70% คู่แข่งเท่าไหร่ 30% คู่แข่งเท่าไหร่ ต้องดูตรงนี้ด้วยครับ

ไม่รวมว่าอเมริกายังเสียงแตกเรื่องรถน้ำมันกับ EV ด้วยนะครับ บังคับเลิกขายแค่บางรัฐ แถมส่วนแบ่งตลาดรถ EV ยังแค่ % เลขตัวเดียวอยู่เลย

ผมว่ารถไฟฟ้ามันเหมาะกับขับใกล้ๆ เวลาขับยาวๆถึงเเท่นชาร์ทของเทสล่าโดยเฉพาะมันชาร์ทเร็ว

แต่ก็นานกว่าน้ำมัน+บางทีก็ต้องอ้อมไปเติมค้ลายๆฟิวใช้ Ngv เลย

หลังๆไกลๆจอด Tesla ไป Toyota นี่แหละ

ไม่ตายครับ ญี่ปุ่นมันก็พัฒนา EV ควบคู่มาก่อนแล้ว เพียงแต่พี่แกจะดันไฮโดรเจนให้ได้แค่นั้นเอง

สาเหตุที่จะดันไฮโดรเจนก็เพราะว่า มันกินระยะยาวได้ต่อเหมือนน้ำมัน ทั้งศูนย์บริการ ซัพพลายเออร์ บลาๆ เครื่องยนต์ก็มีเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่เปลี่ยนจากน้ำมันในถังน้ำมันเป็นเติมไฮโดรเจนแค่นั้นเอง

ที่อเมริกา(รวมถึงจีนด้วย)จะไป EV ให้ได้ ก็เพราะรถสันดาปญี่ปุ่นมันครองโลก ก็แค่จะเปลี่ยนเกม โดยมีเรื่องรักษ์โลกเป็นตัวประกอบเหตุผล

ญป ไปเน้นทำรถไฮโดรเจน ตลาดev ญปไม่นิยมไม่รู้ทำไม

ราคาน้ำมัน เทรนในอนาคตยังไม่รู้เลย
ถ้าราคาน้ำมันกลับมาถูกมากๆ น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เครื่องสันดาปยังไม่โดนแทนที่

ไม่หรอกครับ คนจำนวนมากยังไม่ยอมรับรถไฟฟ้าเลย

ปัญหาของรถถ่านมันก็ยังเหมือนเดิมอ่ะ เรื่องการชาร์จ ถ้าแก้ปัญหานี้ได้ก็จบแค่นั้นจริงๆ

Hybrid เท่านั้นสำหรับผม

เคยทำวงการยานยนต์บอกเลยไม่ตายหรอกครับ

บ้านเรามันสเกลเล็กๆในตลาดโลก

พวกญี่ปุ่นเค้าก็มีการวางแผนมาแล้วว่าจะเลิกขายรถน้ำมันตามกฏหมายประเทศนั้นๆ

ซึ่งแน่นอนประเทศที่เจริญแล้วแบบญี่ปุ่น ฝรั่งเศส etc. มีแผนชัดเจนนานแล้วว่าจะไม่มห้รถสันดาปวิ่งในเมืองภายในปีไหนๆ

แต่นอนรถสันดาบก็มาลงขายในemerging countriesต่อ

การมาของรถไฟฟ้าที่เร็วเกินในไทย ก็ทำให้ญี่ปุ่นขยับตัว เบาๆ

เช่นativ แค่ชัดเต็มoptionก็ผลิตกันไม่ทัน ยอดแซงรุ่นอื่นๆไม่เห็นฝุ่นแล้ว

ส่วนในตลาดโลกก็ตามแผนเดิมไม่ได้เปลี่ยนเท่าไหร่

แต่ผมก็ต้องชื่นชมรถจีนนะที่เข้ามาเขย่าญี่ปุ่นให้เห็นหัวคนไทยบ้าง

หลังจากดูถูกคนไทยมานานว่าประกอบให้optionโล้นๆยังไงก็ขายได้เพราะคนไทยไม่มีทางเลือก

