BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 May 2011
ตอบ: 5436
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 17:51
ประกันสุขภาพ 101
ผมขอตั้งชื่อว่าประกันสุขภาพ 101 ก่อนแล้วกันนะครับ เพราะจริงๆประกันจะแบ่งได้เยอะมากๆ
เช่น ประกันสุขภาพ ประกันวินาศภัย ประกันรถ ต่างๆ แล้วตรงนี้จะขอพูดถึงสิทธิการรักษาด้วย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน

อันนี้ที่มาแนะนำคือสำหรับคนที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลักนะครับ
ก็จะมีพูดถึงประกันชีวิต ประกันโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ
ตรงนี้จะไม่ขอพูดถึง ประกันออมทรัพย์ UL (unit link) UN (universal life) นะครับ เพราะอันนี้ส่วนใหญ่เน้นในการเก็บออมและการลงทุน
ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากมีคนต้องการเยอะ ยังไงถ้าผมศึกษาดีๆแล้วจะมาตั้งกระทู้อีกทีแล้วกัน เพราะผมเองก็กำลังศึกษาอยู่เหมือนกัน

ยังไงข้อมูลจะขอใส่ spoil ไว้นะครับ เพราะมันยาว

เรื่องสิทธิการรักษา

Spoil
ต้องเกริ่นก่อนครับ ว่าสิทธิการรักษาของคนไทย แบ่งหลักๆเป็น บัตรทอง ปกส.(ประกันสังคม) เบิกตรง
ส่วนของสิทธิอื่นๆผมขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะมันยิบย่อยมากๆ พวกสิทธินักศึกษาที่ผูกกับรพ.มหาลัย หรือพวกรัฐวิสาหกิจ สิทธิของสภากาชาด ต่างๆพวกนี้ รายละเอียดให้ท่านถามกับทางต้นสังกัดของท่านดีกว่า
1. บัตรทอง
ผมขอพูดถึงบัตรทองก่อนแล้วกันครับเพราะมันจะมีเรื่องของการส่งตัวต่อ

1.1 กรณีสิทธิอยู่ในกทม. สิทธิของท่านอาจจะอยู่ตามรพ.ครับ เช่น ฬ ศิริราช รามา ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ หรือรพ.ทั่วไปเครือกทม. เช่น ราชวิถี สิรินธร รพ. กลาง
ซึ่งถ้าหากสิทธิท่านอยู่ตามรพ.เหล่านี้ สามารถ walk in เข้ารับการรักษาได้โดยตรง
อีกอันคืออยู่ตาม คลีนิคบัตรทอง หรืออนามัย ที่มีตัวเลข เช่น ศูนย์ 01 - 70 กว่าๆ ผมจำไม่ได้ว่ามีกี่ที่ แต่น่าจะถึง 70 กว่าที่ พวกนี้ง่ายๆคืออนามัย แต่มีหมอประจำครับ ถ้าป่วยเล็กๆ เช่น ปวดท้อง เป็นหวัด
ท่านสามารถไปรับการรักษาที่นี่ได้ หรือถ้าหากเป็นหนัก หมอประจำคลีนิคประเมินแล้วว่าเกินศักยภาพ ก็จะส่งตัวต่อไปยังรพ.ทั่วไปต่อ หรือถ้าเป็นหนักอีก เช่นมะเร็งระยะลุกลาม หรือโรคหายาก
รพ.ทั่วไป อาจจะส่งเข้ารพ.ใหญ่ๆอย่างราชวิถีได้ หรือถ้าเป็นเด็ก ก็อาจจะส่งเข้ารพ.เด็กได้ครับ ซึ่งพวกศูนย์หรือคลีนิคเหล่านี้ จะมีในกรุงเทพและจังหวัดใกล้ๆครับ เช่นพวก ปทุมธานี นะที่ผมเห็น ส่วนจังหวัดอื่น ไม่เคยเห็นไม่แน่ใจว่ามีระบบนี้มั้ย

1.2 กรณีสิทธิอยู่ตจว.
ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจะอยู่ในระบบนี้ครับ คล้ายๆกับทางของกทม.ครับ คือระบบส่งต่อจากเล็กไปใหญ่
โดย จังหวัดนึงๆ จะมีรพ.ประจำจังหวัดครับ ซึ่งจะมีหมอเฉพาะทาง เช่นอายุรกรรม ศัลยกรรม หมอกระดูก หมอสูติ บลาๆซึ่งรพ.มักตั้งอยู่ในอำเภอเมือง กรณีที่จังหวัดไม่ใหญ่มาก สิทธิการรักษาจะขึ้นกับรพ.โดยตรง หรือถ้าหากอำเภอเมืองค่อนข้างใหญ่
อาจจะไปอยู่อนามัยประจำรพ. ถ้าหากปวดเล็กน้อยก็ไปอนามัยได้ แต่ถ้าเป็นเยอะ เค้าก้จะส่งตัวเข้ารพ.จังหวัดท่านที ซึ่งกรณีที่จังหวัดใหญ่มากๆ อาจจะมีรพ.ที่คล้ายๆรพ.จังหวัด สองที่ได้ครับ หรือกรณีที่จังหวัด มีภูเขากั้นหรือเดินทางลำบากก็อาจจะมี รพ.ใหญ่ได้ 2ที่ในจังหวัดเดียว
ส่วนกรณีที่ถ้าท่านไม่ได้อยู่อำเภอเมืองแต่อยู่ อำเภอรองๆลงมา ก็จะมีรพ.ประจำอำเภอครับ เค้าเรียกว่ารพ.ชุมชน ถ้าเป็นรพ.เล็กๆขนาด 30เตียง จะมีแต่หมอทั่วไป หากป่วยหนักต้องผ่าตัดหรือรับการรักษาที่มากขึ้น ก็จะส่งตัวต่อไปยังรพ.จังหวัดครับ หรือบางรพ.อำเภอที่ใหญ่ก็จะมีหมอเฉพาะทางด้วยเหมือนกัน สามารถรักษาได้เหมือนกัน
ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ถ้าเกินว่าท่านอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แล้วหมอเฉพาะทางที่ประจำอยู่รพ.จังหวัดไม่สามารถรักษาต่อได้ เค้าก็จะส่งตัวท่านต่อไปที่รพ.ศูนย์ครับ ซึ่งก็จะมีแต่จังหวัดใหญ่ๆ ครับ อย่างภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย ภาคอีสาน ขอนแก่น โคราช อุบล ภาคใต้ หาดใหญ่ นครศรี อันนี้ยกตัวอย่างนะครับ

