ผมงงนิดนึง คือสิ่งที่เรามองเห็นมันต้องเป็นส่วนที่อยู่ข้างหน้ารูม่านตาหรือเปล่า
ฉะนั้นอย่างนั้นมันต้องอยู่บนตาดำ ผมว่าไม่น่ามองอะไรที่อยู่บนตาขาวได้นะ

สิ่งที่ท่านเห็นอาจจะมาจากการทำร้ายครั้งนั้นแต่ไม่ใช่จุดดำๆบนตาขาวหรือเปล่า

ได้ตามคดีไหมครับ เรื่องถึงอัยการหรือยัง ตำรวจเรียกคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาหรือยัง

ไม่ต้องเกรงใจตำรวจครับ เข้าไปถามไปตามคดีได้ ถ้าหลักฐานมีพร้อมการออกหมายเรียกก็ไม่ใช่ปัญหา เรียกไม่มาก็ออกหมายจับ

เหรอครับ ผมไม่รู้ผมแค่โดนทำร้ายร่างกายมา แล้วส่องกระจกดู มันเห็นจุดดำๆ เยื้องๆออกขวาครับ แล้วมองกระกมันก็น่าจะตรงตาขาวๆ ผมก็ไม่ทราบเรื่องตาเหมือนกันครับ

ปล.ตอนโดนทุบที่ตาผมรู้ตัวดีครับ เปิดตาไม่ได้เลย

ผมแค่ไปแจ้งความครับ ในคืนนั้นเลย (เกิดเรื่องตอนเที่ยงคืน) แล้วผมก็กลับบ้าน

จากนั้นก็ติดต่อทนายครับ จ่ายเงินทนายเรียบร้อย ทนายคนนี้ก็ชิ่งไป

แล้วผมก็ไม่ได้ตามเรื่องกับตำรวจเลยครับ เพราะทนายคนนี้บอกว่าไม่ต้องไปคุยตำรวจ


จนผมจ้างทนายคนใหม่ กำลังจะดำเนินคดีต่อนี้เองครับผม (เรื่องผ่านมา3ปีแล้วครับ)

เป็นกำลังใจให้ครับท่าน ผมว่าท่านลองพบจิตเเพทย์ดูก่อนครับ เราต้องผ่านไปได้ครับ ขอให้ท่านพบกับความสุขนะครับ

สมัยมหาลัยเคยเจอแบบนี้เลยแต่เป็นเพื่อนที่โดน ไปเที่ยวงานกาชาดดูคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตจบชกเบ้าตาเพื่อนแบบไม่ทันระวังหรือตั้งตัวเลยไม่ได้รู้จักด้วยซ้ำ มากันเป็นสิบผมกับเพื่อนมา 3 คนทำได้แค่ถอย เพื่อนตาแดงเบ้าตาช้ำอยู่เป็นเดือน

ปล.สู้ๆครับ

อาจจะไม่ช่วยอะไร แต่อยากให้ตั้งคำถามดีๆเผื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ค่ะ

1 การทำร้ายร่างกายเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ละเมิดสิทธิบนร่างกายผู้อื่นแจ้งตำรวจคดีความรุนแรงได้เลย ได้แจ้งความหรือเปล่าคะ อยากจะขอข้อมูลเพิ่มเติมทำไมถึงไม่แจ้งความ
- เรื่องนี้สำคัญเพราะ ทำให้รู้ว่าคู่กรณีเป็นใคร และบาดแผลเกิดขึ้นเมื่อใด จากใคร

2 ทำไมถึงสนใจแต่ฟ้องคดีแพ่ง เรียกเอาเงิน
สิ่งสำคัญคือการเจ็บป่วยจากการโดนทำร้าย และการเยียวยาให้สมแก้การรักษา
- ไม่ต้องสนว่าจะมีบิลหรือไม่มีบิล เรียกไปก่อนให้ศาลประเมิณ
- ต้องต้อนให้ได้ว่าเขาทำร้ายเราจริงๆ และเราต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการโดนทำร้ายครั้งนั้น


ไม่ต้องสนว่าทนายจะบอกว่าฟ้องได้เท่าไหร่
1 เรียกร้องค่าเสียหายให้เหมาะสม
- เรียกรักษาพยาบาล จากเงินโอนเบิกถอน ตัดบัตรอะไรก็ได้ ไปขอบิลย้อนหลังก็ได้
- เรียกร้องค่ารักษาพยาบาลเหมารวม 200,000 บาทไปเลย
- ค่าเสียเวลาในการทำงาน ตีไป 100 วัน วันละ 2,000 บาท ก็ 200,000
2 บอกให้ % กับทนายถ้าเรียกร้องเงินได้ให้ทนาย 20% หรือถ้าเอาเข้าคุกได้ให้ 50%

ปกติแล้วเคสทำร้ายร่างกาย ยังไงก็ควรแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ก่อนนะคะ

1.แจ้งความครับ ตั้งแต่วันเกิดเรื่องเลย แต่หลักฐานไม่มีเลย เดินทางกลับบ้าน
และผมก็ได้นำหลักฐาน มาให้ภายหลังครับ

2.ผมไม่ได้สนใจเรียกเงินขนาดนั้นครับ จ้างทนายคนแรก เขาก็รับเรื่องผมไปและเอาเงินไป
จนมารู้ทีหลังว่าทนายคนนี้ชิ่งเงินหนีไป (ผ่านมา2ปี) ผมเลยต้องแต่งตั้งทนายคนใหม่ขึ้นมา
ทนายคนใหม่แนะนำให้ไป ถามค่ารักษาคลินิกเอกชนเกี่ยวกับจมูก และตา เพื่อไปเรียกค่าเสียหายครับ

