ถ้าซื้อรถในราคาเงินสด ได้ส่วนลดเงินสดที่เท่าไหร่กันบ้างครับ หรือคิดเป็นกี่% ของราคารถ
คือตอนนี้ดูๆ ไว้3-4ที่ มี3ที่ๆ เซลให้ส่วนลดที่ประมาณ 6% ของราคารถ ส่วนอีกที่ให้ที่ 10% ของราคารถ
ที่ๆให้ส่วนลด 10% เซลแจ้งว่าที่ให้ส่วนลดนี้ได้เพราะกำลังทำยอดปิดบัญชี ถ้าจะเอาส่วนลดนี้จะต้องรับรถภายในเดือนนี้เลย
ผมก็เลยสงสัยว่าเซลเค้าสามารถให้ส่วนลดราคาต่างกันขนาดนี้เลยเหรอครับ มันสามารถให้กันได้จริงๆใช่มั้ย
ถ้าเป็นท่านๆจะเลือกแบบไหน เอาศูนย์ที่ให้ส่วนลดมากสุดเลยมั้ย เพราะชุดของแถมหลักคือเหมือนกัน
ของแถมหลักที่ได้คือ
- ประกันชั้น1
- warranty 3ปี
- ติดฟิล์มเซรามิกรอบคัน
- เคลือบสี
- ชุดพรมผ้ายาง

มาเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง
ผมเคยเป็นเซลขายรถญี่ปุ่นยี่ห้อนึง ไม่ใช่ยี่ห้อเจ้าตลาด
ส่วนที่เซลจะให้ลูกค้าได้มี3ส่วนครับ
1.ส่วนของแถมที่ต้องให้ (ฟิล์ม+พรม+ผ้ายาง+warrantyศูนย์+พ่นกันสนิม) พวกนี"ต้อง"ได้ครับ อย่าไปนับรวมว่าเป็นของแถม
2.Margin ของรถแต่ละรุ่น มีเอาไว้สนับสนุนการขายครับมากน้อยแล้วแต่รุ่น แล้วแต่ตัว ตัวถูก ตัวรอง ตัวท็อป ได้ไม่เท่ากัน
3.commission Finance ส่วนนี้เราจะได้หากลูกค้าซื้อแบบผ่อนครับ ยิ่งดาวน์น้อยผ่อนนานเซลยิ่งได้เยอะ

ในส่วนของพวกประกัน+ค่าจด+ของแถมอื่นๆจะมาจากส่วน2ครับ ถ้ารุ่นที่ขายดี คนนิยมซื้อ มันจะน้อย
แต่น้อยสมัยเมื่อ10ปีที่แล้วคือ3หมื่นนะครับ ถ้าลูกค้าซื้อผ่อน เอาประกัน ผมก็ให้3หมื่นได้เลย แล้วเอาส่วน3มาจ่ายค่าประกันให้ลูกค้าครับ

แต่ถ้าลูกค้าเรียกร้องของแถมเยอะ ซึ่งของแถมมี2ส่วน 1.ของศูนย์ (แพงกว่า+เกรดดีกว่า) 2.ของร้านนอก (ถูกกว่า+กากกว่าเยอะ) ก็หักค่าของแถมพวกนี้แหละ จากส่วน2 ส่วนลดที่จะได้ (อาจจะ)ไม่มีเลย หรือถ้ามีก็น้อยครับ

โดยเซลพวกนี้ ถ้าลูกค้าอยากได้ส่วนลดเยอะๆ แต่เงินออกน้อยแบบพวกวัยรุ่นสร้างตัวอ่ะ สามารถทำให้ได้ง่ายๆเลยครับ ด้วยการ"บวกดอก"ของการผ่อน สมมุติ ดาวน์10% ผ่อน7ปี ดอกอยู่ที่ 3.5%แม่งพวกไปเลยครับ 1% เป็น4.5

ผมสอนวิธีคิดให้ตรงนี้เลยเอาไว้เป็นความรู้สำหรับท่านที่จะซื้อผ่อนครับ

สมมุติรถราคา7แสน ดาวน์10%=7หมื่น เท่ากับเหลือยอดจัด 630,000
ดอกเบี้ยสมมุติ 3.5% เอาไปคูณยอดจัดเลย เท่ากับดอกปีละ 22,050 (แต่ถ้า+1%แบบที่ผมบอกข้างบนจะเป็น 28,350)
เอาไปคูณปีที่จะผ่อนเท่ากับ 22,050*7=154,350<นี่คือดอกที่ท่านต้องเสียจนผ่อนหมดครับ (ถ้า+ดอกเท่ากับ 28,350*7=198,450)
แล้วเอาดอกมารสมกับยอดจัด แล้วหารจำนวนเดือนที่จะผ่อน ถ้าเรทปกติ คือ 630,000+154,350/84= 9,337.5 นี่คือค่างวดปกติครับ
(ถ้า+ดอก=630,000+198,450/84=9,862.5)