หลักการส่งตัวคือลดการแออัดของคนไข้ที่รพ.ใหญ่ๆครับ เช่นคนไข้ปวดท้องเล็กๆน้อยๆ แต่ไปรพ.ประจำจังหวัดกันหมด หมอที่รพ.จังหวัดก็จะงานหนัก จนทำให้คนไข้หนักๆได้รับการดูแลไม่ทั่วถึงครับ
ถ้าท่านสิทธิการรักษาอยู่คลีนิค แต่ไม่ไปคลีนิค ไปรพ.เลย บางทีรพ.อาจจะไล่กลับให้ไปคลีนิคก่อนครับ เนื่องจากรพ.คนไข้เยอะมากๆๆๆๆๆๆ

สำหรับสิทธิการรักษาบัตรทอง พวกยาที่จำเป็นในการรักษาทั้งหมด มียาที่จำเป็นรักษาได้ครับ เช่นท่านป่วย ปวดท้อง ท้องเสีย ไข้หวัด มียาครับ หรือป่วย ความดันเบาหวาน ก็มีรักษาเช่นกันครับ มีหลายตัวให้หมอเลือกใช้ ไม่ต้องกังวลเลยครับว่าจะไม่มียา มียาแน่นอน แต่เป็นยาพื้นฐาน
ประสิทธิภาพอาจจะสู้ไม่ได้และมีผลข้างเคียงเยอะกว่า แต่ยาพวกนี้ใช้กันทั่วโลกครับ รักษาได้ หรือถ้าท่านป่วยหนักขึ้น เป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ สโตรก มะเร็ง ก็จะมียารักษาเหมือนกันครับ แต่อาจจะต้องเดินทางไกลไปจังหวัดหรือรพ.ที่ใหญ่ขึ้นครับ
ในกทม. ก็พวก ฬ รามา ศิริราช ราชวิถี หรือ ต่างจังหวัด ก็อาจจะเป็นโรงเรียนแพทย์ มช มข มอ. หรือรพ.ศูนย์ใหญ่ๆครับ

2. สิทธิเบิกตรง
หลักๆเลยคือข้าราชการ สิทธินี้เข้าได้ทุกรพ.รัฐในประเทศ ส่วนถ้าเข้า รพ.เอกชนเสียเงินเองครับ
ข้อดีคือหลักๆเลย คือ

1. สิทธินี้ได้ ทั้งพ่อแม่ สามีภรรยา และลูก แต่ไม่เกิน3 หรือ 4 คนนี่แหละ อันนี้ผมไม่แน่ใจ

2. สามารถเข้าได้ทุกรพ.รัฐ โดยที่ไม่ต้องมีใบส่งตัว เช่นท่านปวดท้องนิดๆหน่อยๆ สามารถไปรพ.ใหญ่ๆเจอหมอเฉพาะทางได้เลย

3. ยาบางตัวจะค่อนข้างดีกว่า เช่นยาความดันหรือเบาหวาน ผลข้างเคียงของยาน้อยกว่า แต่พูดตามตรง ตรงนี้ผมมองว่าไม่ได้จำเป็น ใช้ยาในสิทธิบัตรทอง ทั่วๆไปก็ได้ครับ รักษาได้เหมือนกัน

4. อีกข้อคือ สามารถนอนห้องพิเศษได้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรืออาจจะมี+เพิ่มแต่มีส่วนลดครับ ตามรพ.
แต่ตรงสิทธิราชการต้องบอกว่าไม่ได้ฟรีทั้งหมดนะครับ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติ่มด้วย เช่น การผ่าตัด หากมีอุปกรณ์พิเศษที่เบิกไม่ได้ ก็ต้องจ่ายเองเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ไม่ต่างจากสิทธิบัตรทองทั่วไปเท่าไรครับ เพราะเดี๋ยวนี้ อะไรที่บัตรทองเบิกไม่ได้ เบิกตรงก็เบิกไม่ได้ ทำให้ไม่ค่อยต่างกันมากครับ

3. ประกันสังคม
สิทธินี้ค่อนข้างจะต่างกันมากๆๆๆๆเลยครับ ซึ่งประกันสังคม เราจะสามารถเลือกรพ.ได้เอง ซึ่งหลักๆจะแบ่งเป็น

1. ประกันสังคมรพ.รัฐ อันนี้ไม่ต่างกันบัตรทองเลยครับ บางรพ.อาจจะมีห้องตรวจแยกประกันสังคม แต่คนเยอะเหมือนกัน ยาก็เหมือนกับบัตรทอง ทุกอย่างเหมือนกันหมด เบิกได้เท่ากันหมด

