อังกฤษเคยเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
เป็นจักรวรรดิที่มีประชากรมากที่สุดใน ปวศ. โลก
เป็นจักรวรรดิที่มีพื้นที่มากที่สุดใน ปวศ. โลก
เป็นจักรวรรดิที่รวยที่สุด มี GDP มากที่สุดใน ปวศ. โลก
ช่วงรุ่งเรืองสูงสุดคือยุควิคตอเรีย ปี ค.ศ. 1837-1901
ตอนนั้นมีจักรวรรดิฝรั่งเศส,จักรวรรดิเยอรมัน,จักวรรดิออสเตรีย-ฮังการี,จักรวรรดิชิง แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเท่าอังกฤษ
ช่วงกลางของยุควิคตอเรีย สหรัฐยังทะเลาะกันเรื่องทาสจนเกิดเป็นสงครามกลางเมืองอยู่เลย
ก่อนหน้านั้นอังกฤษก็มีศักยภาพทางทหารโดยเฉพาะทางทะเล มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ทิวเดอร์แล้ว
สมัยคิงเฮนรี่ที่ 8 (พ่ออลิซาเบธที่ 1) สร้างเรือรบติดดปืนใหญ่รอบลำเป็นที่แรกๆของโลก
จากนั้นอังกฤษก็เป็นมหาอำนาจทางทะเล ที่ไม่มีชาติใดในโลกต่อกรได้
ช่วงยุคสเปนรุ่งเรืองจากการล่าอาณานิคม สร้างกองเรือ อาร์มาด้า อยู่หลายปี เป็นยุคของคิงฟิลิปเป้
(เจ้าของที่มาของชื่อประเทศฟิลิปปินส์)
เพื่อจะมาบุกอังกฤษยึดบัลลังค์อังกฤษ (เพราะฟิลิเป้ เป็นพี่เขยของอลิซาเบธที่ 1 เป็นสามีของควีนแมรี่ กษัตริย์อังกฤษองค์ก่อน)
แต่เจอกองเรืออังกฤษเข้าไปก็แพ้กลับสเปน จากนั้นสเปนก็ไม่ใช่มหาอำนาจของยุโรปอีกเลย
(ก่อนหน้านั้นสเปนเป็นมหาอำนาจมากกว่าอังกฤษ)
พอเข้ายุค นโปเลียน ที่ครองยุโรปได้เกือบหมด แต่พอส่งเรือมาอังกฤษ ก็เจอกองเรืออังกฤษปราบซะเข็ด ไม่กล้ามายุ่งอีก
ปรัชญาของกองทัพเรืออังกฤษคือ เป็นที่ 1 ของโลก โดยที่มีแสนยานุภาพให้มากกว่า อันดับ 2 และ 3 รวมกัน
บิดาของกองทัพเรืออังกฤษคือ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งราชวงศ์ ทิวเดอร์ (พระเอกใน The Tudors นั่นล่ะ)
เมืองแห่งกองทัพเรืออังกฤษคือเมืองปอร์ทสมัธ
นี่ล่ะครับ อังกฤษเป็นมหาอำนาจทางทหาร จากนั้นล่าอาณานิคมได้อินเดียและที่อื่นๆ ก็เป็น NO.1 ของโลก
อีกทั้ง วิทยาการ เทคโนโลยียุคนั้นก็มีแต่มาจากอังกฤษ หากจะกล่าวถึงชื่อ
- ไอซิค นิวตัน (ผู้วางรากฐานฟิสิกซ์สมัยใหม่)
- ไมเคิล ฟาราเดย์ (ผู้ประดิษฐ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้า)
- เจม วัตต์ (ผู้ประดิษฐ์เครื่องจักไอน้ำ)
- อิซัมบาร์ด คิงดอม บรูเนล (ผู้สร้างทางรถไฟ)
- ชาร์ล ดาร์วิน (นักธรรมชาติวิทยา)
- กัปตัน เจมส์ คุก (นักสำรวจ บุกเบิก)
- จอร์จ สตีเฟนสัน (ผู้ประดิษฐ์หัวรถจักรไอน้ำ)
พวกคนเหล่านี้เป็นคนอังกฤษทั้งนั้น มีส่วนทำให้อังกฤษเป็น No.1 ของโลก
