เข้าใจว่าส่วนใหญ่​บริษัทไม่อยากให้เรื่องถึงศาลหรอกครับ

จำได้ว่าถ้าเป็นกรณีบริษัทเอาเรื่องเข้าศาลเขาต้องวางเงินประกันไว้

ส่วนใหญ่เรื่องเลยจบที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน​

ไม่มีหรอกครับ ที่บริษัทจะขาดเราไม่ได้
ยิ่งบริษัทใหญ่ๆ เขามีแผนไว้เสมอกรณีที่พนักงานออก
นั่นก็คือทำยังไง ให้บริษัทยังเดินหน้าต่อไปได้
ถึงแม้คนใหม่จะไม่เก่งเท่าคนเก่า แต่ค่าจ้างที่ถูกลง
อายุน้อยลง น่าจะทำงานให้บริษัทไปได้อีก 10-20ปี
ถึงเวลาก็หาคนใหม่
วนเป็นวัฏจักรต่อไป


บริหารแบบครอบครัว เป็นคำที่สวยหรู
แต่ยังไงก็ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ
ขนาดครอบครัวจริงๆ ยังแตกกันมานักต่อนักเพราะเรื่องเงิน
เพราะฉะนั้นควรมีแผนสำรองไว้เสมอ ถ้าจะทำงานเอกชน

คำถามง่ายๆเลยนะครับ
ถ้าถึงวันหนึ่ง บริษัทเลิกจ้าง (หาคนใหม่ หรือบริษัทเจ๊ง)
จะไปทำอะไรต่อ

เคสนี้อยู่ที่ตัวท่านตัดสินใจเลย ว่าจะออกเพราะเบื่อหน่ายหรือจะอยู่สู้ยื้อต่อไป

ถ้าอยู่ก็คงเจอบีบแบบนี้เรื่อยๆ จนสุดท้ายถ้าบีบยังไงก็ไม่ออก อาจมีการเรียกมาเจรจาตกลงเรื่องเลิกจ้าง หรือถ้าบริษัทไม่เป็นงานอาจทำเรื่องเลิกจ้างแบบไม่จ่ายค่าชดเชย

ให้ท่านเก็บหลักฐานต่างๆไว้เพื่อพิสูจน์ว่าโดนกลั่นแกล้ง และถ้าหากมีการเลิกจ้างจากทางบริษัทฯ โดยที่ตัวท่านไม่ยินยอม ก็สามารถฟ้องร้องกรณีถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้ ซึ่งส่วนมากศาลจะตัดสินให้จ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน ปีละ 1 เดือน เช่นถ้าท่านทำงานมา 10 ปี ก็จะได้ค่าชดเชย 10 เดือน

หากมีการเจรจาเรื่องเลิกจ้าง ก็อยู่ที่ท่านจะพอใจกับข้อเสนอที่บริษัทยื่นให้ไหม แต่แนะนำไม่ควรต่ำกว่าเงื่อนไขที่ควรจะได้รับตามที่บอกไว้ข้างต้นมากนัก และข้อห้ามสำคัญที่สุดคือ ห้ามเซ็นต์เอกสารยินยอมใดๆ จนกว่าจะได้รับเงินค่าชดเชยตามที่ตัวเองพอใจแล้วเท่านั้น

เดาว่า Japan นะ
บริษัทเก่าผมสัญชาต SG แต่เจ้าของเป็นคน Japan

ถ้าบริษัทจะเล่นประเด็นนี้ด้วยการออกหนังสือเตือน บริษัทต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าท่านทำงานด้อยประสิทธิภาพลงจนทำให้บริษัทแย่

แต่ดูจากที่เล่า บริษัทไม่มีทางพิสูจน์อะไรแบบนั้นได้อยู่แล้ว เพราะท่านไม่ได้ด้อยประสิทธิภาพจริงๆ แบบนี้บริษัทชนะยาก

ท่านก็เก็บหลักฐานไว้เรื่อยๆแล้วกัน เช่นปีที่แล้วทำผลงานได้ประมาณนี้ ได้ประเมิน 4 ปีนี้ทำงานได้เหมือนเดิม แต่คะแนนดันได้ 1 เพราะบริษัทเปลี่ยนวิธีการคิด KPI อะไรแบบนี้

ส่วนเรื่องเปลี่ยนตำแหน่งลดเงินเดือนนี่เป็นไปยาก ถ้าท่านไม่ยอม

ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ท่านยังไหวกับสถานการณ์ปัจจุบันแค่ไหน ถ้านายจ้างเรียกคุย ก็อาจจะเปิดอกคุยไปเลยว่า บริษัทมองผมไว้ยังไง Career path ของผมเป็นยังไง ยังอยู่ในแผนการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตมั้ย ถ้าไม่ก็จ่ายค่าชดเชยแล้วเลิกจ้างกันแบบแฟร์ๆ

ไปที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในพื้นที่เลยครับ เค้าเจอเคสแบบนี้เยอะน่าจะช่วยได้ เริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษา โทรไปถามได้เลยเค้าช่วยดีมาก

