ไม่มีหรอกไม่ต้องกลัว มันเป็นอาวุธที่มี แต่ใช้ไม่ได้

แค่ขู่แหละครับ ยุคนี้ ไม่เหมือนยุคก่อน การจะใช้นิวเคลียร์ มันต้องคิดให้รอบคอบ บทเรียนมีให้เห็นแล้วตอนสงครามโลกครั้งที่2 คนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ได้รับผลกระทบมากแค่ไหน

ใช้เมื่อไหร่ ก็หมดอำนาจ
เจอลุมกินโต๊ะยับๆแน่

ส่วนตัวนะครับ ความคิดส่วนตัว

อาวุธนิวเคลียร์เป็นอาวุธที่ไว้ใช้บลัพใช้ขู่กันเท่านั้น ไม่มีใครกล้าใช้จริง

ตั้งแต่มีอาวุธนี้มา 77 ปี คือสร้างได้ในปี 1945

และใช้จริงก็ใน 1945 นั่นล่ะ แค่สองลูก ที่สองเมืองของญี่ปุ่นแบบที่เรารู้

ซึ่งตอนนั้นแม้ผู้สร้างเองยังไม่รู้เลยว่ามันมีสารกัมมันตภาพรังสีตกค้างอีกครึ่งศตวรรษได้

หลังสงครามปีสองปีสหรัฐพัฒนาอาวุธต่อ จุดระเบิดแล้วยังให้ทหารเดินไปจุดที่ระเบิดเลย
(ท้ายสุดทหารพวกนี้โดนกัมมันตภาพรังสีและเจ็บป่วยกันทุกคน)


มีเกือบๆใช้อีกครั้งหนึ่งในสงครามเกาหลี ที่ UN นำโดยสหรัฐตีโต้เกาหลีเหนือจนถึงเปียงยาง

แล้วทหารจีนข้ามพรมแดนมาช่วย นายพลแม็คอาเธอร์ ขอ(แกมสั่ง)ใน ปธน.ทรูแมนเซ็นอนุมัติให้ใช้ระเบิดนิวเคลียร์

เพื่อที่ทหารสหรัฐและ UN จะได้ไม่ต้องสูญเสียในการการรบกับทหารจีนนับล้าน

แต่ ทรูแมน ไม่เซ็น แถมปลด นายพลแม็คอาเธอร์ออกจากการเป็น ผบ.การรบด้วย

เหตุผลง่ายๆ คือไม่เอาอีกแล้วกับการเซ็นอนุมัติให้ใช้ระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งตอนสงครามโลก ก็ทรูแมนนี่ล่ะเป็นคนเซ็นคำสั่งให้ใช้กับญี่ปุ่น

ผลคือสงครามเกาหลีไม่จบ แค่เซ็นหยุดยิงกันจนถึงปัจจุบัน และแบ่งสองเกาหลีแบบที่เราเห็น
(ถ้าใช้นะ เกาหลีรวมประเทศเป็นประชาธิปไตยไปแล้ว ตอนนั้นจีนยังไม่มีนิวเคลียร์ รัสเซียมีแล้วแต่ยังไม่พร้อมใช้งาน)



ส่วนตอนนี้ ชาติที่มีนิวเคลียร์นะครับ
1. USA
2. รัสเซีย
3. อังกฤษ
4. ฝร่ังเศส
5. จีน
6. อินเดีย
7. ปากีสถาน
8. อิสราเอล (มีแบบไม่ยอมรับว่ามีแบบเป็นทางการ แต่มีแน่)
9. น้องใหม่ เกาหลีเหนือ

ไล่ดูแต่ล่ะชื่อแล้ว ถ้าไม่นับเกาหลีเหนือ ไม่มีชาติไหนกล้าใช้หรอกครับ เพราะมันมีอะไรต้องเสียเยอะ เสียมากกว่าได้

เพราะประเทศเหล่านั้นมี GDP มวลรวมมหาศาล มีประชาชนที่ต้องดูแลกันเยอะ ทำสงครามไปแต่คนในประเทศต้องเสี่ยง ต้องอดอยาก ไม่คุ้มครับ


ส่วนเกาหลีเหนือ ประเทศนี้น่าสนใจ เพราะไม่มีอะไรให้เสีย แต่ก็ไม่น่าใช้เพราะมีไว้แค่ขู่ไว้ให้ประเทศอื่นเกรงใจแค่นั้น


