ไปทำ Consult ดีกว่า เงินไม่ได้ต่าง อาจจะปวดหัวบางจุดมากกว่า แต่งานไม่โหลดเท่า

เงินเดือน เท่าที่ดูไม่เยอะ เทียบกับงานที่ทำนะ
เข้าใจผิดมาตลอด นึกว่าได้ กันหลายหมื่น-แสน ซะอีก
แล้วได้ OT ป่ะครับ ? คิดรายชม.?

ก่อนหน้านี้ เป็นมนุษย์ทองคำ เลือกเยอะ ต้องจบ ม นั้น ม นี้ พอโอกาสมันไม่เปิดกว้าง เด็กรุ่นใหม่ๆที่จะเลือกคณะ เขาก็ตัดพวกบัญชีทิ้งก่อนเลย ไปเลือกคณะอื่นแทน ตอนนี้ก็ตามสภาพ

ผมไปทำแบบคอนซัลท์ บ.นึง มีบิ๊กโฟร์เจ้านึงมาออดิท น้องๆน่ารักนะ แต่เห็นแล้วแอบสงสาร ต้องคอยถือคอมพ์มาเดินถามลูกค้า ว่าจะหาอันนี้จะเอาอันนี้จากไหน ซึ่งลูกค้างานก็ท่วมหัว แต่ก็ช่วยอธิบาย แล้วก็อยู่จนเย็นๆดึกๆ บางทีลูกค้ากลับกันจนหมดแล้ว ก็นั่งทำกันต่อ

แฟนผมทำบัญชี บ. ผรม.เอกชนเจ้านึง ยังเครียดน่าดู ทั้งทำค่าแรง ทั้งปิดงบ ทั้งจัดซื้อ เครียแอดวานซ์ ผมเลยคิดไปว่า เจ้านายจะปวดหัวขนาดไหนนิ

ด้วยการแข่งขันที่สูงและวัฒนธรรม ที่เป็นการทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 3 ทุ่ม และทำงาน 6 วัน ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องใช้พลังงานและแรงจูงใจเป็นอย่างมากในการทำงาน จนหลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าได้ทำอาชีพที่สังคมยกย่องและให้เกียรติก็ตาม

ขณะเดียวกัน แม้พวกเขาจะได้งานในฝันแล้ว แต่หลายครั้งกลับ “หมดไฟ” ไปดื้อ ๆ เห็นได้จากเทรนด์การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น “Quiet Quitting” และ “Bare Minimum Mondays” ที่เป็นการทำงานเฉพาะที่จำเป็น ไม่หักโหมมากจนเกินไป

ค่านิยมการทำงานที่เปลี่ยนไป เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของโลก

“สำหรับคนรุ่นเก่าแล้ว พวกเขาทำงานภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนเต็มที่ พร้อมความเชื่อว่าการทำงานเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเหลือประเทศ จนกลายเป็นแนวคิดทำงานด้วยความรักชาติ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ไทยมีรากฐานทางเศรษฐกิจในระดับหนึ่งแล้ว และคนหนุ่มสาวมีความเป็นปัจเจกชนมากขึ้น พวกเขาไม่คิดว่าการช่วยเหลือประเทศจะเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต”

ด้วยแนวคิดนี้ทำให้คนรุ่นใหม่หลายคน ตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่อยากทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศในองค์กรใหญ่ พวกเขาไม่ได้หวังว่าหน้าที่การงานจะทำให้มีหน้ามีตาในสังคม แต่พวกเขาแสวงหาความสุขในการทำงานมากกว่า

อิสระและความยืดหยุ่น นิยามใหม่ในการทำงาน

สิ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่หนีจากงานประจำมาทำงานบริการ (Light Labor) กันมากขึ้น เพราะพวกเขามี “อิสระและความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น” แต่ต้องแลกมากับความมั่นคงของงานและรายได้ที่ลดลง จนหลายคนจำเป็นต้องให้พ่อแม่ช่วยสนับสนุนทางการเงินอยู่บ้าง

อีกทั้งการทำงานบริการมักจะมาพร้อมกับคำครหาว่า “เรียนจบตั้งสูง แต่ทำไมมาทำงานที่คนจบมัธยม หรือประถมก็ทำได้ ?” และมักถูกมองว่าเป็นการที่ไม่มีเกียรติ ทั้งที่งานเหล่านี้ก็มีเกียรติ มีคุณค่า เป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นกัน แถมสร้างความสุขให้แก่ลูกค้าอีกด้วย

เมื่อคนรุ่นใหม่คำนึงถึงความสุขในการทำงานเป็นหลัก พวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องทนอยู่กับงานที่ทำแล้วไม่มีความสุข แม้ว่ารายได้จะน้อยลง แต่ถ้ามีความสุขเพิ่มขึ้น พวกเขาก็พร้อมที่จะแลก

1. ค่าตอบแทนที่ว่าสูงเนี่ย บอกตามตรงนะครับ ผมมองว่า Start 30k-35k ปัจจุบันไม่สูงเลยเพราะ

1.1 Big 4 คัดเฉพาะหัวกะทิ ฝั่งบัญชี เด็กที่ไปส่วนมากคือ ฬ มธ มก ก่อนเลย เอาตามตรง

ไปอยู่ บริษัทเอกชนทั่วๆไป เงินเดือนมากกว่า หรือใกล้มากแต่งานน้อยกว่าเยอะ แต่เรามาเพราะ