2. ประกันสังคมรพ.เอกชน ผมขอเรียกว่าลูกเมียน้อยเลยละกัน ถ้าเจอรพ.เอกชนดีหน่อยก็โชคดีไปครับ ถ้าซวยเจอรพ.เอกชนที่ผู้บริหารเน้นกำไรมากๆหน่อย บางทีท่านป่วยไป แล้วเกิดหมออยากจะเจาะเลือดท่าน แต่ทางรพ.กำหนดมาครับ ว่าเจาะเลือดได้ไม่กี่ตัว หรือจ่ายยาได้ไม่กี่เม็ด เพื่อบังคับให้คนไข้มาบ่อยๆ
ทำให้การรักษามันไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น หรือบางทีรักษาไม่ได้ แต่ไม่ยอมส่งตัวต่อไปรพ.ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้คนไข้อาการหนักขึ้นรักษาไม่ทันก็มี ข้อดีคือคนน้อยเฉยๆครับ ไม่ต้องนั่งรอนาน

***ผมบอกเลยว่าคนไข้ประกันสังคมรพ.เอกชน ต่างกับคนไข้ที่ใช้สิทธิประกันหรือเงินสดครับ เพราะเค้าจะจำกัดทรัพยากรให้คุณน้อยมากๆ แต่ถ้าคุณจ่ายเงินสดหรือมีประกันสุขภาพ เค้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อเบิกกับประกันครับ***

3.ประกันสังคมโรงเรียนแพทย์ อันนี้เรียกว่าสวรรค์ครับ ต่างกับเอกชนลิบลับ แน่นอนคนไข้เยอะเหมือนรพ.รัฐครับ แต่ท่านจะได้รับการรักษาที่แทบจะไม่ตำกว่ามาตรฐานที่ควรจะได้ หรือเกินไปมากๆด้วยซ้ำ ได้เจาะเลือดได้ยาทุกอย่างที่ควรจะได้ แบบ unlimit พร้อมกับมีอาจารย์แพทย์ระดับ เดินบนอากาศได้ มาตรวจท่านในบางครั้งด้วย

ถามว่า เบิกตรงดีกว่าบัตรทองหรือปกส.ยังไง สำหรับผม ถ้าอยู่ต่างจังหวัดดีกว่าครับ เราสามารถไปรพ.ใหญ่ๆได้เลย โดยที่ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ในทางกลับกัน ถ้าอยู่ในกทม.กรณีที่ท่านสามารถไปทุกรพ.ได้ ถ้าท่านป่วยหนัก รพ.ก้มีสิทธิ์ปฏิเสธได้เหมือนกันครับ เพราะท่านสามารถไปได้ทุกรพ. ท่านจะไม่มีเจ้าภาพ เพราะต่างคนต่างเกี่ยงกัน ที่เคยมีข่าว(อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ ถ้าข่าวผิดยังไงขออภัย)คือคนไข้ไม่รู้สึกตัว เรียกรถกู้ชีพมารับ รถติดต่อไปรพ.ไหนก็ไม่รับครับ เพราะคนไข้เข้าได้ทุกรพ. พอรพ.ไม่รับ รถก็ไปส่งไม่ได้ เพราะต้องให้รพ.รับก่อน ยกเว้นว่าคนไข้จะรู้สึกตัว เดินไปเอง รพ.จะปฏิเสธไม่ได้ครับ

ส่วนเรื่องอาการป่วย พูดตรงๆคือสำหรับหมอกับคนไข้มันไม่เท่ากันครับ บางทีท่านอาจจะคิดว่าป่วยหนักแต่สำหรับหมอมันไม่ใช่ มันก็ไม่ฉุกเฉินแค่นั้น เรื่องนี้มันอธิบาย ยากมากจริงๆ เพราะงั้นขอละไว้แล้วกันครับ
 


ด้านบนคือเรื่องของสิทธิการรักษาคร่าวๆนะครับ
มาต่อเรื่องประกันสุขภาพ และประกันอื่นๆกันครับ

Spoil
เข้าสู่เรื่องประกันนะครับ อันนี้ที่ผมเคยพิมพ์ตอบไว้ในมู้เก่าๆ มีอัพเดทบ้างเล็กน้อย
ก่อนจะทำประกันสุขภาพต้องทำประกันชีวิตหลักก่อนครับ
หลักๆคือพวก 99/20 85/20
เช่น99/20 99คือคุ้มครองถึงอายุ99 20คือจ่ายเบี้ยแค่20ปีนับจากอายุที่เราทำ เช่นทำตอนอายุ 29ก็จ่ายไปอีก20ปี
ซึ่งตัวนี้ คือประกันชีวิตบ้านๆเลย เช่นเบี้ยประกัน25k(เรียกว่าเบี้ยประกัน) ตายได้1ล้าน(เรียกว่าทุนประกัน)
ประกันพวกนี้เบี้ยจะfixed คือถ้าท่านทำอายุ 29 เบี้ย 25k ท่านก็จะจ่าย 25kไปอีก20ปี แต่ถ้าทำตอนอายุ 39 เบี้ยอาจจะเพื่มมาเป็น35k ท่านก็ต้องจ่าย 35kอีก20ปี
การจะได้เงินมี2เงื่อนไข คือ1. อายุ99ปี 2.ตาย
ถ้าถอนก่อนหน้านั้นเรียกว่าเวนคืน จะได้ตังค์ไม่ครบ 1ล้าน แล้วแต่ว่าถอนปีไหน ถอนเร็วก็ได้น้อย ถอนตอนใกล้99ก็ได้เกือบๆ1ล้าน
พอทำตัวนี้ปุ๊บ ท่านค่อยมาทำสัญญาเพื่มเติม เพื่อผูกกับสัญญาหลัก
(โดยปกติตัวหลักนี่ถ้าทำคู่กับสุขภาพ จะทำเบี้ยน้อยๆ ทุนน้อยๆ เพราะอนาคตประกันสุขภาพมันจะเปลี่ยนแปลง มีตัวใหม่ๆออกมา ท่านก็อาจจะต้องทำใหม่ ตัวเก่าจะได้ไม่ต้องจ่ายประกันชีวิตทิ้ง ก็คือหยุดจ่ายประกันไปแล้วเวนคืนเอา)

