เห็นช่วงนี้หุ้นลงหนักจัดๆ ถามว่าผมถัวมั้ย ก็ซื้อบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก อีกใจนึงซื้อเสร็จก็กลัวว่าหรือจริงๆเราควรอยู่เฉยๆไปจะดีกว่า ทีนี้เลยมีคำถามอยากถามกับผู้มีประสบการณ์ถัวหุ้นครับ ว่าท่านเคยถัวหุ้นแล้วเป็นยังไงบ้าง สุดท้ายแล้วกำไรหรือขาดทุน และตอนนั้นที่ถัวทำไมถึงถัวครับ

เล่นแต่ตัวใหญ่ใน Set50 แบ่งไม้ และถัว สุดท้าย ไม่เคยขาดทุนแม้แต่ตัวเดียวครับ รอจนวิ่งกลับมาได้หมดครับ

จุดที่ซื้อถัวคือที่แนวรับครับ เปิดกราฟ แล้วตั้งรอเลย

ผมถัวประจำครับ จริงๆก็ตั้งใจแบ่งไม้ซื้อตั้งแต่แรกนั่นแหละ

คือเราไม่รู้ว่ามันจะลงไปถึงไหน ก็เฉลี่ยๆซื้อไปให้ได้ราคาดีที่สุด แล้วก็รอมันเฉยๆเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง

แต่มันต้องดูด้วยว่าหุ้นที่จะถัวมันหุ้นดีหรือเปล่า ซื้อตอนราคามันลงไปเยอะๆแล้วหรือยัง มีปันผลหรือเปล่าจะได้ถัวแล้วรอสบายๆ

ไม่ใช่ไปซื้อพวกหุ้นซิ่งแหกโค้ง ปันผลก็ไม่มีแล้วถัวเรื่อยๆแบบนั้นไม่ไหว

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์มากครับ

เคยถัวเฉพาะเวลามันเข้า Value และต่ำกว่า MOS ที่กำหนดไว้
อย่างเช่น
Fair Price = 10 บาท
ตั้ง MOS = 30%
ราคาเข้าคือ 7 บาท

ผมก็แบ่งซื้อเป็นไม้ๆไป (เรียกถัวปะ 555)
ถ้าลงอีกก็เพิ่มอีกจนครบไม้ ตอนนั้นถัวแค่ LALIN
ตอนนี้ก็กำไรนะ ถือมาตั้งแต่ปี 2018 มั้ง

ตอนนี้ก็ถัวหุ้นนอกบางตัวอยู่ มันเข้ามูลค่าละ, MOS ก็ได้ละ


มั่นใจในการบ้านที่เราทำก่อนซื้อแค่ไหนฮะ มั่นใจก็ซัดเลย
ถ้าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยนนะ

บางทีเราต้องแยกก่อนที่ราคามันลงคือวิกฤติตลาดหุ้น หรือ วิกฤติบริษัท
ถ้าวิกฤติตลาดก็อยู่เฉยๆ หรือซื้อเพิ่มเมื่อเข้ามูลค่า
แต่ถ้าวิกฤติบริษัทดูต่อว่าชั่วคราว หรือ ถาวร
ถ้าถาวรก็เปลี่ยนครับ แค่นั้น

กล้าเมื่อคนกลัวนี่ควรใช้กับวิกฤติตลาดไม่ใช่วิกฤติบริษัท

ใช่ครับ พื้นฐานหุ้น ปันผล พวกนี้สำคัญมากในการตัดสินใจถัว แล้วก็ต้องไม่ใช่หุ้น commo ด้วย แบบ stgt งี้ เห็นละจะร้องแทนคนติดดอย

แบบท่านเลยครับคือราคามันลงจากที่เรา project fair value ในอนาคตไว้ ยิ่งลงก็ยิ่งมี mos ส่วนเรื่องพื้นฐานบริษัทผมประเมินละก็ศึกษาบริษัทประมาณนึงตั้งแต่ก่อนซื้อแล้ว พวกวิกฤติบริษัทจากหุ้นที่ถือเคยมีตัวนึงที่พื้นฐานเขาเหมือนจะเปลี่ยนอันนั้นผมไม่คิดเลยคือขายทุกราคาเพราะเราคิดผิด ส่วนตัวในพอร์ทตอนนี้ที่ราคาลงเหมือนจะมาจาก sentiment ตลาดด้วยส่วนนึง เรืองพื้นฐานบริษัทจากที่มองเหมือนจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป เพียงแต่เวลาซื้อหุ้นช่วงที่มันลงมาเยอะๆก็แอบมีเอ๊ะในใจว่าเราอาจจะคิดไรผิด หรือมีปัจจัยอะไรที่เราไม่รู้หรือเปล่าทุกที

ลงเพราะพวกดอกเบี้ย และภาพมาโคร เหมือนที่เราเข้าใจกันอะครับ
แต่ส่วนใหญ่เขามองไปที่อนาคตนะ เช่นเป้าปีหน้า ใน OppDay ตรงนี้ไม่แน่ใจดูด้วยหรือเปล่า
อย่างหุ้นบางตัวเคยประกาศปีหน้าโต 10% คราวนี้กลับลำบอกเหลือ 7% พอ
อันนี้ก็โดนเทได้เหมือนกัน

หรือบางทีไม่ได้บอกเป้า แต่บอกว่า
ปีหน้าจะเป็นปีที่อุตสาหกรรม semi-conductor จะโตลดลง ช่วงไตรมาส 2
อันนี้ก็เป็นแนวโน้มให้คน Discount P/E ลงมาได้เช่นกัน

หรือเรื่องของ Timing ในการซื้อ
อย่างหุ้น รพ. Timimg การซื้อคือปีหน้า
เพราะ Real Demand มันกำลังมา
คนคาดการณ์ว่าเดี๋ยวรายได้จะตก เพราะไม่ได้อานิสงค์วัคซีนแล้ว
พอประกาศออกมามันก็จะตามคาด ราคามันก็จะลงต่อ

ต้องดูพื้นฐานในปัจจุบัน+แนวโน้มอนาคตอีกทีครับผม

อย่างแรกขอให้เข้าใจก่อนว่าแต่ละคนมีแผนในการลงทุนต่างกันครับ บางคนหวังกำไรปีต่อปี บางคนหวังลงทุนเพื่อเป็นเงินเกษียณ บางคนไม่อยากเห็น port ติดลบเลย บางคน port แดงก็ยังชิลๆ style ของแต่ละคนมันต่างกัน บางคนนั่งจ้องทุกวัน บางคนเน้นเกาะหุ้นกระแส บางคนเน้น valuation บางคนไม่สนเรื่องพื้นฐานของหุ้นเลยดูกราฟอย่างเดียว เพราะฉะนั้นต้องถามตัวท่านเองว่าท่านเป็นคนลงทุน style ไหน

สำหรับผมเป็นสาย VI ที่ประเมินดูพื้นฐานของบริษัทในเวลานั้นๆเพื่อดูว่าราคาหุ้นของบริษัทนั้นมัน overvalue หรือ undervalue สำหรับผมถ้าเจอตัวไหนที่อยู่ในสายตาผม undervalue อยู่ผมถัวเลยยกตัวอย่าง META ผมไม่สนว่ามันจะลงอีกมั้ยในระยะสั้นตราบใดที่ valuation มัน make sense เดี๋ยวราคามันก็กลับมาอยู่ในที่ที่เหมาะสมเอง

ผมถัวหุ้นไทยตลอดนะ เพราะตอนเราซื้อ เราประเมินแล้วว่ามันราคาถูก แค่เพราะราคามันถูกลง มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงธุรกิจอะไร หุ้นส่วนใหญ่ในไทยของผมเป็นหุ้นใหญ่ value จ๋าๆ จ่ายปันผลดี

สุดท้ายก็มีขายขาดทุนบ้าง ไม่บ่อยหรอก ส่วนใหญ่ผมตัดขายขาดทุนก็ไม่ใช่เพราะว่าหุ้นมันไม่ดีแล้วหรือเราคิดผิด แต่เพราะมีตัวอื่นที่ราคามันถูกกว่า ดีกว่า ผมก็สลับไปถือหุ้นที่ผมคิดว่าดีกว่า ขึ้นอยู่กับ Upside/MOS ตัวไหนดีกว่ากันแบบเห็นได้ชัด หลายครั้งก็สลับไปแล้วก็กลับไปถือหุ้นเดิมนะ

ที่ทำงี้เพราะว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องรอให้หุ้นกลับมากำไรอ่ะ หุ้นไหนดีกว่าเราก็ควรถือในสิ่งที่ดีกว่า ผมไม่ค่อยคิดเรื่องว่าตัวไหนจะกำไรหรือขาดทุนอ่ะ แค่ระยะยาวเราต้องกลับมากำไรก็พอ เช่น ถือหุ้นอสังตัวนึงมี upside 30% แต่ระหว่างเราถือ มีหุ้นอสังอีกตัวราคาลงจนมี upside 40% ผมก็ยอมขายขาดทุน สลับหุ้นไปเลยนะ

ก็ทำงี้เรื่อยๆมาตลอด ภาพรวมก็กำไร แต่ถ้ากรณีอย่างแย่เลย ปันผลก็ล้างขาดทุนจากราคาอ่ะแหละ



ถ้าหุ้นนอก ผมจะถือยาวตัวที่ทุกคนรู้จักดี ราคาเหมาะสม จะลงจะขึ้นก็ถัวๆไป ไม่สลับหุ้น ส่วนนึงเราก็ไม่ได้รู้จักหุ้นนอกมากมายจนเราสลับตัวหุ้นได้

ตอนนี้ก็แดงยับๆ

เทรดเดอร์สายมาโครอย่าง Paul Tudor Jones ยังไม่ถัวขาลง เขียนวลี LOSERS AVERAGE LOSERS แปะผนังไว้เตือนใจตัวเอง

เทรดเดอร์สายโมเมนตัมที่ดูทั้ง ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค อย่าง Mark Minervini ก็ไม่เทรดหุ้นขาลง

เจอเทรดเด้อ SS เข้าไป จบเลย 555

อยู่ที่แผนกับการวางเงิน และจุดที่ยอมแพ้ครับ จำไว้แค่ว่า ถ้าออเดอร์นี้ผิดแล้วยังไงต่อ จัดการยังไง