ผมไม่มีความรู้แค่ทำตามทนายแนะนำครับ

สอบถามตอนนี้ผมควรทำอย่างไรครับ ทนายแนะนำให้ไปสอบถาม ค่ารักษาคลินิก
ผมกำลังหาตาราง ไปกรุงเทพ เพื่อไปคลนิก ควรรักษาก่อนเลยไหมครับ
ขอบคุณมากๆครับ

ทำไมเราเข้าใจ จขกท เราเองก็มีคนนึงที่ือยากฆ่าเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ (เพราะไม่อยากติดคุก มีคดี อีกอย่างห้องขังที่ไทยก็ไม่น่าอยู่เท่าต่างประเทศ)

แต่เราไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายนะ แต่เป็นการโดนทำร้ายทางวาจา แล้วมันบั่นทอนจิตใจ ส่งผลต่อสุขภาพจิตมาตลอด

ิวิธีรักษาของเราคืออย่าไปนึกถึงมันแต่มันก็ไม่ได้อะ บางทีมันก็นึกถึง พอนึกถึงมันก็แค้นขึ้นมา ลืมได้สักพัก สักพักแค้น อะไรเงี้ย แต่ จขกท

นั้นกลับโดนเลวร้ายยิ่งกว่าเราเทียบกับเราไม่ได้เลยกับสิ่งที่ จขกท ต้องเจอต้องทรมารอยู่ทุกๆวัน

แถม จขกท ต้องมาซวยเจอแต่ หมอเฮงซวย ทนายห่วยแตก เราไม่อยากให้ จขกท ยอมแพ้นะอะ

อยากให้ฟ้องร้องให้ถึงที่สุด แต่เราไม่แนะนำให้ไปทำร้ายร่างกายนะอะ มีแต่เสีย เรากลัว จขกท จากที่ซวยอยู่แล้ว

กลัวจะซวยกว่าเดิม โลกมันไม่ยุติธรรมหรอกอะ ทำไรต้องไตร่ตรองให้ดี อย่ายอมแพ้นะอะ

ของท่านฝึกสมาธิช่วยได้นะครับ ถ้าสนใจ ผมแนะนำได้ หายปริทิ้งเลย
แต่ของผม ช่วยได้แค่ตอนทำ แต่ตอนลืมตาก็พังอยู่ดี

ขอบคุณนะครับที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เศร้าจัง :((

นึกถึงเคสที่ยิงกันบนโรงพัก ที่มีเรื่องทำร้ายร่างกายกันกลางถนน

จนเป็นสาเหตุทำให้คนที่โดนทำร้าย ซึมเศร้า เก็บกด

แล้วก็ได้ยิงคนที่มาต่อยเขาบนโรงพักวันที่ตำรวจนัดมาไกล่เกลี่ย

ผมไม่รู้จะแนะนำยังไง ทางที่ดีไปปรึกษาหมอที่เชี่ยวชาญดีที่สุดครับ

ผมคิดถึงเรื่องนี้ แทบทุกวัน ถ้าตัดสินมาให้ผมไม่ยุติธรรม ผมอาจจะทำบางสิ่งที่รุนแรง นับวันใจผมขุ่นมัว :((

แนะนำเราได้นะอะ เราเองก็อยากลองดูเหมือนกัน ถึงแม้ว่าทุกวันนี้มันจะบรรเทาลงบ้างแล้วก็เถอะ

แต่บางทีก็รู้สึกตัวเองสมาธิสั้นอยู่นะ ที่อยากรู้เพิ่ม เผื่ออาจจะช่วยอะไรได้บ้าง

เป็นกำลังใจให้นะครับ

ทำสมาธิง่ายๆครับ นั่งหรือนอน ท่าไหนก็ได้ เอาสบายๆ หรือท่านอน ตอนก่อนนอน หรือตื่นนอนก็ได้

ขั้นแรกให้ สูดลมหายใจเข้าช้าๆ(ช้าที่สุด ผมนับได้10วิช้าๆ)
แล้วก็หายใจออกช้าๆ (นับ10วิ)

เวลาสูดหายใจ ให้จดจ่อการสูดลมหายใจครับ
มันช่วยให้เราล้างสมองของเรา

การทำสมาธิสำคัญและจำเป็น เหมือนการอาบน้ำ
ร่างกายสกปรก ก็ต้องอาบน้ำ
การทำสมาธิก็เช่นกันครับ เพราะวันนึงเราจะคิดวนๆซ้ำๆ ประมาณ 65000ครั้ง

ถ้าลองวิธีที่แนะนำแล้วจิตใจยังวกวน คิดเรื่องอดีตหรือ คนทำร้ายจิตใจเรา (ขณะทำสมาธิ)

ลองหายใจเข้านับ1 หายใจออกนับ1
หาใจเข้านับ2 หายใจออกนับ2
พยายามนับให้ถึง10 (โดยที่ถ้าเราคิดถึงเรื่องอื่นขณะทำ ให้วนไปนับ1ใหม่)

หรืออีกวิธี อันนี้ช่วยได้ คือการคิดคำ ดีๆ หรือการคิดคำบวกๆ
เช่นหายใจเข้าคิดในใจ จงมีความสุข หายใจออกจงมีความสุข
หายใจเข้าสุขภาพดี หายใจออกสุขภาพดี
คำอะไรก็ได้ให้เรา คิดบวกๆ อันนี้คือจิตวิทยาช่วยให้เราประสบความสำเร็จด้วยนะครับ
ทำวนๆแบบนี้ซ้ำๆ จิตฟุ้งซ่านหายแน่นอนครับ