ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล สินค้าจีนจะหยุดทะลักมั้ย ไอข้อตกลงไม่เสียภาษีไรพวกนี้ ยังต้องดำเนินต่อมั้ย ที่ไอตูบเอาใจจีน

ผมว่า ช่วยได้ไม่มากหรอก

ดูร้านใน Shopee สิ เดี๋ยวนี่ร้านที่มีของพร้อมส่งในไทย แม่งตอบกลับมาเป็นภาษาไทยสำเนียงจีนหมดแล้ว

เมือ่ก่อนยังจ้างแอดมินไทย เดี๋ยวนี้มันเล่นเอาคนจีนมาเป็นแอดมินเลย

FTA ทำในสมัยทักษิณ 2 นะ และไม่ใช่แค่ไทย แต่มันเป็นข้อตกลงระหว่างจีนกับ"อาเซียน"

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สินค้าจีน มันอยู่ที่คนจีนทะลักเข้ามา แล้วเราตามเก็บไม่ได้เลย

บางที่เจอแม้กระทั่งซื้อที่นอมินีเมียไทย มาสร้างโกดังให้จีนเช่า เต็มไปหมดแล้ว บางทีมาสร้างตึกเป็นชุมชนจีนเลย

ปล่อยคนต่างชาติเข้ามาหาเงินง่ายเกิ๊น ลองเราไปประเทศเค้าขายของมั่วซั่วโดนเนรเทศกลับประเทศ

พวกโครงการหมู่บ้านรอบนอกกทม.ก็มีแต่คนจีนนี่แหละมาจองกันเพียบ

เอาจริงๆ เราก็ต้องขยันหน่อย ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยแหละ
ไม่งั้นก็พ่ายแพ้ไป

ผมว่าชะลอได้แต่ที่เข้ามามันหยั่งรากไปแล้ว คอนโดที่ผมจองไว้นี่คนจีนให้ควั่ก ว่าจะไปเรียนภาษาละ

เดี๋ยวคุยกับคนในคอนโดไม่รู้เรื่อง

ต้องยอมรับก่อนครับจีนเขาพัฒนาตัวเองจากรับจ้างผลิต เป็น ผู่ผลิตนวัตกรรมแล้วครับ

สินค้าของจีนหลายอย่างคือ คุณภาพแทบเทียบเท่าแบรนด์ตะวันตก หรือ ญี่ปุ่น ไปแล้ว

แล้วตอนนี้จีนมีข้อได้เปรียบคือ การส่งออกสินค้าไปอาเซียนไม่เสียภาษี เขาก็ใช้จุดนี้ขยายตลาดออกนอกประเทศของเขาครับ (เพราะฝั่งตะวันตกแบน)

แต่ก่อนแบรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น ตะวันตก เป็นผู้ครองตลาดอาเซียนแทบจะทั้งหมด ตอนนี้จีนตีหมดแล้วครับด้วยราคาต่ำ และ คุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Finished goods หรือ raw material

พอมาเจอเรื่อง RCEP เข้าไปอีก ญี่ปุ่น กับ เกาหลีมีแต่ตายกับตายครับ เพราะส่งออกไม่เสียภาษีกันแล้ว โดนตีในประเทศยับๆ (อ่าว รู้แล้วทำไมยังเข้า ก็ถ้าไม่เข้าตายเร็วกว่าเดิมแน่นอน ไม่อยากเข้าก็ต้องเข้าอะ เมกาอยู่อีกซีกโลกจะช่วยอะไรได้)

สรุปห้ามอะไรไม่ได้แล้วครับ ในอาเซียนเราก็จะโดนจีนกินรวบเรื่อยๆแบบทำอะไรไม่ได้จริงๆ อยุ่ที่จะช้าหรือเร็วแล้วจะวางตัวยังไงให้เข้าได้ทั้งสองฝั่ง