กลับมาที่Toyota ไม่มีวันเหมือนNokiaหรอกครับ

Toyotaเป็น Mobility companyมาตั้งแต่ยุคToyodaแล้ว

ปีที่ผ่านมา ยี่ปุ่นขายรถน้ำมัน 1 แสนล้าน แต่ขายอะไหล่ 4แสนล้าน
นั่นคือเหตุผล จริงๆ
ถ้า EVโรงงานอะไหล่ คนงาน ทิ้งหมดเลยครับ พยายามเอา ไฮดรอเจนให้ได้
สร้างมิไร มาขาย แต่มีปั๊มไฮดรอเจน 13ที่ ใน10ปีที่เอาไปขาย (ที่เมกา) มันคือความไม่ตั้งใจจริง ใครดูเผินๆก็มองออก
ยื้อที่จะขายไฮบริด เพราะ เสียดายการขายอะไหล่
ข้อมูลเทียบหมัดต่อหมัด EV กินขาดทุกอย่าง แต่ปากแข็ง
สุดท้าย ก็ต้องลงจากตำแหน่งเพื่อให้คนอื่นมาทำ เพราะลั่นปาก ด่า EVไปเยอะ

ปล. ไฮบริด ที่บอกว่าดีมากๆ ประหยัดมากๆ มันก็คือเอาไฟฟ้าไปใช้ครึ่งนึง แล้วไฟฟ้าเต็มตัวไม่ดีกว่าหรือ? คิดง่ายๆ[/fb-video]

นั่นแหละครับ ผมหมายถึงพวกญี่ปุ่นเขารู้ตัวไงว่าตายแน่ ถ้าไม่ปรับเป็น Ev

ถ้าคิดว่าขายรถน้ำมันได้ตลอดไปชิวๆ ไม่งั้นคงไม่วางแผนงานแบบนี้หรอก

ไม่ตาย(ในตอนนี้)หรอกครับ แต่ซัก 7 ปีค่อยมาว่ากันใหม่

ฟัง ดร.วิทย์ พูดในพอตแคสว่า ญี่ปุ่นเองในประเทศ ปีที่ผ่านมามียอดขาย EV ในประเทศแค่ 1% เองนะ


แล้วญี่ปุ่นนี่ชาตินิยมมาก ทำสินค้าอะไรออกมาเอาใจตลาดในประเทศเป็นหลัก

(เราก็เคยได้เห็นคนโตโยต้า ฮอนด้า บางรุ่นที่หน้าตาไม่ค่อยถูกใจ เพราะเค้าทำหน้าตามาเอาใจคนในประเทศมากกว่าต่างประเทศ)

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในญี่ปุ่นนี่อันดับ 1 ของโลก จู่ๆให้เปลี่ยนเป็น EV เลยคงยากที่สุดในโลกเหมือนกัน

ไม่เหมือนจีนที่เริ่มทำจริงจังแบบส่งออกก็ EV เลย

ส่วนสหรัฐ ปกติรถยนต์น้ำมันนั้นก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมจากประเทศอื่นๆ ผลิตขายในประเทศเป็นส่วนใหญ่

แล้วในยุโรป ประเทศที่มีสัดส่วน EV มากที่สุดเป็นนอร์เวย์ ซึ่งนอร์เวย์นั้นไม่มีรถยนต์ที่ผลิตเองอยู่แล้ว

ก็แค่เปลี่ยนการนำเข้าจากรถน้ำมันเป็น EV มันง่ายเลย และรัฐบาลเค้าส่งเสริม

ในยุโรปมีหลานประเทศทที่วางนโยบายใช้รถ EV 100% ภายในปี 2027-2030 ในหลายๆประเทศ

ที่น่าจับตามองคือเยอรมันผู้ผลิตรถรายใหญ่ของยุโรป

ในส่วนของ Mercedes-Benz นั้นประกาศแล้วว่าจะเลิกผลิตรถน้ำมัน แล้วมาผลิต EV แทนในปี 2030