ถ้าเค้าจะทำให้เราผิดร้ายแรงหรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพจนต้องไล่ออก แบบนั้นทำไม่ได้หรอก นายจ้างต้องมีหลักฐานที่แน่นจริงๆ ถึงจะชนะ ศาลเค้าก็เจอเคสแบบนี้มาเยอะเหมือนกัน เค้าช่วยเราอยู่แล้ว ยกเว้นบริษัทมันจะซื้อศาลได้

ส่วนตัวมองว่า
1. ควรรีบจัดการหาทางคุ้มครองตัวเองตามกฎหมายให้ได้ครับ

เราจะได้เตรียมเอกสาร และหลักฐานการปฏิบัติไม่เป็นธรรมให้เรียบร้อยได้ก่อนที่มันจะเกิดอะไรมากกว่านี้

2. หาทางหนีทีไล่ไว้สักหน่อย จะไปทำอะไรต่อ

3. พอคิดว่าตัวเองมีคนคุ้มกะลาหัวแล้ว มีทางเดินต่อแล้ว ก็เดินไปคุยตรง ๆ เลย ว่าคุณจะเอายังไงกันแน่ ถ้าจะบีบให้ออก ก็พร้อมออก แต่ต้องจ้างออก

4. ถ้าท่านมองว่ายอมงอดีกว่าหักก็บอกไปเลยพร้อมรับค่าชดเชยลดลงด้วยก็ว่าไปและจะเซ็นยินยอมไม่ฟ้องทีหลังจากการถูกเลิกจ้าง (จริง ๆ ถ้าท่านเคี่ยวท่านจะกลับมาจัดการเรื่องนี้ทีหลังก็ได้ เพราะการให้น้อยกว่ากฎหมายกำหนดยังไงมันก็ผิดกฎหมายอยู่ดี)

โดนกดดันให่ออกแน่ๆ ครับ ผมทำบ่อยเมื่อก่อน ยอมรับว่าไม่ดีเลย แต่เราก็โดนกดดันมาจากข้างบนอีกที มันเป็นประสบการณ์ที่แย่ครับ แนะนำว่าอย่าเซ็นต์ออกเอง ไปคุยกับหัวหน้าหรือฝ่ายบุคคลแบบตรงๆ เลย (ฝ่ายบุคคลนี่สำคัญมากๆ ตัวกลางเจรจาเลย) ถ้าอยากให้ออกต้องจ่ายมาตามกระบวนการชดเชยกี่เดือนก็ว่าไป ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไรผิด วันข้างหน้าอาจจะโดนกดดันอีกเยอะ ต้องพยายามทำงานเซฟตัวเองให้มากๆ ดูงานใหม่เผื่อไว้ด้วยนะครับ

บริษัทญี่ปุ่น บางที่ก็เอาคนออก จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา แต่ส่วนใหญ่ให้เงินตามกฏหมายนะ

เอาต้นฉบับไว้แบบนั้นล่ะครับ เราไปคุยอาจจะแค่รายละเอียดที่โดนทำแบบนี้ดูว่าเจ้าหนา้ที่เค้าจะแนะนำยังไงก่อน เราอาจแค่แปลในส่วนใจความให้เค้าฟังแค่นั้นในเบื้องต้น

เดาว่า JP ผมก็ทำงานบ. th-jp เหมือนกันยังไงเอาใจช่วยนะครับ
ปกติบริษัทสัญชาตินี้ค่อนข้างจะให้ความเป็นธรรมกับพนักงานในระดับนึง ถึงจะไม่เท่าฝรั่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำแบบนี้
ยังไงปลีกเวลาปรึกษาทนาย และพยายามหาวิธีให้นายจ้างจ่ายชดเชยเรามาละกันครับ และเริ่มหางานใหม่ด้วยครับ

ถ้าขี้เกียจโทร ยังไงลองปรึกษา ไลน์นี้ครับ
หน่วยงานเดียวกับ top comment
DLPW Connect
ลุยครับ ทำใจสบายๆ
เมื่อมีเรื่องกฎหมายเข้ามา ท่านสบายขึ้นแน่นอน

.

ที่ผมพูดเป็น ปสกส่วนตัวครับ รายได้มากกว่าครึ่งของบริษัทเกิดจากตัวผมครับ ฝ่ายขายทั้งบริษัทยอดรวมกันยังไม่เท่าผมคนเดียวครับ เจ้าของเลยไม่เอาออก แต่พอถึงเวลาแตกหัก ผมก็โดนไล่ออกครับ บริษัทเจ๊งในเวลาต่อมา

ส่วนตัวผมบริษัทคู่แข่งซื้อตัวต่อครับ

นั่นแหละครับ
บริษัทใหญ่จริงๆ เขาจึงมีแผนรับมือกรณีแบบนั้น
เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้

เพราะถ้ายึดติดกับพนักงาน ถ้าพนักงานคนนั้นลาออก/ประสบอุบัติเหตุหรือป่วยหนักทำงานต่อไม่ได้/เสียชีวิต
บริษัทเดินหน้าต่อไม่ได้ ก็เจ๊งครับ