พวกเขาประกาศตัวว่าเป็นกลุ่ม Democratic Revolutionary Front for the Liberation of Arabistan ซึ่งทำการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของภูมิภาคตนเองจากประเทศอิหร่าน และเริ่มเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการที่รัฐบาลอิหร่านปล่อยตัวนักโทษที่เป็นคนในกลุ่มจากการควบคุมตัว
การเรียกร้องดังกล่าวถือว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับประเทศอังกฤษที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยจะดีนักกับอิหร่าน ดังนั้นพวกเขาจึงมีการวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะบุกยึดสถานทูตคืนด้วยกำลังหากผู้ก่อการร้ายสังหารตัวประกัน ดังนั้นในระหว่างที่มีการเจรจาเกิดขึ้น ทางอังกฤษก็ได้ทำการแอบวางกำลังหน่วย SAS ไปพร้อมๆ กันด้วย
และราวๆ 7 นาทีหลังจากนั้น ทางตำรวจอังกฤษ ก็ตัดสินใจมอบการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ให้เป็นหน้าที่ของ SAS
.
Max Vernon หัวหน้าทีมเจรจาต่อรองของตำรวจ
เริ่มการจู่โจม
อ้างอิงจากแผนการของพันโท Michael Rose การจู่โจมในครั้งนี้ มีกุญแจสำหรับอยู่ที่ความรวดเร็วและการจู่โจมแบบไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว โดยทาง SAS ได้แบ่งกำลังพล 32 นายออกเป็นทีมจู่โจมสองทีม ได้แก่ ทีมสีแดง และทีมสีน้ำเงิน
น่าเสียดายว่าที่ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นั่นเพราะหนึ่งใน SAS จากทีมสีแดงได้เผลอทำกระจกแตกโดยบังเอิญ ซึ่งทำให้ทีมที่เหลือต้องบุกเข้าอาคารก่อนเวลาที่วางไว้ เท่านั้นยังไม่พอหนึ่งในหน่วย SAS ยังได้รับบาดเจ็บจากเพลิงที่ไหม้อาคารก่อนจะเข้าไปในสถานทูตเสียอีก
หลังจากการเริ่มต้นจู่โจมที่ไม่เป็นไปอย่างที่หวังนัก หน่วย SAS ก็เริ่มปฏิบัติการได้อย่างเข้าที่เข้าทางมากขึ้น โดยพวกเขาสามารถสังหารผู้ก่อการร้ายได้แทบจะทันทีหลังจากบุกเข้าในอาคารสองราย ซึ่งทั้งสองกำลังควบคุมตัวประกัน และหนึ่งในนั้นกำลังจะหยิบระเบิดออกมาพอดี
ในเวลานั้นหนึ่งในผู้ก่อการร้ายได้ทำการแฝงตัวอยู่กับตัวประกันและแอบอพยพออกจากอาคารมาด้วย โชคดีที่ทาง SAS สังเกตเห็นพิรุธในตอนที่เขากำลังเดินลงบันได ทำให้คนร้ายถูกพลักลงบันไดก่อนที่จะยิงซ้ำจนเสียชีวิต