อีกอย่างระเบิดนิวเคลียร์อ่ะทำง่าย แค่มีพูโตเนียม ยูเรเนี่ยม บริสุทธิ์จำนวนไม่กี่กิโลก็ทำได้แล้ว

วิธีการทำก็หาได้จากเน็ตการทำงานของระเบิดไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่มีเครื่องจักรโรงงานดีๆหน่อยก็ทำได้แล้ว

แต่มันยากตรงที่มีแล้วจะเอาไปใช้ยังไง แบกไปแบบในหนัง พีชเมคเกอร์ก็ไม่ไหว

มันต้องมีตัวนำพาระเบิดไปครับ จะเอาขึ้นเครื่องบินทิ้งระเบิด บินไม่ถึงไหนก็โดนยิงตกก่อนชัวร์ๆ

จะใส่จรวดแบบเชื้อเพลิงแข็งก็ไปได้อย่างมากไม่ระดับ 100 กม. ยังไม่ข้ามชายแดนนตัวเองด้วยซ้ำ

มันต้องระดับจรวด จรวด ICBM (Intercontinental Ballistic Missile) จรวดข้ามทวีป

ก็ราวๆจรวดน้องๆยิงส่งดาวเทียมล่ะครับ คือยิงขึ้นไประดับสตาโตสเฟียร์โคจรระดับต่ำแล้วโปรแกรมในตกลงที่เป้าหมาย

ซึ่งจวรดพวกนี้เทคโนโลยีสูงและแพงมากประเทศที่มีนิวเคลียร์แต่ไม่มีเทคโนโลยีนี้ก็
- อิสราเอล ไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะมีปัญหากับเพื่อนบ้านใกล้ๆแค่นี้เอง จรวดธรรมดาหรือเครื่องบินก็ทิ้งได้

- ปากีสถานและอิินเดีย สองชาตินี้มีเทคโนโลยีนะ และกับนิวเคลียร์ไม่ต้องใช้เพราะประเทศอยู่ติดกัน มีปัญหากันแค่สองประเทศล่ะ

- เกาหลีเหนือ ที่ออกข่าวทดลองๆอ่ะ มันทดลองจรวดนะว่าจะยิงไกลแค่ไหน ตอนนี้คาดว่ายิงได้จริงๆราวๆ 2-3000 กม. (ยังยิงไม่ถึงสหรัฐ)

ส่วนชาติที่เหลือมีศักยภาพยิงนิวเคลียร์ข้ามทวีปได้หมด แต่มีแต่ประเทศรวยๆ คงไม่อยากล่มจมกันตอนนี้หรอก


ที่น่ากลัวสำหรับสหรัฐคือผู้เล่นหน้าใหม่ที่เสถียรภาพในประเทศไม่นิ่งมากกว่า พวกนี้ถ้ามีมันจะพร้อมใช้เลย

ลองนึกถึงประเทศที่เกลียดสหรัฐและอิสราเอลมากๆเช่น อิหร่าน ซีเรีย อัฟกานีสถาน หรือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

พวกนี้ถ้ามีแค่ลูกเดียวก็น่าจะพร้อมใช้เลยกับสหรัฐไม่ก็กับอิสราเอล


อ่อ ลืมบอกข้อมูลอีกอย่างที่ไม่ยืนยัน แต่น่าเชื่อถือ ตอนสงคราม 6 วัน อิสราเอล-ชาติอาหรับอ่ะครับ

ดีที่อิสราเอลชนะได้ ใช้เวลาแค่ 6 วัน ถ้าผลเป็นอีกอย่างคือ อิสราเอลโดนชาติอาหรับบุกจนจะแพ้

ตอนนั้นอิสราเอลจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ครับ ทั้งๆที่ตอนนั้นอิสราเอลยังไม่มี (แต่รู้กันนะว่าอิสราเอลได้อาวุธมาใช้ก่อนจากไหน อิอิ)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ แล้วประเด็นเรื่องรุมกินโต๊ะอ่ะครับ ท่านคิดว่าไง
สมมุติมีชาติไหนกล้าใช้จริง ประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์อื่นๆ
จะมารุมกินโต๊ะชาตินั้น แม้จะไม่ได้เป็นคู่สงครามโดยตรงจริงไหม

