ตัวละครระดับต้นๆของจักรวาลเจ้าหญิง ได้แค่นี้ถือว่าเจ๊งแล้วครับ

ถ้าแคสนักแสดงมาดีๆยังไงก็มี 800+ ล้านอ่ะ

หนัง woke ก็ขายชาว woke ครับ รอดูรายได้

ส่วนตัวผมไม่ดูเลย จะว่าด่าก็ได้ แต่หนัง disney princess live action ที่ดีที่สุดผมยกให้ beauty and the beast ไม่ต้องไปทะลึงดัดแปลงอะไรให้มันเยอะแยะ woke มากมาย ทำให้มันกลมกล่อมพอตัว ก็พอแล้ว

ดันทุรังเกิน ให้เหตุผลมั่วซั่วมาก จริงๆตอบแค่อยากให้มีเจ้าหญิงผิวสีบ้างก็จบละ

เห็นบ้านเราดูอินมาก(?) เหมือนโตมา และดูนางเงือกซ้ำเป็นสิบรอบๆตอนเด็กทั้ง ชายและหญิง(?)

ไม่รอดอยู่แล้ว ไอ้พวกเพจที่ออกมาอวยคือ เกาะกระแส

เอาไรไปรอด อย่าลืมที่มันดูตู้มตามเพราะได้กระแสผิวสีด้วย

ล่าสุดบอกเปิดตัวอาทิตย์แรกทำลาย อลาดิน แต่ส่วนตัวมองว่าคนละชั้นกับอลาดินเลย

ขาดทุนแน่ๆฟันธง

เอาจริงไม่แปลกใจเลย ดัดแปลงเกิน ในเมื่อต้นแบบมันอิงการ์ตูนจะใส่อะไรก็ให้มันพอดี มาดัดขนาดนี้+ยังแจ๋วจะเป็นตัวเองไม่เป็นตัวการ์ตูนซะด้วย โดนกระแสลบก็ไม่แปลก

แอเรียลนี่ติดตัวท็อปของพวกเจ้าหญิงดิสนีย์เลย ถามหลานยังบอกไม่อยากดูเลย

ลองใส่มาให้หมดเลยก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นเคสน้องนี่ ลองอลาดินแบบใช้คนเอเชียแสดง เจ้าชายผมทองสักเรื่องแต่ใช้คนอินเดียแสดง ลาพันเซลแบบไม่มีผม

ยังไงก็เจ๊งครับ ทุนสร้าง 250m เปิดมา week แรกได้ 160m รวมๆแล้วครบเดือนน่าจะได้ไม่เกิน 350m แบบนี้เรียกเจ๊งยับครับ

GOTG3 ขนาดเปิดมา week แรก 344m นะครับ ตอนนี้ยังไปได้แค่ 743m เดือนนึงละยังต้องลุ้น ขนาดหนังได้รับการตอบรับดีมีคนไปดูซ้ำบอกต่อกันนะครับ

Little Mermaid ที่ไม่มีปากต่อปากไปดูนั้นไม่มีทางไต่ได้เพิ่มแน่นอน ไอ่ที่เปิดมา openning weekend คือแฟนเดนตายแค่นั้นและ แล้วคงได้แค่นั้น เพราะไม่มีพลังบอกต่อ เพราะหนังมัน woke ไม่มีใครอยากไปดูอยุ่ละนอกจากสาวก ไม่เหมือน GOTG3 ที่คนไปดูแล้วมาบอกต่อมันเลยยังทำเงินต่อได้เรื่อยๆจนคุ้มทุนละ

แต่ Little mermaid ผมฟันธงไม่เกิน 300-400 ครบเดือน เจ๊งยับครับ

ทุนสร้าง 250m เอาอะไรมารอด

สไปดี้ ก็จะเข้าละ คนไปดูแล้ว แทบไม่มีทางดูซ้ำ แน่


ดูทรง สโนไวท์ ละติน ก็น่าจะตามรอย woke กันดีนัก

เขียนเว่อร์ๆ 5.6 พันล้าน(บาท)

เรื่องนี้รายได้เต็มที่เลยนะ 500+- ไม่เกินจากนี้ เดี๋ยวหลังจากนี้หนังฟอร์มยักษ์เข้ารัวๆทั้ง spiderman transformer ไหนจะมีหนัง fast ที่ฉายชนกันอยู่อีก

จริงๆเรื่องนี้มันอันดับ 1 ของเจ้าหญิงดีสนีย์เลยนะ พันล้านนี่ขนมมากๆถ้าไม่wokeจนเหวอ

แค่เห็นหน้านางเอกใน facebook ยังหงุดหงิดเลย

จริงๆไม่ควรมาคำนวณค่าการตลาดทุนโปรโมทหรอก เพราะไอ้ทุนส่วนนี้มันไปคิดอีกที ตอนออกจากโรงขายลิขสิทธิ์หรือสตีมมิ่งหนัง หลายๆเรื่องก้กำไรจากส่วนนี้แหละ เลยสร้างภาคต่อได้ แม้ว่ารายได้จากโรงต่อให้ x2 ก็ไม่เท่าทุนสร้าง

รายได้หลักจากบ้านตัวเอง ในเอเชียไม่รอด