แล้วทำไมอังกฤษจึงตกจากบัลลังค์นี้ล่ะ
เหตุเริ่มจากพอควีนวิคตอเรียตายในปี 1901 ลูกชายคือ เอ็ดเวิร์ด ก็ขึ้นครองราชย์เป็น เอ็ดเวิร์ดที่ 7
ลูกชายคนนี้ก็รอเป็นกษัตริย์มาทั้งชีวิต มาเป็นตอนอายุมาก ไม่ค่อยเก่งอะไร อยู่ได้ 9 ปีก็ตาย
ลูกชายของเอ็ดเวิร์ด คือ จอร์จ ก็ขึ้นมาเป็น จอร์จที่ 5 ก็เป็นหลานย่าของควีนวิคตอเรียล่ะ
และในยุโรป มีจักรวรรดิแห่งหนึ่งคือ เยอรมัน มีไกเซอร์ ที่เป็นหลานยายของควีนวิคตอเรีย ครองราชย์อยู่นานแล้ว
คราวนี้หลายย่า(จอร์จที่5) กับหลานยาย (ไกเซอร์วิลเฮ็ล์มที่2) ดันไม่ชอบขี้หน้ากัน กระทบกระทั่งกันมานาน
พอออสเตรียกับเซอร์เบียทะเลาะกัน ประกาศสงครามกัน อังกฤษกับเยอรมัน ก็ประกาศสงครามกันซะงั้น
ออสเตรียกับเซอร์เบียประกาศสงครามก่อน แต่ยังไม่รบกัน แต่อังกฤษกับเยอรมันดันรบกันแล้ว 55555+
คือมันอัดอั้นกันมานาน สงครามของญาติกัน นี่ล่ะครับจุดเริ่มต้นของการตกต่ำของอังกฤษ
อังกฤษบอบช้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงแม้จะเป็นผู้ชนะ แต่ระบบเศรษฐกิจก็สะดุดไปเยอะ คนตายไปเยอะ
แล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่กี่ปี โลกก็เข้าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อังกฤษยังไม่ฟื้นยิ่งแย่ลงไปใหญ่
พอโลกเริ่มฟื้นจากพิษเศรษฐกิจ ฮิตเลอร์ก็ก่อสงครามอีก อังกฤษที่ตอนนั้นอ่อนแอลงมาก เข้าสงครามแบบไม่พร้อม
สงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง ถึงอังกฤษที่ชนะทั้งสองครั้งและเยอรมันจะแพ้ทั้งสองครั้ง
แต่อังกฤษชนะแบบหมดตัว เป็นหนี้สหรัฐมากมาย ประเทศย่อยยับขากการทิ้งระเบิด
อังกฤษยิ่งใหญ่ได้เพราะเงินที่สูบมากจากอาณานิคม แล้วรักษาอาณานิคมได้เพราะกำลังทหาร
แต่สงครามโลกทั้งสองครั้ง อังกฤษไม่มีกองทัพพอที่จะรักษาอาณานิคมไว้ได้
จึงค่อยๆหลุดมือไปทีละแห่ง สองแห่ง เงินก็น้อยลง น้อยลง เรื่อยๆ
พอนึกภาพออกนะครับ เหมือนอาณาจักรใหญ่ๆที่ล่มสลายเพราะ อาณาจักร จักรวรรดิมันหดตัวรายได้ลด แล้วก็ล่มสลาย
อังกฤษยังดีที่จักรวรรดิล่มสลาย ยังคงเหลือแผ่นดินแม่คือ เกาะเล็กๆอยู่มหาสมุทรแอตแลนติคเหนือที่ชื่อว่าเกาะอังกฤษอยู่
จากประเทศมหาอำนาจที่ 1 ของโลก ตอนนี้ต้องเดินตามนโนบายของอดีตอาณานิคมของตัวเองที่ชื่อว่า
สหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นมาเป็น No.1 แทน
ป.ล. ไม่ได้เป็นที่ 1 แล้ว ที่ 2 ที่ 3 ยังไม่ได้เป็นเลย ตกรูดไปเยอะ
ป.ล.2 ว่าจะเขียนบทความเรื่องสงครามร้อยปี อังกฤษ-ฝรั่งเศส อยู่พอดี เดี๋ยวอีกไม่กี่วันจะเขียนให้อ่านกันนะครับ