นายทุนไม่เดือดร้อนหรอกครับ เพราะ ที่ผ่านมาช่วงเปลี่ยนผ่านเค้าลงทุนกับระบยหมดเเล้ว ไม่ว่าจะเป็น ERP หรือ Automated ต่างๆ เเละใช้ช่วงโควิดลดคนไปแล้วครับ

ส่วนต้นทุนสินค้าก็มี Volume อยู่เเล้วต่อรองราคาได้ดี


คนที่แย่คือ SME นี่แหละครับ

เอาจากตอนที่พ่อผมยังเป็นผู้รับเหมา แกบอกตลอดว่าต่างด้าวสู้งานมากกว่าในค่าแรงที่เท่ากับคนไทย ไม่บ่น ไม่งอแง ตั้งใจสุด แถมไม่เกเรด้วย

จ้างวันละ 600 ถ้าคนไทยยังทำอะไรได้ไม่เยอะ แต่ต่างด้าวได้ตั้งแต่สากเบือยันเรือรบเลย

แรงงานอุ้มค่าแรงขั้นต่ำ = อดทน 1 ปี

2ปี
3
4
5
6
7
8ปี

อดทนต่อนะ

Sme กระทบ = คิดให้รอบคอบ ทุกด้าน

คิด 1ปี
2
3
4
5
6
7
8ปี

อดทนแปป คิดอยู่

เอาทฤษฎีการเงินมาคุยดีกว่า
การเติมเงินเข้าระบบ ตามทฤษฎีมันจะทำให้เงินลดค่าลง การเพิ่มค่าแรงก็คือการเติมเงินลงระบบนั่นเองแต่เป็นการเติมทางอ้อมผ่านนโยบายของรัฐ มันย่อมทำให้เงินลดค่าลง แต่จะลงค่าลงในอัตราส่วนที่เป็นนัยยะสำคัญหรือไม่ ต้องรอดูผล แต่ถ้าเอาตอนขึ้นค่าแรง 300 บาท มาเทียบมันขึ้นแน่ครับ เอาที่เราสัมผัสได้ง่ายที่สุดคืออาหารตามสั่ง ก่อนขึ้นค่าแรง 300 อาหารตามสั่ง 1 จาน ราคา 25-35 บาท แล้วแต่พื้นที่ หลังขึ้นค่าแรง 300 ราคาอาหารตามสั่ง ขึ้นเป็น 30-45 บาท ในระยะเวลา 1 ปี แบบนี้เรียกว่าเฟ้อไหม

เงินเฟ้อมันเกิดได้ทั้ง 2 ด้านคือดีมานด์ และซัพพลาย ตอนนี้มันขึ้นมาจากด้านซัพพลาย แต่มันแก้ยากเพราะมันเป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จึงเป็นทางเลือกที่ง่ายและเร็วที่สุด

สำหรับกิจการที่สามารถผลักภาระจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าได้มากกว่า 50% ของตุ้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะรอด แต่กิจการไหนที่ผลักส่วนนี้ไปไม่ได้หรือได้น้อย จะตายครับ

อีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครพูดคือการลดเวลาการทำงานมันมาพร้อมกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น บางธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น อาจจะปรับตัวไม่ทัน เพราะมันใช้เครื่องจักรได้น้อย สมมุติจากปกติคนงาน 1 คน ผลิตสินค้าได้ 10 ชิ้นต่อวัน เมื่อทำงาน 6 วันผลิตได้ 60 ชิ้น แต่ต่อไปเหลือทำงาน 5 วัน มันจะผลิตได้ 50 ชิ้น หากเป็นกิจจการรับช่วงผลิตต่อที่มียอดคำสั่งซื้อในจำนวนที่แน่นอน และมีการกำหนดระยะเวลาการยืนราคาไว้ ธุรกิจกลุ่มนี้ก็จะตาย

ตอนนี้ผมก็เป็น ผรม. อยู่ ขอบอกว่านั่นเรื่องจริงที่สุดครับ คนไทยรับมา 10-15 คนถึงจะเจอคนสู้งาน 1 คน นอกนั้นบ่นมาก ทำงานน้อย

บริษัทใหญ่ยังจ่ายขั้นต่ำครับ แต่ไปเพิ่มที่สวัสดิการ เพราะค่าแรงขั้นต่ำมันมีผลต่อตัวคูณ OT. ค่าแรงขั้นต่ำยิ่งสูง ค่า OT ก็จะยิ่งสูงตาม เค้าจึงจ่ายค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย แต่เพิ่มสวัสดิการตัวอื่น โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 400-450 บาท

1. ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รายย่อยตายก่อนเสมอครับ เพราะจ้างถูกกว่ารายใหญ่

2. เงินเฟ้อสูงขึ้นหรือไม่ขึ้นกับราคาสินค้าจะปรับเพิ่มมั้ย ถ้าปรับตามต้นทุน (ซึ่งผมมองว่าปรับ

เพราะค่าแรงขึ้นมาถึง 27%) ค่าแรงก็มีสิทธิทำให้เงินเฟ้อครับ แต่จะขึ้นเท่าค่าแรงมั้ยไม่ใช่แน่นนอน

3. ผมไม่ได้มีปัญหากับการขึ้นค่าแรงมากนัก แม้ธุรกิจผม ต้นทุนค่าแรงคือ 80% ของต้นทุนรวม

เพราะไม่มีลูกน้องผมก็ทำงานไม่ได้ แต่เห็นบางเม้นแซะว่าผมยังให้เท่านั้นเท่านี้ได้ ต้องแยกด้วยนะครับ

คุณบวก Margin ในธุรกิจคุณได้เท่าไหร่ คุณเสียภาษีกันถูกต้องแล้วยัง ปีๆนึงผมเสียภาษีเป็นล้าน

เพราะรายได้ผมหลบไม่ได้แน่นอนเลยซักบาทเดียว แล้วไม่คิดจะหลบด้วยเพราะโปรโมตมาในฝั่งว่าชำระถูกต้อง

แต่วางแผนมาตลอด

4. ถ้าแรงงานคุณภาพสัมพันธ์ค่าแรงใครก็อยากจ่ายครับ แต่ทุกวันนี้ยิ่งรุ่นเด็กๆนะ บอกเลยว่า

ไร้คุณภาพ ทักษะการทำงานต่ำ ทักษะมนุษย์สัมพันธ์ต่ำ มองแต่สิทธิ แต่ไม่มีหน้าที่เท่าไหร่ ตามที่คนแก่ว่า

มันก็จริงส่วนนึงเลย ปีๆนึงผมจ่ายทิ้งกับการเปลี่ยนงานของคนอย่างน้อยๆก็ 500k

5.ผู้ประกอบการไม่ได้เอาเปรียบจนชินหรอกครับ ค่าแรงยังไงก็ขึ้นกับ ตลาด มากกว่ากฎหมาย ต่อให้บังคับ

ขั้นต่ำ 100 บาท ถ้าตลาดต้องการแรงงาน ยังไงมันก็ขึ้น ไปในจุดดุลยภาพอยู่ดี

6. ก้าวไกลนี่ผมมองว่าเอาจริง เข้าใจ SME กันจริงหรอครับ ถ้าดู พท ยังเข้าใจมากกว่านะ

ต้องดูสัญญาด้วยนี่ครับ ว่าเป็นพนักงานรายเดือน หรือรายวัน
รายเดือนยังไงก็ต้อง x30 อยู่แล้ว
ส่วนรายวัน x ตามจำนวนวันที่มาทำงาน

เศรษฐศาสตร์มันมีมือที่มองไม่เห็นอยู่

การขึ้นค่าแรง ยังไงก็ทำให้เกิดเงินเฟ้อ อยู่ที่จะมากหรือน้อย เพราะมันคือการเพิ่มปริมาณเงินในระบบแบบอ้อมๆ

เพราะมันทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และก็ย่อมทำให้สินค้าราคาสูงขึ้น เหมือนพลังงานราคาขึ้น เงินก็เฟ้อเช่นกัน

ดังนั้น รายได้โดยเฉลี่ยของทุกคนก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา เพื่อให้เกิดสมดุลกับค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น

ทุกอย่างมันมีกลไก

คนที่ปรับตัวได้ คือคนที่อยู่รอด

ประเทศเจริญแล้วปรับตัวด้วยการ ใช้คนน้อยลง และใช้เทคโนโลยีมาทดแทนมากขึ้น ปรับที่ cost structure

จริงๆที่ควรเน้นมากกว่าค่าแรง คือ การ add value ให้ทุกอย่าง เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้นจากมาตรฐานของตลาด