ไปอยู่ Big 4 เหมือนไปสร้าง Profile + มันคือโรงเรียนนะ สำหรับผม

1.2 ถ้าน้องไม่ได้อยากโตในสายนี้จริงๆ มันยากที่จะรั้งเด็กไว้ได้อยู่แล้ว เพราะงานเยอะไปมากๆ

ถ้าคุณอยากแก้ปัญหาขาด Senior กับพวก Junior ณ ปัจจุบัน ก็อาจจะต้องเพิ่มเงินเดือนแต่แรกเลย

1.3 คนที่รวยจริงๆใน Big 4 คือ partner แต่ถามจริงกี่คนได้ขึ้น กับ กี่คนทนรอไหว

2. ปริมาณงานเยอะมากไปครับ ผมมองว่าทีม ณ ปัจจุบันส่งไปน้อยเกินไป บางครั้งคนขาดถึงขั้น

manager job นั้นๆต้องมานั่ง ทำงาน Senior เพื่อให้งานจบ ผมยังเคยเจอเลยสมัยเด็กๆ

พี่เมเนเจอร์มาทำเอง สั่งให้ผมเป็นคนอัพไฟล์ขึ้นระบบ เพราะชื่อแกจะเป็นคนทำคนตรวจไม่ได้

ปกติ Manager ไม่ได้ต้องมาออก field ลง working กันขนาดนี้หรอก

3. ผมมองว่าต้องสื่อสารกับลูกค้ามากกว่านี้ และไม่รับงานแบบ หน้ามืด นี่อะไร นัดกัน 5 วันเข้าวันจันทร์

กว่าจะได้งบทดลองมาตรวจ ปาไป วันพุธ ไอหอกหัก

4. บรรยากาศการทำงานภายในที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เพราะมากคนมากความอ่ะนะ สังคมผู้หญิงด้วย

ผมเบื่อมาก แล้วก็พวกบัญชีอ่ะ หัวสี่เหลี่ยม ทั้งทีมเราและลูกค้า

5. โดยรวมเงินน้อยไป เทียบกับปริมาณงานที่ทำครับ ควรปรับอย่างมาก ส่วนตลาดข้างนอก

ที่ไม่ใช่กิจการขนาดใหญ่ ไอพวกจบ ม.tier 2-3 ก็ชอบตัดราคาสร้างสงครามราคากันจะตายละ

ซึ่งเอาจริงๆนะ ไปตรวจไม่เคยมี working เลย ลงบัญชีก็ผิด (สำหรับผู้ทำ) งานมันจะมีคุณภาพได้ไงวะ

แนวโน้มการขาดแคลน จะมีต่อไปอีกซักกี่ปีพอจะทราบมั้ยครับ

ยุคนี้คงขาดยาวๆ นอกจากเพิ่มเงินเดือนหนักๆ

ไม่ก็ต้องลดรับงาน เลิกตัดราคากันหน่อย

เพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ จนกว่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ไม่ใช่แค่เพิ่มฐานเงินเดือนนิดหน่อย

เหตุผล
เรื่อง บุคลากร เด็กลาออกเยอะขึ้น คนที่เหลืองานเยอะขึ้นก้ออกตาม ก็ยิ่งตามไปกันใหญ่ เด็กใหม่เติมมาไม่ทัน ถึงทันก้เทียบกับประสบการณ์ของคนเก่าที่เสียไปไม่ได้ เด็กสมัยใหม่ทางเลือกเยอะขึ้น

เรื่อง workload งานซับซ้อนขึ้น บริษัทหาลูกค้าเพิ่มอย่างเดียว รับลูกค้าเพิ่มทุกปี ปีนึงมีบริษัทเพิ่มขึ้นตลอดเยอะกว่าบริษัทที่เลิกกิจการ หลายบริษัทแย่งกันเข้าตลาดทั้ง set ทั้ง mai เตรียม ipo เยอะมากครับ

วิธีที่สร้างความน่าเชื่อถือทางบัญชี ที่ดีก้คือจ้าง big4 ซึ่งบริษัทเหล่านี้คือสิ่งที่ยากสำหรับผู้สอบเลย เพราะต้องมาแก้มาตรฐานเยอะมาก บางรายถึงกับแก้งบปีก่อน เพราะ มันผิดซ้อนกันมาจนมีนัยสำคัญ ซึ่งยิ่งมีบริษัทเหล่านี้ก็ยิ่งงานโหลดสำหรับผู้สอบครับ

ซึ่งถ้าไม่แก้ปัญหาอะไร ผมก็ไม่เห็นว่าการขาดแคลนจะมีแนวโน้มลดลงได้ยังไง คนน้อยลง แต่ต้องการคนมากขึ้น

ผมจบบัญชีมา แต่ไม่คิดจะทำงานบัญชีเลย เพราะแค่ตอนเรียนก็น่าเบื่อมาก เลยเบี่ยงไปสายหลักทรัพย์แทน เห็นเพื่อนๆ ได้งาน Big4 กันตั้งแต่ยังไม่จบ แต่เงินเดือนก็สูงจริง

ช่วงหน้างบ แฟนผมกลับบ้านตี2-4 แทบทุกวัน ผมนี่เป็นห่วงสุขภาพชิบ