ต่อมาสัญญาเพื่มเติม ก็จะมีพวกประกันสุขภาพ โรคร้ายแรง อุบัติเหตุ(pa) ขดเชยรายได้ ผู้ป่วยนอก

ประกันสุขภาพทั่วๆไป เดวนี้แนะนำเหมาจ่าย ซึ่งส่วนมากจะคุ้มครองแค่นอนรพ.(ipd) ส่วนผู้ป่วยนอก(opd)ไม่คุ้มครอง
สำหรับหลักๆที่ต้องดูเลยคือ
1. วงเงิน มีวงเงินหลายแบบครับ ต่อครั้งที่นอนรพ. ต่อปี ยกตัวอย่างเช่น ต่อปี วงเงิน 1 ล้าน แต่ต่อครั้ง 2แสน คือถ้าป่วยผ่าตัดอะไรสักอย่าง ค่ารักษารวมทั้งหมด 2แสน5 ท่านต้องจ่ายส่วนต่างเอง 5หมื่น เพราะ วงเงินรักษาต่อครั้งมันแค่2แสน
ซึ่งอันนี้มันขึ้นอยู่กับงบประมาณของท่านด้วย ถ้าตัวราคาไม่แพงมาก ส่วนมากจะตัดแบบมีต่อครั้งด้วย แต่ถ้างบประมาณพอไหว ผมแนะนำให้มีจำกัดแค่ต่อปีพอ เช่น ปีละ5 ล้าน ไม่มีจำกัดว่าครั้งนี้ห้ามเกินเท่าไร แบบนี้โอกาสต้องจ่ายเพิ่มค่อนข้างน้อยมากๆครับ

2. ค่าห้อง อันนี้ผมแนะนำให้ท่านดูว่ารพ.เอกชนใกล้บ้านท่าน รพ.ไหนที่ท่านอยากเข้า คือถ้าเจ็บป่วยละจะมาฝากผีฝากไข้ที่นี่ ซึ่งค่าห้องก้จะแบ่งเป็น หลักพันถึงหลักหมื่น มีหลายระดับครับแล้วแต่อันเลย ซึ่งผมแนะนำให้ลองโทรคุยกับรพ.เอกชนใกล้บ้านท่านว่าราคาห้องพักต่อคืนที่เป้นห้องเดี่ยวมาตรฐาน
อยู่ที่ราคาเท่าไร ซึ่งห้องพวกนี้ค่อนข้างดีในระดับนึงแล้วครับ สามารถมีคนนอนเฝ้าได้อีกคน เครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม ส่วนถ้าอยากได้ห้องดีกว่านั้นก้ลองถามทางรพ.ได้เลย ว่าห้องไหนราคาเท่าไร ซึ่งประกันที่เราซื้ออาจจะไม่จำเป็นต้อง cover ค่าห้องทั้งหมดก็ได้ เพราะเราจะมีประกันชดเชยรายได้มาช่วย
แต่จะขอพูดถึงในส่วนประกันชดเชยรายได้ทีเดียวเลยนะครับ
หรืออย่างของเมืองไทยประกันชีวิตหรือกรุงเทพประกันชีวิต จะมี ประกันที่จ่ายแบบ เหมาจ่ายห้องเดี่ยวมาตรฐาน คือ ถ้าท่านนอนห้องเดี่ยวมาตรฐานของรพ.นั้นๆไม่ว่าจะเอกชนธรรมดาหรือนอนบำรุงราษฏ์ ถ้าเป็นห้องเดี่ยวมาตรฐานเบิกได้เต็มหมดครับ

3. ipd คือป่วยแบบนอนรพ. opd คือป่วยแบบไม่นอนรพ. ซึ่ง อุบัติเหตุที่เข้า ER ห้องฉุกเฉินก็จะถือเป็น opd ด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ประกัน premium ที่คุ้มครอง 50ล้าน 80ล้าน ส่วนใหญ่จะคุ้มครองแค่ ipd ครับ ถ้าอยากได้ opd ต่อไปหาซื้อเองต่อ แต่ที่สำคัญคือต้องดูที่ประกันอุบัติเหตุครับว่าคุ้มครองไหม
เช่นเราหกล้ม รถชน ประกันสุขภาพของเราคุ้มครองไหม ถ้าไม่อาจจะต้องทำประกัน PA คือประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติม เพื่อที่ทำมา cover การเจ็บป่วยกรณีอุบัติเหตุครับ

4. deducted อันนี้คือค่ารับผิดชอบส่วนแรกครับ เช่น เข้ารพ. แล้วประกันแบบมี deducted คือ ถ้าป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่ง ค่าผ่าตัด 1แสน มี deducted 5หมื่น คือเราออกเอง5หมื่นแรกครับ อีก5หมื่น ประกันจ่าย แต่ถ้า ปวดท้อง ท้องเสีย ต้องนอนรพ. ค่านอน 3หมื่น deducted 5 หมื่นคือเราออกเองหมดเลยครับ 3หมื่น ประกันไม่จ่าย

