อเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรกระจายตัวอยู่อย่างกว้างขวาง ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตชานเมืองและเมืองเล็กๆ มากกว่าที่จะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ดังนั้น การสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองในอเมริกา จึงไม่คุ้มค่า เพราะรถไฟความเร็วสูงจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อวิ่งผ่านพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น


วัฒนธรรมการเดินทาง

        คนอเมริกันส่วนใหญ่นิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือเครื่องบินมากกว่ารถไฟความเร็วสูง เพราะรถยนต์ส่วนตัวให้ความสะดวกและรวดเร็วมากกว่า ส่วนเครื่องบินก็ช่วยให้เดินทางได้ระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว รถไฟความเร็วสูงจึงยังไม่เป็นที่แพร่หลายในอเมริกา
ความยากลำบากในการดำเนินการ

        การสร้างรถไฟความเร็วสูงในอเมริกา จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เช่น การสร้างทางวิ่งรถไฟใหม่ หรือการยกระดับทางวิ่งรถไฟเดิม ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและใช้เวลานาน นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคอื่นๆ เช่น กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด ความขัดแย้งจากกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง และการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ไม่เพียงพอ

ปัจจัยอื่นๆ

นอกจากปัจจัยหลักๆ ข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในอเมริกา เช่น
กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และที่ดิน
ความขัดแย้งจากกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง เช่น เจ้าของที่ดิน ชุมชนท้องถิ่น และธุรกิจในพื้นที่

การสนับสนุนจากรัฐบาลที่ไม่เพียงพอ รัฐบาลอเมริกา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น ถนน ทางหลวง และสนามบิน มากกว่าการพัฒนารถไฟความเร็วสูง

อ่านต่อ : https://board.postjung.com/1502718

เมกาเองก็เป็นเจ้าเทคโนโลยีการบินเหมือนกันมีโบอิ้ง มีผู้ผลิตturbineดังๆก็GEกับPratt & Whitney แต่รถไฟเมกายังต้องซื้อของsiemensมั่งจากkawasakiมั่ง

เรื่องราคาน้ำมันไม่มีปัญหามั่งครับ

เลยจัดเครื่องบิน ขนส่งได้เร็วกว่า

ข้อจำกัดก็ส่วนนึง แต่นิสัยคนเมกาก็น่าจะส่วนนึง รู้สึกเหมือน AMTRAK นี่มีไม่กี่เส้นทางเองนะที่ไม่ขาดทุน พวกเส้นทางระยะยาวเชื่อม East Coast กับ West Coast ดูน่าจะทำกำไรยากด้วย ถ้าจะข้ามฝั่งน่าจะบินกันมากกว่า อาจจะกังวลเรื่องความคุ้มค่าของเงินลงทุน ก็เลยไม่ได้สร้างมาจนปัจจุบัน

ทั้งๆที่จริงๆก็อยากนั่งรถไฟความเร็วสูงในเมกาอยู่เหมือนกันนะ จากซานฟรานไปนิวยอร์ค น่าจะได้เห็นวิวในหลายๆแบบเลย

ส่วนนึงมาจาก บริษัทรถยนต์ล็อบบี้นักการเมืองด้วยครับ

เหมือนอีกหลายๆ เรื่อง ที่อเมริกาล้าหลังกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
- เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ก็เพราะบริษัทปืนล็อบบี้นักการเมือง
- เรื่อง health care ก็เพราะบริษัทประกันสุขภาพล็อบบี้นักการเมือง

ก็การปกครองแบบสหรัฐไงครับ

แต่ละรัฐก็มีการบริหารจัดการครบถ้วนในตัวเอง

การเดินทางระหว่างรัฐ จำเป็นน้อยลง

สาเหตุล่างอะใช่แน่นอนครับ ที่นายทุนอเมริกา 2 กลุ่มนี้ล็อบบี้ ชักใยนักการเมืองอเมริกาเบื้องหลัง แต่เรื่องรถไฟความเร็วสูง ทำแล้วโอกาสเจ๊งสูงครับ เพราะว่า อเมริกาประเทศประชากรถึงจะมี 300 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจาก อินเดียกับจีน แต่ประชาชนกลับยังเบาบางครับ ถ้าเทียบกับขนาดพื้นที่ของประเทศ ยังเบาบางกว่าประเทศไทยอีก แล้วกระจัดกระจายกันอยู่มากกว่า แล้วประเทศอเมริกา กว้างใหญ่ไพศาล ด้วยขนาดประเทศที่ใหญ่มากๆ นี้แหละครับ เลยไม่คุ้ม ต่างจากจีนที่ประชากรมากมายเป็นพันล้าน อยู่กันกระจุก ยกเว้นโซนทะเลทราย