นั่นคือสิ่งที่ประเทศเจริญแล้วทำ R&D จึงสำคัญ

ถ้าคุณขาย rawmaterial หรือสิ้นค้าไม่มีจุดเด่น คุณก็เปนได้แค่ฐานล่างของตลาด

ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด

เงินเฟ้อ คือ เงินในระบบมีเยอะเกินไป พอมีเงินในระบบเยอะ สินค้าก็แพงตาม
ส่วนกระทบ SME ไม๊ ต้องดูว่าธุรกิจอะไร เช่น ร้านอาหาร ผมว่าไม่กระทบเท่าที่ไหร่นะครับ พอคนได้เงินเดือนเยอะขึ้น การกินอาหารนอกบ้าน คงเป็นสิ่งแรกที่คนจะทำกัน แต่จะทำยังไงให้คนเข้าร้านอาหารขนาดเล็กมากกว่าที่จะไปกินพวก KFC MK พวกนั้น เงินถึงจะหมุนในระบบไว

ผมคิดแบบโง่ๆ ถ้าอยากค่าแรงขึ้น มันก็เหมือนประเทศที่เจริญ
เงินดี งานเยอะงานเครียด เหมือนที่คนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายหรืออยากมาทำงานที่ไทย
ถ้าค่าแรงเยอะ ประเทศเราก็อาจจะไม่ใช่ประเทศแรงงาน แต่ต้องเป็นหัวคิดนวัตกรรมเทคโนโลยี (เป็นได้เหรอ)
ธุรกิจเล็กๆ SME ก็จะหายไป

ที่พูดอย่างงี้มันไม่ได้ขึ้นแค่ค่าแรงขั้นต่ำดิ พวก15,000 20,000 ก็ต้องขึ้นตามมาด้วย

สิ่งที่ควรทำคู่กันคือ บริหารให้ค่าครองชีพมันต่ำกว่านี้มั้ย
กับประเทศที่ไม่ได้มีอะไรของตัวเองเลยยกเว้น ท่องเที่ยวกับพัทยา

ถ้าขึ้น SME ตายก่อนเลยครับ ก็ต้องมาดู SME ทำรายได้ให้ประเทศนี้เท่าไร ขึ้นค่าเเรง ทุกอย่างรอขึ้นตาม อาจจะขึ้นมากกว่าค่าเเรงด้วย พอคราวนี้เงินที่ขึ้นมาออาจะไม่พอกับสินค้าที่เคยซื้อก็ได้ อย่างข้าว 40 บาท ขึ้นค่าเเรงเพิ่มวันละ 100 จาก 350 เป็น 450 เเต่ค่าข้าวอาจะเพิ่มเป็นจานละ 60-70 ไม่รวมน้ำจาก 10 อาจจะเป็น 20 บาท

นี่ไม่รวมลูกจ้าง ที่นายจ้างอาจจะสู้ไม่ไหวล้มหายจายจากไป ไหนจะค่าเเรงขึ้นค่าของต้นทุนขึ้น เเต่กำไรเท่าเดิม ดีไม่ได้จะลดลง เพราะของเเพงคนก้ไม่กล้าซื้อ กำลังการซื้อตกลง กลายเป้นเเรงงานถูกลอยเเพ

ตอบแบบไม่อิงความเห็นอื่นเลยนะ


เอาจากที่ฟัง


1 ที่บอกว่าอัตราคนตกงานเท่าเดิม ต้องลองไปดูว่าSME อัตราตอนนั้นเปนไง ไม่ใช่ว่าSME ตายเยอะ คนก้แค่ไปทำงานกับ บ ใหญ่สรุป คนคนชนะ กลางค่อนบนหาย กลายเป็นคนชั้นล่าง กับชั้นบนแยกตัวกัน คนรวยรวยขึ้นยับๆ หรอ


2 อันนี้เถียงไปตั้งแต่เมื่อวานละ คิดงี้ไม่ได้สิ คุณบอกว่าเออ ราคาต่ำแล้ว ไม่ต้องสุ้เรื่องราคาเลย บ้าไปแล้ว
สมมติยังต่างกันแค่ 20% 30% กับประเทศเพื่อนบ้าน เค้าอาจจะชอบเราที่มีอยา่างอื่นดีกว่าเลยทนอยุ่ แต่ถ้าบอกค่าแรงต่างกัน100% สมมติ เค้า 250 เรา500 แบบนี้เค้าย้ายหมดแน่ๆ คิดงี้ได้ไงวะ