5. ถ้าพอมีงบอยากให้ รวมกรณีป่วยหนักๆ เช่นซื้อประกันที่รวมค่าล้างไต รังสีรักษา หรือ targeted therapy ด้วยนะครับ เกิดซวยเป็นมะเร็งขึ้นมา พวกนี้สำคัญมากๆเลย

6. copay อันนี้คือกรณีที่ถ้าท่านมีการเบิกเยอะหรือการปรับกรมธรรน์หรืออะไรก็ตามแต่ คือ copay จะนับเป็น % ครับ เช่น 20% คือท่านต้องจ่าย 20% ของค่ารักษาในครั้งนั้น

7. กรณีต้องทำ u/s,CT หรือ MRI นะครับ ตัวแทนชอบบอกว่า ถ้าท่านป่วยถึงขั้นต้องทำ CT ส่วนใหญ่ต้องนอนรพ.แล้ว ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่แบบนั้น ในทางการแพทย์ CT,MRI ที่เป็นลักษณะของผู้ป่วยนอกเยอะกว่าผู้ป่วยในที่ต้องนอนรพ.อีกครับ ซึ่งตรงนี้ประกันจะเบิกไม่ได้ แต่ตรงนี้หมอที่รพ.เค้าจะรู้กัน บางทีสามารถที่จะแอดมิทเพื่อทำ CT MRI เพื่อเบิกกับประกันอีกทีได้ครับ

8. สำหรับผู้หญิงกรณีตั้งท้องนะครับ ประกันที่จะรวมตรงนี้ส่วนใหญ่จะเป็น พวกวงเงินระดับ 100 ล้าน เบี้ยต่อปีแสนนึง ซึ่งเดี๋ยวนี้ตามรพ.จะมีพวก โปรแกรมฝากท้องหรือคลอดอยู่แล้วครับ ยังไงลองศึกษาเพิ่มเติมอีกที เพราะตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆ

ท่านต้องดูดีๆอ่านสัญญาเอา เพราะที่ผมเจอตัวแทนหลายคนมันโครตมั่ว ตอนซื้อบอกเคลมได้ทุกอย่าง พอมานั่งอ่านสัญญามันเบิกไม่ได้ หรือทางปฏิบัติจริงเบิกไม่ได้ก็มีเยอะ หรือบางทีถามไปก็ได้คำตอบไม่ชัดเจนทั้งที่เป็นเรื่องง่ายๆ
ซึ่งแผนพวกนี้ที่แนะนำให้ทำคือคุ้มครองต่ำๆก็หลักล้าน-10ล้านพอ ผมว่าน้อยกว่านี้ไม่คุ้ม ส่วนถ้าป่วยมากกว่า10ล้าน ท่านต้องอาการหนักมากจนเข้ารพ.รัฐบาลละ ผมว่าทำวงเงิน 50 80 100 ล้านพวกนี้เหมาะสำหรับคนเงินเหลือๆมากกว่า
เพราะรพ.เอกชนไม่ได้พร้อมเท่าโรงเรียนแพทย์ครับ โอกาสที่คุณจะใช้การรักษาระดับ 50ล้าน/ปีมันยากมากๆ ป่วยหนักขนาดนั้น ถ้าจะรักษาให้หายมีแค่ ฬกับศิริราชครับ


ตัวต่อมาคือชดเชยรายได้ โดยปกติจะคิดจาก รายได้ของเราต่อปี/365 เช่นรายได้ต่อปีรวม 500000 ก้หาร365 ตก1370 ซี่งชดเชยรายได้จะได้มากสุด*1.5เท่าของรายได้ต่อวัน 1370*1.5 ก็ประมาณ 2000กว่าๆ ท่านก็ทำประกันชดเชยรายได้ได้มากสุดแค่2000/วัน ไม่ต้องทำมากว่านี้เพราะเบิกไม่ได้ ไว้รายได้เพิ่มค่อยทำ ซึ่งส่วนใหญ่เค้าจะเอาตรงนี้มาชดเชยค่าห้อง เพราะอย่างแผนเหมาจ่ายถูก1ล้าน บางทีค่าห้อง2000 แต่รพ.คิด4000 ท่านก็ทำชดเชยรายได้ มาโปะค่าห้องแทน จะได้ไม่ต้องเพิ่มประกันสุขภาพไปอีกเพราะแพงกว่า

ส่วนอุบัติเหตุ(pa) ตัวนี้ถ้าตัวประกันสุขภาพipdของท่านรวมไว้ก็ไม่ต้องทำ แต่ของบางค่ายไม่รวมท่านก็ต้องทำเพื่ม
ง่ายอุบัติเหตุ แบ่งเป็นนอนรพ.(ipd) กับไม่นอนรพ.(er,opd) ถ้านอนรพ.ยังไงก็จบเบิกได้ แต่ถ้าไม่นอน อาจจะต้องมาดูสัญญาอีกทีว่าค่ายที่ทำคุ้มครองไหม ถ้าไม่คุ้มครองก็ต้องทำเพื่ม

ต่อมาผู้ป่วยนอก(opd) ส่วนใหญ่ต้องทำเพิ่ม ยกเว้นทำแผนแบบ50 ล้าน80ล้าน อันนั้นบางทีรวมมาแล้ว
แต่ละค่ายก็ไม่เหมือนกัน บางทีทำได้แบบวงเงิน 5000/ปี หากี่ครั้งก็ได้ แต่งบได้แค่5000ต่อปี หรือ ครั้งละ2000 ได้ 30ครั้งต่อปีก็มี เอาที่เหมาะกับเรา