และทั้ง BMW / AUDI / Volkswagen ก็เปิดตัว EV มาเรื่อยๆพร้อมกับประกาศหยุดไลน์การผลิตรถไปแล้วบางรุ่น
(ล่าสุด AUDI ประกาศยกเลิกการผลิต AUDI TT ไปเรียบร้อยแล้ว ที่ขายอยู่นั้นจะเป็นรุ่นสุดท้าย)



ส่วนในไทยตอนนี้ EV แค่เริ่มมีบทบาท ยอดขายยังสู้แบบเดิมไม่ได้ รอดูอีก 3-7 ปี จะชัดเจนกว่านี้

ถ้าญี่ปุ่นยังผลิตรถน้ำมัน ประเทศเราก็คงยังมีรถน้ำมันใช้เรื่อยๆล่ะ สัดส่วนตลาดก็แชร์กันไปกับ EV ไม่ตายหรอกรถน้ำมัน


ในภาคอุตสาหกรรมไทยเราเองนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญการประกอบรถยนต์ติดอันดับโลกมาตลอด

ด้วยฝีมือและทักษะที่มีประสบการณ์มาร่วมๆครึ่งศตวรรษ คนอยู่ในวงการรถยนต์จะรู้ดีว่าไทยเราเก่งเรื่องนี้

รถประกอบในไทยอ่ะ เป็นรองแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียวในเอเชีย (รองไม่มากด้วย บางจุดเราทำดีกว่าญี่ปุ่น)

เกาหลียังประกอบรถไม่ดีเท่าเราเลย จีนก็พึ่งจะมาทำรถประสบการณ์การประกอบยังน้อยกว่าเรามาก
(รถ EV จีน ที่เอามาประกอบในไทย น่าเชื่อถือว่ารถที่นำเข้าจากจีนอีกนะ)

ส่วน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียตนามหรือแม้กระทั่งอินเดีย ฝีมือการประกอบไม่ได้ดีกว่าไทยเลย (ห่างพอสมควร)

(อ่อ ล่าสุดรถ EV เวียตนาม วินฟาส อ่ะ กำลังจะเจ๊ง เพราะไปเปิดตลาดเมกาแล้วทำห่วยไม่มีคนซื้อ)

ซัก 10 กว่าปีก่อน ผมอยู่ในวงการนำเข้ารถมาจากยุโรป นำเข้าเบ๊นซ์เป็น่ส่วนใหญ่ แล้วตอนนั้น

ในตลาดรถมือสอง เบ๊นซ์อ่ะ มือสองถ้าเป็นรถนำเข้าจะราคาถูกกว่าประกอบไทย(ในรุ่นเดียวกัน) คนเชื่อถือประกอบไทยมากกว่า


ถ้า EV มันบูมมากๆ ไทยเองก็เนื้อหอมนะ เพราะมีผู้ประกอบการหลายแบรนด์สนใจไทยเป็นผู็ประกอบรถให้แล้วขายในภูมิภาค

คือเรามีทั้งฝีมือ ทักษะ ประสบการณ์ และ โลจิสติกส์ เป็นอย่างมาก เนื้อหอมสุดๆ

เสียดายแค่ไม่มีแบรนด์ชองตัวเอง เพราะเศรษฐีไทยเพลย์เซฟ ไม่กล้าเสี่ยงกับธุรกิจนี้ ไทยก็คงต้องเป็นแค่มือปืนรับจ้างผลิตกันต่อไป



ป.ล. วินฟาส ของเวียตนาม ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย

ตัวรถ จ้าง บ.Pininfarina จากอิตาลี ออกแบบให้
เครื่องยนต์มอเตอร์ ช่วงล่าง ให้บ.เยอรมันทำให้
แบตฯจากจีน
ประกอบรถยนต์จากประเทศไทย

ซะงั้น มิน่าถึงจะเจ๊ง

ไม่ตายครับ สัดส่วนยังงัยก็ไม่ถึงครึ่ง
อย่างผมเดินทางไปกลับ กรุงเทพ โคราช กรุงเทพ ระยอง
ไปทำงานแล้วกลับเลย ไม่อยากเสียเวลาหาที่ชาร์ท

สุดท้ายมันจะจบที่ phev ชาร์ทไฟวิ่งได้สัก 100 km