่างใด พอผมถามถึงเรื่อง Range(ระยะทางที่วิ่งได้) ก็ได้คำตอบประมาณนี้ครับ

กย. 64 ชาร์จเต็มได้ 426 กม.
กย.65 ชาร์จเต็มได้ 413กม.
ตค. 66 ชาร์เต็มวิ่งได้ 404 กม.

พี่อ้อย เจ้าของ Tesla Model 3
BLINK DRIVE TAKE
ราคาน้ำมันเกียร์อยู่ที่ 3,300 บาทนะครับ ส่วนการเปลี่ยนนั้นจะอยู่แถวๆ 250,000 km ที่พี่อ้อยแกเปลี่ยนก่อนนั้นเพราะเกรย์แนะนำ(เชิงบังคับนิดส์ๆ) ทำให้แกต้องยอมเปลี่ยน เอาจริงๆ น้ำมันเกียร์ Tesla Model 3 / Model Y ในอเมริกานั้นยังไม่มีใครเปลี่ยนกันเลย ยกเว้นมอเตอร์พังกันครับ(ซึ่งยังไม่เคยเห็น ถ้าใครมีข้อมูลก็แจ้งมาด้วยนะครับ)

ถ้าพี่อ้อยยังทำสถิติการขับขี่แบบนี้อยู่ผมว่าปีหน้าเราได้เห็นรถคันนี้วิ่งทะลุ 300,000 km แน่นอนครับ

ปล. ผมเอามาจากเวปไซต์ คุณบลิงแบบตรงๆทุกเม็ดไม่ได้แก้ไขอะไร เครดิตอยู่ข้างล่างครับ

ที่มา : https://blink-drive.com/index.php/2023/10/27/tesla-model-3-200000km/?mibextid=Zxz2cZ&fbclid=IwAR2EacClyqYM58rsfcUv_OxTT7FolfTvOBNLRttZNBiHxXdHfRzJjQrSyhs

แต่พรี่ๆเค้าบอกว่า 8 ปีเปลี่ยนแบต

วีออสขับลุยน้ำ ตอนนี้น่าจะ 7 แสนโลละ เปลี่ยน นมค. อย่างเดียว ยางยังไม่เปลี่ยนเลย

ต่อให้เอาข้อมูลพวกนี้ ไปโยนใส่พวกหัวโบราณแอนตี้รถไฟฟ้า มันก็ไม่รับฟังนะ ทั้งๆที่รถสันดาป น้ำมันนี่ บำรุงจิปาถะ เยอะแยะมากมาย
ก็จะอ้างแต่เรื่องค่าแบต 5-6แสนอยู่นั่น

ปล.ผมก็ใช้รถน้ำมันอยู่

2 ปี วิ่ง 2 แสน โคตรจะโหด

ผมวิ่งปีละ3หมื่นเอง เขร้ สวดยอด แบตเสื่อมน้อยมากเลยนะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

เตรียมแบตพังใน 5 4 3 2 ...

อีแก่บ้านผมปี 2008 ตอนนี้ 107,000 โล
5555

ก็ดีนะ Maintenance น้อยดี

เก็บค่าน้ำมันกับเซอร์วิสไว้รอเปลี่ยนแบต ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะเสื่อมจิงจังแบบต้องเปลี่ยนเมื่อใช้ไปกี่ปี ถ้ามันได้ถึง 12 ปีขึ้นไปก็ดี ถึงตอนนั้นก็เปลี่ยนรถแล้ว

เรื่องความร้อนไม่รู้ส่งผลขนาดไหน สำหรับผมรถ EV เป็นห่วงเรื่องความร้อนที่สุดแล้ว

ถ้าค่ายญี่ปุ่นในไทย ไม่รู้จะโดนเท่าไร

ขับรถกี่เท้าครับ?

ก่อนอื่นต้องลบภาพที่จำกับ รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นแมส ev คันแรก อย่าง nissan leaf รุ่นแรก
ที่ยังออกแบบมาไม่ค่อยดี เพราะไม่มีระบบระบายความร้อนแบต ส่งผลให้แบตเสื่อมไว

แต่รถรุ่นหลังๆมานี้ได้แก้ไขจุดบกพร่องตรงนี้ไปหมดแล้ว และเทสล่าคือผู้นำของระบบเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า เห็นมีแต่คนชอบบูลลี่ว่าเทสล่า แพง ประกอบห่วยกว่าฮอนด้า โน่นนี่นั่น หารู้ไม่ว่าพวกเทคโนโลยีที่เทสล่าใส่ลงไป มันทำให้แบตมีอายุใช้ได้นาน และประหยัดไฟกว่ายี่ห้ออื่นๆ

คนไม่รู้เขาก็บูลลี่รถ ev ไปเรื่อยแหละ
รายละเอียดลึกๆของรถไฟฟ้า มันมีมากกว่าแค่ว่าชาร์ตครั้งนึงวิ่งไกลเท่าไหร่ กับมันแรงแค่ไหนนะ

เสริมเรื่องความรัอนที่เป็นห่วง
จริงๆรถไฟฟ้ากลัวความเย็น
ความร้อนมีผลบ้าง แต่น้อยกว่าความเย็น
จึงเป็นที่มาทำไมเหมาะกับเมืองร้อน
รถไฟฟ้าที่มีระบบที่ดีๆอย่างเทสล่า จัดการเรื่องพวกนี้ได้ดีมากครับ และไม่มีทิ้งพลังงานความร้อนไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย

ความเย็นส่งผลต่อแบต
ทำให้แบตไม่มีไฟ หรือไฟมันไม่วิ่ง ไม่ไหล
อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 35-45 องศา ซึ่งมันเหมาะกับเมืองร้อนแบบเรามาก

สองเท้า สะเด้ยย

ผมสองจิตสองใจระหว่าง full EV กับ PHEV อยู่ก็เรื่องค่า maintenance เนี่ยแหละครับ

ถ้าใช้ไฟฟ้าเพียวๆ ใช้วิ่งต่างจังหวัดก็ยังรู้สึกว่าเสียเวลาชาร์จนานไปหน่อย
แต่ถ้ามีเครื่องยนต์ด้วย ก็ต้องมาบำรุงรักษาอีก คิดไม่ตกเลย

ค่าใช้จ่ายน้อยมากครับ เท่าที่อ่านเหมือนจะโดนเกรย์บังคับทำโน่นทำนี่ไปครึ่งหมื่นอีก ถ้าตัดตรงนี้ออกได้คือชิวเลย