โรคร้ายแรง อันนี้แล้วแต่บริษัทเลยว่าคุ้มครองโรคไหนบ้าง ไม่คุ้มครองอันไหนบ้าง บางทีเป็นระยะเริ่มต้นก็จ่ายแล้ว หรือต้องเป็นเยอะถึงจะจ่ายก็มี
เช่น บางค่าย คุ้มครอง1m ถ้าเป็นโรคร้ายแรงมะเร็งระยะ2-4จ่าย1m แต่ถ้าเป็นระยะ1ไม่จ่าย
บางค่าย ระยะ2-4จ่าย1m แต่ถ้าเป็นระยะ1จ่าย 500k พอเป็นเพื่มระยะ2จ่ายเพิ่มอีก 500k
มีหลายแบบมากๆต้องอ่านเอา

อันนี้เสริมเพิ่มจากมู้ก่อนๆนะครับ เวลาท่านจะซื้อประกันสักตัวนึง ผมแนะนำให้ลองคุยกับตัวแทนว่ามี WPCI ไหม ตัวนี้คือกรณีที่เป็นสัญญาระยะยาวเช่นประกันชีวิต ถ้าท่านป่วยหนักแต่ไม่ตาย จะไม่ได้เงินประกันชีวิต ซึ่งถ้าท่านทำงานไม่ไหว อาจจะไม่มีเงินซื้อกรมธรรน์ต่อ ให้ทำ WPCI ไว้
ประกันตัวนี้จะจ่ายเบี้ยที่เหลือแทน ในกรณีที่ท่านป่วยแล้วเข้าเกณฑ์ประกัน WPCI จะได้ไม่ต้องกังวลว่าถ้าป่วยหนักไม่มีเงินมาทำต่อ จะหาเงินจากที่ไหนมาส่ง

อีกอันคือ fax claim ครับ บางทีตัวแทนชอบใช้ศัพท์เฉพาะจนคนทั่วไปงง fax claim คือ ตอนเราออกจากรพ.แล้วไปจ่ายตัง ทางรพ.จะส่งเอกสารการรักษาให้กับทางบริษัทประกัน แล้วเราจะไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน แต่ถ้าเป็น direct claim คือเราต้องจ่ายเงินก่อนแล้วเอาเอกสารเบิกกับทางบริษัทประกันอีกทีครับ

 


ทีนี้จะมีตรงคำถาม ใครที่เหมาะจะทำประกันสุขภาพบ้าง
สำหรับผมคือแล้วแต่ท่านนะครับ ผมไม่ขอออกความเห็นแล้วกัน ต่างคนต่างมุมมองครับ

ส่วนคนที่ตัดสินใจได้ว่าอยากทำประกัน อันนี้คือข้อแนะนำของผมครับ
1. บอกประกันไปเลยว่าเราป่วยอะไรมาก่อนบ้าง ทุกอัน อันไหนที่ตัวแทนบอกว่าไม่ต้องแจ้ง ช่างมัน แจ้งให้หมด เพราะสุดท้ายถ้าเค้าเจอว่าท่านปกปิด อาจจะเคลมไม่ได้ หนักหน่อยก็โดนยกเลิกกรมธรรณ์ เพราะงั้นไม่คุ้มครับ แจ้งไปให้หมด

2. พวกตัวแทนผมแนะนำหาที่มีอายุหน่อย ทำมานาน เพราะเค้าจะพูดกับท่านตรงๆว่าตัวไหนเบิกได้ไม่ได้ยังไง แนะนำได้ว่าควรทำแบบไหนที่เหมาะกับเรา พวกอายุน้อยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมถามไปคำถามนึงก็โทรไปถามเพื่อน แล้วก็เอาแต่จะขายตัวแพงๆ ปวดหัวจริง อันนี้จากประสบการณ์ของผมนะครับ แล้วแต่คนนะครับไม่ได้เหมารวม ถ้าจะทำยังไงแนะนำให้ลองหาตัวแทนดีๆ อายุเยอะๆหัวหมอเหลี่ยมจัดก็มี

ทั้งหมดนี้รวมๆคือแค่ประกันสุขภาพ ยังมีอย่างอื่นพวก unit link, universal life, ออมทรัพย์,บำนาญ อื่นๆอีก
ยังไงลองศึกษาดูครับ

ส่วนตัวผมทำกับallianz ayudhya ผมทำประกันชีวิต สุขภาพ ชดเชยรายได้ โรคร้างแรง opd รวม ต่อปี 37k
(ขนาดผมเลือกเหมาจ่ายตัวถูกสุดละนะ 8m/ปี )
แพงหน่อยแต่ผมลองเช็คละไม่ค่อยมีปัญหา
อีกอันก็ aiaที่ผมว่าโอเค
ไม่แนะนำที่ชื่อเป็นเดียวกับธนาคารสีฟ้าเท่าไร ปัญหาตอนจะเคลมเยอะจริง
พวกบริษัทประกันพยายามเลือกบริษัทประกันที่เกี่ยวกับสุขภาพหรือประกันชีวิตเลยครับ
อย่าเลือกจากประกันวินาศภัย มันชอบมีปัญหา
แล้วถ้าท่านจะทำประกันทั้งที ผมแนะนำให้เลือกบริษัทใหญ่ไปเลยครับ อย่าเห็นแก่เบี้ยถูกของบริษัทเล็กๆ
บางทีเคลมไม่ได้ fax claim ไม่ได้ บริษัทขาดทุน ปิดกิจการไป อย่างเช่นตอนโควิด ก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้วครับ