ชาวอเมริกา ชอบการขับรถมากๆด้วยครับ เป็นประเทศฝรั่งที่ชอบขับรถและมีรถกระบะมากๆ มีค่านิยมที่คล้ายๆคนไทย ซึ่งบางคนก็คิดว่า ไทยไปรับวัฒนธรรมที่ต้องมีรถกระบะ จาก อเมริกากับออสเตรเลียครับ

- ประเทศเน้นรถยนต์ ออกแบบเมืองเพื่อรถยนต์

- เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเครื่องบิน

- และทางภูมิศาสตร์ เมืองแต่ละเมืองในอเมริกาอยู่ห่างกัน ห่างกันจนการเดินทางด้วยเครื่องบินมันคุ้มกว่า การเชื่อมเมืองสำคัญๆเข้าด้วยกัน ถ้าใช้รถไฟความเร็วสูง ต้นทุนมันจะแพงกว่าและแข่งกับเครื่องบินไม่ได้ ทุกวันนี้ amtrack ขาดทุนเป็นส่วนใหญ่

ขนาดมีโครงการในรัฐที่ประชากรเยอะๆอย่าง California ยังล่มแล้วล่มอีก

เข้าใจว่าในเมกา สำหรับการเดินทางไกล เครื่องบินสะดวกกว่า

ด้วยระยะทางระหว่างเมืองมันค่อนข้างเยอะด้วย

ลองคิดเล่นๆว่าถ้าประเทศไทยมีรถไฟแบบชินคันเซ็น

ถ้าเป็น กรุงเทพ-เชียงใหม่ งี้ก็น่าสนใจหรอก

แต่ถ้าเป็น เชียงใหม่-หาดใหญ่ อุดร-หาดใหญ่งี้ ผมว่านั่งเครื่องเหอะ

อย่างเมกานี่จาก NY ไป LA นี่ เกิน 4,000 กิโล เข้าให้ละ

ต่อให้รถไฟความเร็วสูงก็นั่งรากงอกอยู่ดี สู้นั่งเครื่องให้มันจบๆไปเลยดีกว่า

อีกอย่างคือรถไฟมันเหมาะสำหรับการพาคนจำนวนมากไปอีกที่หนึ่ง

แต่ที่เมกาคนอยู่กันค่อยข้างกระจัดกระจายมากกว่า มันเลยไม่คุ้มที่จะทำ

วัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่นั่นออกแบบมาเพื่อใช้รถยนต์เป็นหลัก เดินทางไกลก็ไปเครื่องบินนู้นเลย

เพราะอเมริกายังมีถนนลูกรังอยู่

มีไม่ได้หรอก รางหายหมด โดนขโมยแย่
รถไฟถ้ามีบำรุงรักษาเยอะ เครื่องบินมันไม่ต้องบำรุงระหว่างทางเลย

อุตสาหกรรมล้ำหน้า ไม่ได้หมายความว่ามีเยอะ โรงงานค่อนข้างน้อยนะ โดยเฉพาะภาคการผลิต ถ้าเทียบกับขนาดประเทศ การขนส่งพวกวัตถุดิบมันเลยไม่ได้มากมายอะไร เน้นไปพวกอุปโภคบริโภคซึ่งก็น่าจะนำเข้าเยอะ เท่าที่รู้สึกคือ
1 รถถูก น้ำมันถูก (ผลิตได้เองพอสมควร) รถมือสองยิ่งถูก
2 ประชากรไม่หนาแน่น มีแค่ที่ดังๆที่หนาแน่น
3 สนามบินมีทุกรัฐ
4 เช่ารถได้ง่าย โอกาสโดนขโมยต่ำ ผู้ประกอบการเลยกล้าลงทุน
5 รถไฟรูทมันตายตัวเกินไป

ในอเมริกาไม่คุ้มค่าครับ รถไฟความเร็วสูงค่า Operate ไม่ได้ถูก
ในญี่ปุ่นหรือในยุโรป ค่าตั๋วแพงกว่าเครื่องบินอีก

พวกรถไฟมันพอได้เปรียบ ถ้าหากเมืองอยู่ไม่ใกลกันมากและมันสามารถรับส่งผู้โดยสารระหว่างทางได้ แต่เมืองในอเมริกามันไม่ใช่แบบนั้นเลยสร้างยาก

ถึงยังงั้น ประเทศนี้ก็ยังมีทางรถไฟรวมกันยาวที่สุดในโลกอยู่ดีนะ ขนส่งสินค้าทางรางของประเทศนี้ใช้รถไฟเยอะมาก

ส่วนนึงเพราะปกครองแบบสหรัฐ การจัดขนส่งน่าจะเป็นอำนาจของแต่ละรัฐทำได้ แต่ละรัฐก็ไม่ได้ร่วมมือกันเท่าไหร่ เพราะน่าจะตกลงกันไม่ได้หลายเรื่อง