เหมือนไกลตัวนะ
เผลอแปปเดียว ข้างๆรั้ว เป็นจีนจะหมดละ
ทำใจเลยรุ่นลูกหลานเรา

สินค้าจีน เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยใช้สิทธิประโยชน์อย่างถูกกฎหมาย จริงๆก็ด่าทางรัฐบาลชุดเดิมได้ไม่เต็มปาก
เพราะ"ไม่มีการตกลงเฉพาะให้สำหรับ Thai - China" แต่เป็นการตกลงระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศจีน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2002

https://en.wikipedia.org/wiki/ASEAN%E2%80%93China_Free_Trade_Area

ในส่วนข้อตกลงเฉพาะ Thai - China เป็นข้อตกลงที่"ไม่มีประกาศลดอัตราอากรรองรับ"และใช้เกณฑ์ลดอากรเดียวกับ Asean - China

และในส่วนที่เพิ่มเติมมาเป็นน้องใหม่ คือ RCEP ซึ่งก็เริ่มเจรจากันมาตั้งแต่ 2011 แล้ว แต่เพิ่งกำหนดใช้งานเมื่อปี 2020 และฐานภาษีไม่ต่างจาก Asean - China เพียงแค่กรอบของสมาชิกกว้างขึ้น มีตัวเลือกหลากหลายขึ้น

https://en.wikipedia.org/wiki/Regional_Comprehensive_Economic_Partnership

ในส่วนของสิทธิประโยชน์ต่างๆ"ตามเอกสาร" ก็ไม่มีระเบียบเฉพาะให้ประเทศจีนเช่นกัน
แต่จะมีกระซิบปากเปล่าสั่งกันเองหรือเปล่า ไม่ขอยืนยัน เพราะไม่มีหลักฐานตรงนั้นในมือ

ในส่วนของเรื่องนอกกฎหมาย...ก็รอดูกันครับ ภาวนาว่ามันจะดีขึ้นเช่นกัน

แย้งนิดนึงครับ ข้อความข้างบนถูกครึ่งเดียว
ในส่วนของ"การส่งออก"เราไม่มีกำแพงภาษีอยู่แล้วในแต่ละประเทศ คอนเซ็ปต์เดียวกัน ไปดักตีหัวกัน ณ เวลาของเข้าประเทศ

ซึ่ง RCEP กำลังกลายเป็นดาบสองคม เหมือนข้อตกลงทางการค้าอื่นๆที่มี เพราะการลดภาษี มันลงมาทั้งยวง และเป็นการแลกเปลี่ยนกัน นั่นคือสินค้าสำเร็จรูปภาษีถูกลง แต่วัตถุดิบจากกลุ่มประเทศก็ได้มาถูกลงเช่นกัน รวมถึงกระจายไปยังตลาดได้ในต้นทุนที่ถูกลง

ผู้ประกอบการอุปโภคบริโภคในประเทศ จะเจอปัญหาในการปล่อยสินค้าในประเทศ เนื่องจากประเทศคู่แข่งก็ได้สิทธประโยชน์ แต่อีกมุมคือผู้ประกอบการส่งออก มีตัวเลือกมากขึ้นในการหาวัตถุดิบ ทั้งในด้านคุณภาพและราคา ทำให้ต้นทุนสินค้าถูกลง และส่งขายตลาดทางยุโรป/อเมริกาได้ดีขึ้น

ตรงนี้เป็นจุดที่อินเดียยังลังเล และไม่โดดลงมาเต็มตัว แค่เซ็นต์รับเข้าร่วมครับ

ปล. อุปกรณ์ต่างๆของทั้งญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่ยุโรป ปรกติจะมีวัตถุดิบจีนอยู่ค่อนข้างมากอยู่แล้วครับ ในด้านผู้ผลิต ได้ประโยชน์ แต่ถ้าขายสำเร็จรูปแข่งกัน ผู้เล่นเดิมจะเสียเปรียบอย่างที่ว่าครับ

ผมชอบกระทู้แบบนี้ครับ ได้ความรู้ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าเข้ามู้ช่วงนี้แล้วเจอด้อมส้มด้อมแดงตีกัน