อีกอันก็แนะนำเสิร์ชว่าแม่มณีในpantip ข้อมูลเบื้องต้นไว้อ่านเข้าใจง่ายดี
เช่นกระทู้นี้ครับ https://pantip.com/topic/41451589


ยังไงก็เป็นแค่ข้อมูลเบี้ยงต้น ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยล่วงหน้าด้วย

ถ้าเรื่องนี้การตอบรับดีผมกะว่าจะพิมพ์เรื่อง บัตรเครดิต101 เบื้องต้น จะได้มีเครดิตกันเวลากู้สินเชื่อ ถ้ามีเวลาจะมาพิมพ์อีกทีแล้วกันครับ

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ


twice
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Jan 2010
ตอบ: 28317
ที่อยู่: BETA HOUSE
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 17:53
ประกันสุขภาพ 101
ลงชื่อมาครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 18:23
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
เลือกตัวแทนก็ควรจะเลือกตัวแทนที่มีรางวัลคุณวุฒิ MDRT COT TOT หรือไม่ก็ CFP ด้วยครับ คุณวุฒิพวกนี้เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ ตัวแทนที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ล้วนทำงานมานาน และดูแลลูกค้าได้อย่างดีแน่นอนครับ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jun 2008
ตอบ: 9911
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 18:34
ประกันสุขภาพ 101
ไว้มาอ่าน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 May 2011
ตอบ: 5436
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 18:53
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
St.Anger พิมพ์ว่า:
เลือกตัวแทนก็ควรจะเลือกตัวแทนที่มีรางวัลคุณวุฒิ MDRT COT TOT หรือไม่ก็ CFP ด้วยครับ คุณวุฒิพวกนี้เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ ตัวแทนที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ล้วนทำงานมานาน และดูแลลูกค้าได้อย่างดีแน่นอนครับ  


ขอบคุณมากครับ ปกติผมเห็นพวกตัวแทนเป็นผู้บริหารกันไวมาก
CFP นี่พอเข้าใจ แต่ตัวอื่นคือพวกรางวัลเพิ่มเติมใช่ไหมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


twice
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: กลับมาผงาด
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Jan 2011
ตอบ: 2944
ที่อยู่: ถ้ำมด
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 18:54
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
St.Anger พิมพ์ว่า:
เลือกตัวแทนก็ควรจะเลือกตัวแทนที่มีรางวัลคุณวุฒิ MDRT COT TOT หรือไม่ก็ CFP ด้วยครับ คุณวุฒิพวกนี้เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ ตัวแทนที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ล้วนทำงานมานาน และดูแลลูกค้าได้อย่างดีแน่นอนครับ  


บางที ก็ให้โอกาส คนใหม่ๆ บ้างครับ อาจจะผ่านการแนะนำจากคนเหล่านั้น ก็ได้

ผมแค่คิดในมุมถ้าผมเป็นมือใหม่ จะสร้างยอดขายได้อย่างไร เรามีคนคิดแต่แบบนี้ มือใหม่จะได้โอกาสดูแล ได้อย่างไร

แต่แบบที่ท่านว่าก็ดีเลยแหละ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 19:11
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
jabkungza พิมพ์ว่า:
St.Anger พิมพ์ว่า:
เลือกตัวแทนก็ควรจะเลือกตัวแทนที่มีรางวัลคุณวุฒิ MDRT COT TOT หรือไม่ก็ CFP ด้วยครับ คุณวุฒิพวกนี้เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ ตัวแทนที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ล้วนทำงานมานาน และดูแลลูกค้าได้อย่างดีแน่นอนครับ  


ขอบคุณมากครับ ปกติผมเห็นพวกตัวแทนเป็นผู้บริหารกันไวมาก
CFP นี่พอเข้าใจ แต่ตัวอื่นคือพวกรางวัลเพิ่มเติมใช่ไหมครับ  


MDRT = ต้องขายให้ได้อย่างน้อยปีละ 2.4m
COT = 7m+
TOT + 14m+
คนที่จะขายได้ระดับนี้มีแต่ระดับเทพๆครับ ยิ่งถ้าได้หลายๆปีติด ยิ่งการันตีคุณภาพได้เลยครับ
พวกนี้มันเป็นคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับโลกครับ
ส่วนพวกผู้บริหารนู่นนี่นั่นของบริษัท หลายคนไม่เคยได้คุณวุฒิพวกนี้ด้วยซ้ำครับ บางทีทำยอดได้หลายหมื่น
ก็เป็นผู้บริหารได้แล้ว
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: It's Complicated
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Feb 2014
ตอบ: 3714
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 19:19
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
St.Anger พิมพ์ว่า:
jabkungza พิมพ์ว่า:
St.Anger พิมพ์ว่า:
เลือกตัวแทนก็ควรจะเลือกตัวแทนที่มีรางวัลคุณวุฒิ MDRT COT TOT หรือไม่ก็ CFP ด้วยครับ คุณวุฒิพวกนี้เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ ตัวแทนที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ล้วนทำงานมานาน และดูแลลูกค้าได้อย่างดีแน่นอนครับ  


ขอบคุณมากครับ ปกติผมเห็นพวกตัวแทนเป็นผู้บริหารกันไวมาก
CFP นี่พอเข้าใจ แต่ตัวอื่นคือพวกรางวัลเพิ่มเติมใช่ไหมครับ  