ส่วนเรื่องที่บอกว่าเราจะเปลี่ยนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ไม่อยากเปนผุ้ผลิต อันนั้นอะ หลายๆประเทศต้องการอยุ่แลว ปัญหาคือจะทำยังไงเราถึงจะไปจุดนั้นได้ การเพิ่มค่าแรงแบบก้าวกระโดดจะกลายเป็นทำประเทศถอยหลังลงต่างหาก มันต้องเป็นขั้นบันไดไป ทำแผน20ปีขึ้นมา ว่าเป้า20ปีเราอยุ่ตรงไหน

ค่อยๆมีแผนขึ้นค่าแรงไป 320 350 370 390 410 430 เรียงไปทุกปี แล้วทุกปีนั้นเราต้องมีแผนจะเอาเทคโนโลยีไรมาช่วยการเกษตรภาคัฐจะลงมาช่วยให้ตัวเล็กพอไหว อุ้มสุ้กับรายใหญ่ยังไง

ที่ต้องลดให้ได้คือ ลดไอพวกบริษัทใหญ่จริงๆแบบ 1000ล้าน 10000ล้าน ให้จนลง แต่มาเพิ่มเม็ดเงินลงทุนให้พวก100ล้าน มีแรงมีเทคโนโลยี มาจ้างงานกับพวกคนค่าแรงขั้นต่ำต่างหาก อันนี้คือเป้าหมายใน20ปีหน้า

แล้วค่อยๆก้าวไปทีละขั้น


จะบอกอะไรให้ ตอนนี้อะ ค่าแรงเราอะมันดูเหมือนน้อย แต่ความจริงไม่น้อยหรอกแต่ที่มันดูน้อย เพราะบางคนมันไม่มี เพราะมันไม่มีงานดีๆให้ทำ ไอพวกเงินเดือน 15000-20000มันดูน้อยเพราะ เราหลงกลกับCP มากเกินไป ไอพวกนั้นมันดันค่าใช้จ่ายเราให้สูงขึ้นแบบไม่รุ้ตัวมากกว่า ค่าอุโภท บริโภทมันไม่ควรจะเป็นราคาเท่านี้ แต่มันดีลกับข้างบนบีบคู่แข่งให้สุ้ไม่ได้ แล้วทำให้ cp มันยิ่งใหญ่ คิดดูถ้าบอกว่าเราเป็นประเทศผุ้ผลิตอาหาร แล้วค่าแรงเราไม่ได้แพงกว่าเพื่อนบ้านขนาดนั้น แล้วเรายิ่งมีเทคโนโลยี มีโรงงานดีๆ แล้วทำไมอาหารเราแพงกว่าเพื่อนบ้าน ทำไมค่าอุปโภคเราแพงกว่า? งงปะ เพราะค่าปุ๋ย ค่าอาหารสัต ทุกอย่างในการผลิตโดนคุมจากข้างบนหมดแล้ว แล้วมันทำให้คนจนต่างหาก

เงินของคนในประเทศมันไปกระจุกที่ไอ บริษัทใหญ่ๆ 10 20 30 บ หมด ความจริงไม่ได้CPอันเดียวหรอก แต่พูดยกตัวอย่าง ยังมีอีกหลาย บ ใหญ่ รวมทั้ง ไฟฟ้า น้ำมัน อะไรพวกนี้ด้วยนะ



อันนี้พูดถึงที่ผ่านมานะ ที่มองเราเป็นฐานะผุ้ผลิต เพราะต่อให้เปนประเทศผุ้ผลิตก้ควรกระจายรายได้ดีกว่านี้


ส่วนเรื่องที่จะขึ้นค่าแรงดันตัวเองไปเป็นประเทศพัฒนาแล้ว อันนี้ก้อย่างที่ข้างบนพิมไป วางแผนไปเลย 20ปี เอาให้มันค่อยๆไปทีละขั้น แต่ที่ต้องทำจริงๆคือ ลดอำนาจไอ บ ใหญ่ๆที่รวมให้ลงมาก่อนเลยอันดับแรก ลดต้นทุนค่าครองชีพก่อน แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันว่าจะเป็นประเทศผุ้ผลิตต่อไป หรือจะไปเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แนวนวัตกรรม

กรุงเทพก้มีผล

ถ้าสมมติกทมไม่ปรับ สมมติ 500 ตจวตอนแรก 350 คนเลยมาทำกทม

ถ้ากทมไม่ปรับ 500 ตจว 450 คนจากตจวก้อยากกลับบ้านเพียบแน่นอน กทมก้ต้องปรับตาม 600 650ก้ว่าไป

ตามข่าวจะบังคับปรับพวกรายวันมาเป็นรายเดือนให้หมดมั้ง