เห็นไม๊ฮะ ค่างวดต่างกันไม่เท่าไหร่ "แต่"ถ้าเอาส่วนต่างมาคูณปี 9,862.5+9,337.5*84=44,100

44,100นี่คือส่วนที่เซลได้กินฟรีๆ ถ้ารถคันนี้มีMargin5หมื่น
คอมไฟแนนซ์7%= เอาดอกเบี้ยที่ไฟแนนซ์ได้มาคูณ7%เลยคือที่เราจะได้ครับ
เท่ากับคันนี้เซลมีงบให้เล่นกับลูกค้า 44,100+50,000+13,891.5= 107,991.5
พวกสร้างตัวอยากได้ล้อใหญ่หรอได้
อยากได้ฝาดำหรอได้
อยากได้เหล็กค้ำหรอได้
อยากฟรีดาวน์หรอได้
รวมแถม+ฟรีดาวน์ไปประมาณ 9หมื่น เบ็ดเสร็จรถคันนี้เซลได้แดกฟรีไปหมื่นกว่าบาทฮะ นี่แค่คันเดียวนะ


ตอบคำถามท่าน ถ้าท่านซื้อสด จะได้แค่ค่าMarginครับ เยอะไม่เยอะแล้วแต่รุ่นเลย ถ้าไม่เข้าเนื้อพอมีเหลือบ้าง ผมว่ายังไงเซลล์ก็ให้
ต่อให้คันนี้ไม่ได้อะไรเลย เซลยังมีค่าคอมจากจำนวนคันที่ปล่อยแบบเป็นขั้นบันไดอีกครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านต้อง"ขอให้มากที่สุด" เพราถ้าไม่ขอ เค้าจะไม่เสนอส่วนลดให้เลยครับ

ผมเคยเจอแต่ ไม่ยอมขายเงินสด 55+ จะขายดาวน์ ให้ผ่อนยาวๆอย่างเดียว

ส่วนใหญ่ เขาไม่อยากให้เราซื้อสดนะท่าน

เพราะเขาได้กำไรน้อย

เลยอยากให้ผ่อนมากกว่า

ของผมลด เกือบ 5%

ยี่ห้ออะไรรุ่นอะไรเหรอครับ

ปกติซื้อสดเค้าไม่ลดนะ เพราะซื้อผ่อนเค้าได้เงินจากไฟแนนซ์ไม่ใช่ได้จากเรา จะสดจะผ่อนได้เงินเต็มเหมือนกัน

ทีนี้ถ้าเค้าลดให้มันแปลก ต้องดูว่าเพราะอะไร ต้องการระบายสต็อค? ถ้าผ่อนของแถมอาจเยอะกว่านี้? ศูนย์กลัวไปเทียบกับที่อื่น? ศูนย์ต้องการเงินเข้า? เซลล์เดือนนี้ยอดไม่คนบ?

มาเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง
ผมเคยเป็นเซลขายรถญี่ปุ่นยี่ห้อนึง ไม่ใช่ยี่ห้อเจ้าตลาด
ส่วนที่เซลจะให้ลูกค้าได้มี3ส่วนครับ
1.ส่วนของแถมที่ต้องให้ (ฟิล์ม+พรม+ผ้ายาง+warrantyศูนย์+พ่นกันสนิม) พวกนี"ต้อง"ได้ครับ อย่าไปนับรวมว่าเป็นของแถม
2.Margin ของรถแต่ละรุ่น มีเอาไว้สนับสนุนการขายครับมากน้อยแล้วแต่รุ่น แล้วแต่ตัว ตัวถูก ตัวรอง ตัวท็อป ได้ไม่เท่ากัน
3.commission Finance ส่วนนี้เราจะได้หากลูกค้าซื้อแบบผ่อนครับ ยิ่งดาวน์น้อยผ่อนนานเซลยิ่งได้เยอะ

ในส่วนของพวกประกัน+ค่าจด+ของแถมอื่นๆจะมาจากส่วน2ครับ ถ้ารุ่นที่ขายดี คนนิยมซื้อ มันจะน้อย
แต่น้อยสมัยเมื่อ10ปีที่แล้วคือ3หมื่นนะครับ ถ้าลูกค้าซื้อผ่อน เอาประกัน ผมก็ให้3หมื่นได้เลย แล้วเอาส่วน3มาจ่ายค่าประกันให้ลูกค้าครับ

แต่ถ้าลูกค้าเรียกร้องของแถมเยอะ ซึ่งของแถมมี2ส่วน 1.ของศูนย์ (แพงกว่า+เกรดดีกว่า) 2.ของร้านนอก (ถูกกว่า+กากกว่าเยอะ) ก็หักค่าของแถมพวกนี้แหละ จากส่วน2 ส่วนลดที่จะได้ (อาจจะ)ไม่มีเลย หรือถ้ามีก็น้อยครับ

โดยเซลพวกนี้ ถ้าลูกค้าอยากได้ส่วนลดเยอะๆ แต่เงินออกน้อยแบบพวกวัยรุ่นสร้างตัวอ่ะ สามารถทำให้ได้ง่ายๆเลยครับ ด้วยการ"บวกดอก"ของการผ่อน สมมุติ ดาวน์10% ผ่อน7ปี ดอกอยู่ที่ 3.5%แม่งพวกไปเลยครับ 1% เป็น4.5

ผมสอนวิธีคิดให้ตรงนี้เลยเอาไว้เป็นความรู้สำหรับท่านที่จะซื้อผ่อนครับ

สมมุติรถราคา7แสน ดาวน์10%=7หมื่น เท่ากับเหลือยอดจัด 630,000
ดอกเบี้ยสมมุติ 3.5% เอาไปคูณยอดจัดเลย เท่ากับดอกปีละ 22,050 (แต่ถ้า+1%แบบที่ผมบอกข้างบนจะเป็น 28,350)
เอาไปคูณปีที่จะผ่อนเท่ากับ 22,050*7=154,350<นี่คือดอกที่ท่านต้องเสียจนผ่อนหมดครับ (ถ้า+ดอกเท่ากับ 28,350*7=198,450)
แล้วเอาดอกมารสมกับยอดจัด แล้วหารจำนวนเดือนที่จะผ่อน ถ้าเรทปกติ คือ 630,000+154,350/84= 9,337.5 นี่คือค่างวดปกติครับ
(ถ้า+ดอก=630,000+198,450/84=9,862.5)

เห็นไม๊ฮะ ค่างวดต่างกันไม่เท่าไหร่ "แต่"ถ้าเอาส่วนต่างมาคูณปี 9,862.5+9,337.5*84=44,100

44,100นี่คือส่วนที่เซลได้กินฟรีๆ ถ้ารถคันนี้มีMargin5หมื่น
คอมไฟแนนซ์7%= เอาดอกเบี้ยที่ไฟแนนซ์ได้มาคูณ7%เลยคือที่เราจะได้ครับ
เท่ากับคันนี้เซลมีงบให้เล่นกับลูกค้า 44,100+50,000+13,891.5= 107,991.5
พวกสร้างตัวอยากได้ล้อใหญ่หรอได้
อยากได้ฝาดำหรอได้
อยากได้เหล็กค้ำหรอได้
อยากฟรีดาวน์หรอได้
รวมแถม+ฟรีดาวน์ไปประมาณ 9หมื่น เบ็ดเสร็จรถคันนี้เซลได้แดกฟรีไปหมื่นกว่าบาทฮะ นี่แค่คันเดียวนะ


ตอบคำถามท่าน ถ้าท่านซื้อสด จะได้แค่ค่าMarginครับ เยอะไม่เยอะแล้วแต่รุ่นเลย ถ้าไม่เข้าเนื้อพอมีเหลือบ้าง ผมว่ายังไงเซลล์ก็ให้
ต่อให้คันนี้ไม่ได้อะไรเลย เซลยังมีค่าคอมจากจำนวนคันที่ปล่อยแบบเป็นขั้นบันไดอีกครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านต้อง"ขอให้มากที่สุด" เพราถ้าไม่ขอ เค้าจะไม่เสนอส่วนลดให้เลยครับ

แล้วแต่ ยี่ห้อ+รุ่น ที่เคยเจอเอง
to+hon ลด 1-30000 รถราคา 1m
mazda ลด 80k-120k รถราคา 1m
bmw ลด 40k-200k รถราคา 3m

ปล.ขึ้นอยู่กับต้นหรือปลายโมเดลด้วยนะครับ

ขอบคุณมากๆเลยครับ ข้อมูลละเอียดเห็นภาพชัดขึ้นเยอะเลย

ขอบคุณมากครับ ได้ข้อมูลเพิ่มมาอีกเลย