MDRT = ต้องขายให้ได้อย่างน้อยปีละ 2.4m
COT = 7m+
TOT + 14m+
คนที่จะขายได้ระดับนี้มีแต่ระดับเทพๆครับ ยิ่งถ้าได้หลายๆปีติด ยิ่งการันตีคุณภาพได้เลยครับ
พวกนี้มันเป็นคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับโลกครับ
ส่วนพวกผู้บริหารนู่นนี่นั่นของบริษัท หลายคนไม่เคยได้คุณวุฒิพวกนี้ด้วยซ้ำครับ บางทีทำยอดได้หลายหมื่น
ก็เป็นผู้บริหารได้แล้ว  


สอบถามครับ การที่เราทำประกัน มันเป็นเรากับบริษัทไม่ใช่หรอครับ

ตัวแทนคือคนที่ชักชวนเราเข้าไปทำ เค้าไม่ได้จ่ายตังค์ให้เรารึเปล่าครับ

ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่า เลือกบริษัทจากตัวแทนทำไม

ถ้าเราแจ้งรายละเอียดครบถ้วน เล่มกรมธรรม์ออกมาแล้ว ไม่มีหมกเม็ด

ตัวแทนแจ้งระยะรอคอยที่แน่นอน และ เราไม่ได้ผิดเงื่อนไข

ก็ไม่ได้มีเหตุผลที่เราจะต้องคุยกับตัวแทนต่อมั้ยครับ

เวลาเข้า รพ. เราก็ยื่นบัตรประกัน ก็ได้สิทธิ์เลย เราต้องโทรหาตัวแทนหรอครับ หรือยังไง

พอดีผมเคยทำแต่แบบออนไลน์ ไม่เคยทำกับตัวแทนใกล้ตัว

จ่ายเงินเข้าบริษัทก็จบ เวลาไปรักษา ก็ยื่นบัตร

รบกวนช่วยขยายความให้หน่อยได้มั้ยครับ ว่าตัวแทนเก่งๆนี่ จะช่วยเราได้ยังไงหรอครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: ลูกรัก FA
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 May 2021
ตอบ: 3879
ที่อยู่: The Football Association
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 19:36
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
ขออนุญาตปักไว้อ่านต่อครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 20, 2023 19:58
[RE: ประกันสุขภาพ 101]
ไม่อยากกินต้มไก่ พิมพ์ว่า:
St.Anger พิมพ์ว่า:
jabkungza พิมพ์ว่า:
St.Anger พิมพ์ว่า:
เลือกตัวแทนก็ควรจะเลือกตัวแทนที่มีรางวัลคุณวุฒิ MDRT COT TOT หรือไม่ก็ CFP ด้วยครับ คุณวุฒิพวกนี้เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ ตัวแทนที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ล้วนทำงานมานาน และดูแลลูกค้าได้อย่างดีแน่นอนครับ  


ขอบคุณมากครับ ปกติผมเห็นพวกตัวแทนเป็นผู้บริหารกันไวมาก
CFP นี่พอเข้าใจ แต่ตัวอื่นคือพวกรางวัลเพิ่มเติมใช่ไหมครับ  


MDRT = ต้องขายให้ได้อย่างน้อยปีละ 2.4m
COT = 7m+
TOT + 14m+
คนที่จะขายได้ระดับนี้มีแต่ระดับเทพๆครับ ยิ่งถ้าได้หลายๆปีติด ยิ่งการันตีคุณภาพได้เลยครับ
พวกนี้มันเป็นคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับโลกครับ
ส่วนพวกผู้บริหารนู่นนี่นั่นของบริษัท หลายคนไม่เคยได้คุณวุฒิพวกนี้ด้วยซ้ำครับ บางทีทำยอดได้หลายหมื่น
ก็เป็นผู้บริหารได้แล้ว  


สอบถามครับ การที่เราทำประกัน มันเป็นเรากับบริษัทไม่ใช่หรอครับ

ตัวแทนคือคนที่ชักชวนเราเข้าไปทำ เค้าไม่ได้จ่ายตังค์ให้เรารึเปล่าครับ

ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่า เลือกบริษัทจากตัวแทนทำไม

ถ้าเราแจ้งรายละเอียดครบถ้วน เล่มกรมธรรม์ออกมาแล้ว ไม่มีหมกเม็ด

ตัวแทนแจ้งระยะรอคอยที่แน่นอน และ เราไม่ได้ผิดเงื่อนไข

ก็ไม่ได้มีเหตุผลที่เราจะต้องคุยกับตัวแทนต่อมั้ยครับ

เวลาเข้า รพ. เราก็ยื่นบัตรประกัน ก็ได้สิทธิ์เลย เราต้องโทรหาตัวแทนหรอครับ หรือยังไง

พอดีผมเคยทำแต่แบบออนไลน์ ไม่เคยทำกับตัวแทนใกล้ตัว

จ่ายเงินเข้าบริษัทก็จบ เวลาไปรักษา ก็ยื่นบัตร

รบกวนช่วยขยายความให้หน่อยได้มั้ยครับ ว่าตัวแทนเก่งๆนี่ จะช่วยเราได้ยังไงหรอครับ  


ตัวแทนเก่งๆ ที่มีคุณวุฒิ MDRT หลายๆคนจะมีคอนเน็คชันกับ รพ เยอะครับ อย่างช่วงโควิดที่เดลต้าระบาดหาเตียงยาก แต่ตัวแทนเหล่านี้จะวิ่งเต้นหา รพ ให้ลูกค้าได้รวดเร็ว และจะลูกค้าจะได้สิทธิพิเศษอย่างเช่น ส่วนลดค่าห้องครับ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel