มันก็กระทบครับ แต่บริษัทขนาดใหญ่ เขามีต้นทุนด้านแรงงานต่ำกว่า sme มากนะครับ
โดยเฉลี่ยมันคือ 10-20 % หากแรงงานมีราคาสูง หลายธุรกิจเขาสามารถปรับรูปแบบใช้เครื่องจักรในการผลิตมากขึ้นได้

แต่ลองนึกถึงธุรกิจ sme บางทีต้นทุนมัน 30-40 % ของต้นทุนรวมนะครับ

หรืออันที่จริง ถ้าขึ้นค่าแรง มันก็กระทบบริษัททั้งหมดนั่นแหละครับ

เห็นด้วยมากๆ อย่างอื่นไม่พัฒนาเศรษฐกิจไม่ดีก็มีแต่พัง ไม่ใช่ว่าเงินเดือนเยอะขึ้นแล้วแปลว่าเศรษฐกิจดี

ยังงัยก็กระทบ แค่มากหรือน้อย

ปัญหาคือ sme รายย่อยนั่นแหละ

อำนาจต่อรองในการซื้อน้อย

อำนาจในการซื้อของมาสต๊อคก็น้อย

ตอน เจ๊ปูปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ร้านแถวบ้านผมรายเล็กรายน้อย ก็ไม่ได้ปิด แต่ลดลูกจ้าง

กับขึ้นค่าวัตถุดิบ

มันค่อยๆขยับขึ้นไม่ใช่หรอ ไม่ได้อยู่ดีๆพรวดมา 600
แล้วปัจจุบันค่าครองชีพขึ้นเอาๆ แต่ค่าแรงแทบไม่ขยับ เราจะอยู่กันอย่างนี้หรอครับ

คหสต.นะครับ

คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องค่าแรงเยอะที่สุด คือธุรกิจที่อยู่สินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ยา เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย ตอนนี้น่าจะต้องรวม พวกสื่อสาร ไปแล้วด้วย (ลองส่องๆดูบริษัทในไทยเราครับว่าเจ้าไหนครองตลาด)

1.รายได้ประชากรมากขึ้น >> มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นกับองค์กรที่ครองตลาดพวกปัจจัยพื้นฐาน

2.ต้นทุนที่เยอะที่สุดขององค์กรคือต้นทุนแรงงาน ซึ่งองค์กรใหญ่ๆเขาเริ่มใช้ระบบ automation ทั้งใน ไลน์ผลิต หรือ Warehouse กันหมดแล้ว >> ต้นทุนถูก ไม่ได้รับผลกระทบมากจากการขึ้นค่าแรง ลอยแพแรงงาน

3.จากข้อ 2 SME ตายก่อนแน่นอน >> ลดคู่แข่งในอนาคต

4.ประชากรมีกำลังจ่ายมากขึ้น + ตัวเองคุมตลาด >> ตั้งราคาเอากำไรได้มากขึ้น


ส่วนตัวคิดว่านโยบายสุดโต่งนี้ ทำได้แน่นอน แต่ประโยชน์สูงสุดไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่ตกอยู่กับองค์กรที่เป็นสายป่านให้กับพรรคเพื่อไทยครับ

เห็นด้วยเรื่อง SME กับรายย่อยครับ พังแน่ๆ

มันมีแนวทางการชดเชยภาษีให้ผู้ประกอบการมาช่วยนั่นแหละครับ

เพียงแต่ว่าการบูสต์การใช้จ่ายและการดึงคนเข้าฐานภาษีรายได้บุคคลธรรมดาจะคุ้มที่ตรงไหน

มันต้องลอง simulate ออกมาดูครับ

ความเห็นผม ยังไงก็ต้องขึ้นครับ

เพราะค่าครองชีพขึ้นไปรอแล้ว ขืนกดค่าแรงไปอีก

พนักงานจะอยู่ไม่ได้

สุดท้ายต้องมีแผนที่รองรับ เป็นระบบ ทั้งเอกชน SME รายใหญ่ ยังไงก็รอดไปต่อ

ส่วยรายย่อย ต้องมีมาตรการมารองรับไม่งั้นล้มกันครืนแน่ๆ ลดอัตราดอกเบี้ย ส่งเสริมลงทุน

ที่สำคัญการผลักดันแรงงานมีฝีมือให้มากขึ้น เพราะการจ้างงานจะคัดคนมีฝีมือทำงาน

ปัญหาค่าแรงภาครัฐอ่ะหนัก ตลอดหลายปี การจ้างพนักงาน ลูกจ้างรัฐ กำลังพลทหาร ตำรวจ

ต้องพิจารณา ความเหมาะสมกำลังพลให้ดีๆ เพราะส่วนนี้คือภาระผูกพัน ของรัฐ

ถ้าเทียบรายได้ขั้นต่ำกับประเทศอื่น ใช่ครับ เราน้อยมากๆ

แต่ถ้ามองภาพกว้างว่าเราเป็นฐานการผลิต ถือว่าเยอะมากๆแล้วครับ

ก่อนที่จะมาเพิ่มรายได้ขั้นต่ำ อาจจะต้องควรเร่งพัฒนา Start Up ก่อน

ไม่งั้นเพิ่มมา ผลก็แค่ว่า โรงงานย้ายหนี ของแพงขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านย้ายมา

แต่ "คุณภาพชีวิตเท่าเดิม หรือไม่ต่างไม่จากเดิม"

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป คือ ค่าแรงเท่านั้นเอง

ขึ้นไม่ได้หรอก เพราะมันกดหัวเราอยู่ ขึ้นSMEตาย ขึ้นข้าวจานละ150 ขึ้นค่าครองชีพสูง เราก็จะโดนเหยีบให้จมไปกับคำๆนี้ทุกยุคทุกสมัยเหมือนเดิม
เห็นบอก SME จะตายตั้งแต่ค่าแรง 300 ละ เลอะเทอะชิหาย

บ เทค เขาคงไม่ได้จ้างที่ค่าแรงขั้นต่ำมั้ง

อย่าเอาแต่โทษค่าแรงขั้นต่ำสิ 555

นึกภาพเป็นผู้ประกอบการกำลังฟื้นจากโควิด

อยู่ดีๆ
ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ค่าแรง 600 บาทต่อวัน
เหมือนปลุกมากระทืบซ้ำ

ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ค่าแรงขั้นต่ำนี่มันควรอยู่ที่เท่าไร .... เอาตรงๆ แต่ละพื้นที่ ปัจจัยก็ไม่เหมือนกันอีก

สมมุติเลย ได้ 400/วัน --> เดือนนึงก็ 12000 แบบไม่หยุดเลยนะ ถามว่าอยู่ใน กทม มันพอไหม (ข้าวตอนนี้ จานละ 60 ละ ประหยัดๆกินมื้อ มาม่า 2 ห่อมื้อ + น้ำด้วย ตีกลมๆ 100/วันค่าอาหาร)

เหลือ 9000 สำหรับ ค่าเดินทาง ค่าเช่าห้อง ค่ารักษา ค่าโทรศัพท์ โน้นนี่นั้น ผมก็ว่ามันไม่พอนะ .... แต่ถ้าได้ 12000 ในจังหวัดที่ค่าครองชีพมันไม่สูงมากนัก มันก็อาจจะไม่หนักเท่าใน กทม. แต่ก็แทบจะไม่เหลืออะไรมากมายอยู่ดี

มันก็แค่นโยบายด้านนึงนะ ก็เหมือน 30 บาทแหละ ขาดทุนด้านนึง เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่หนักเกิดไปซึ่งไปสร้างผลผลิตได้มากขึ้น

ปัญหาคือจะทำยังไงให้ผลผลิตมันเพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าการขึ้นค่าแรง ส่วน พท ได้บอกวิธีการไว้ไหม ผมไม่ได้อ่านนะ

ผมยกตัวอย่างในแง่ลดค่าแรงบุคลากรเพื่อลดต้นทุนมากกว่าครับว่ามีผลแม้จะเป็นองค์กรณ์ใหญ่
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นค่ำต่อให้จะเพิ่มเป็น 600 หรือพันนึง ผมก็ไม่ได้ปรับอยู่ดี จะกระทบเพราะค่าครองชีพสูงขึ้นแค่นั้นแหละ

.