ลองมานึกๆเกิดยิงนิวเคลียร์กันจริงๆ เเล้วรัสเซียดันรอดยุโรปโดนเละเมกาก็โดนเช่นกัน เเล้วปูตินมันจะอยู่ยังไง ในเมื่อไม่เหลืออะไรให้ปกครอง อยู่ได้เเต่บังเกอร์ใต้ดินได้เเต่ปกครองพื้นที่เล็กๆในนั้นอ่ะ เผลอๆจะเหมือนในหนัง อยู่ในบังเกอร์จนสติเเตกไม่มีใครฟังคำสั่งใคร กินกันเองฆ่ากันเอง เผลอๆโดนลูกน้องตัวเองจับตุ๋ยอ่ะ

สมมุติถ้ายิงจริง มันก็เหมือนใบอนุญาตให้อีกฝ่ายใช้อาวุธหนักตอบโต้กลับ ได้ไม่คุ้มเสียเลยครับ แล้วยูเครนก็อยู่ติดกับรัฐเซีย ไม่กลัวฝุ่นรังสีลอยกลับเข้าประเทศตัวเองหรือ?

ส่วนเรื่องรุมกินโต๊ะ ผมว่าคนที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งเขาคงไม่ส่งทหารเข้าไปรุมหรอก น่าจะเป็นการ sanction จากทั่วโลกมากกว่า ค้าขายไม่ได้ ไม่มีเสบียงสนับสนุน มันก็สู้ไม่ไหวไปโดยปริยาย สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้

ข้อมูลแน่นมากครับ ผมขอทราบทัศนะท่านหน่อยครับว่า "รัสเซียจะลงแบบไหนครับ" จากที่ผมอ่านของท่านมาเหมือนท่านจะเอนไปทาง "ไม่ยิงนิวเคลียร์แน่นอน" เพราะรัสเซียสูญเสียมากกว่าได้

แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสงครามนี้จะยืดเยื้อไปอีกนานขนาดไหน และรัสเซียจะทำยังไงต่อเพราะล่าสุดก็เห็นมีข่าวเกณฑ์กำลังพลเพิ่ม แสดงให้เห็นว่าปูตินไม่ยอมแพ้ศึกนี้แน่นอน(ฟีลเหมือนไม่อยากเสียหน้าเพราะหาทางลงไม่เจอ เลยต้องบุกต่อเรื่อยๆ)นี่แหละที่ผมสงสัยว่าถ้ารัสเซียสู้ศึกนานแล้วแพ้ เป็นไปได้มั้ยว่ามันจะ YOLO ช่างแม่มกูสั่งนิวเคลียร์แล้วบายเลยละกัน ไหนๆกุก้แพ้ละ

ส่วนตัวคิดว่าฤดูหนาวนี่คือศึกตัดสินของปูตินล่ะ เพราะแกคิดว่าทางยุโรปต้องซื้อก๊าซธรรมชาติจากแก ไม่งั้นคงหนาวกันค่อนทวีป ตรงจุดนี้ปูตินอาจจะเจรจาต่อรองให้ทางฝั่งยุโรปเลิกสนับสนุนยูเครน โดยแลกกับการค้าขายก๊าซธรรมชาติ พอขาดการสนับสนุน แกก็จะได้สั่งบุกเต็มอัตราศึก

สมมุติว่าถ้าผ่านฤดูหนาวไปแล้วยังปิดจ็อบไม่ได้ น่าจะเข้าสู่การเปิดโต๊ะเจรจายุติสงครามแล้วมั้ง

ยากจะเข้าใจคนบ้าอย่างปูตินครับ 55555+

แต่ยิ่งนานคนยิ่งเสียคือรัสเซียเอง

ทหารผู้รุกรานย่อมมีใจในการรบสู้ทหารผู้ป้องกันประเทศไม่ได้

สิ่งที่ปูตินถือไพ่เหนือคือพลังงานครับ เป็นไพ่เด็ดเลย นี่จะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย

ถ้าปูตินมีอำนาจเบ็ดเสร็จจริงๆอันนี้น่ากลัว เพราะหมอนี่มันอาจจะบ้าได้มากกว่านี้

แต่ถ้ามีอำนาจแต่ไม่ได้เบ็ดเสร็จ ผมว่านายพลรัสเซียนานวันไปจะไม่เห็นด้วย เหมือนสมัยสงครามโลก

ที่นายทหารเยอรมันเยอะเลยที่เริ่มไม่เห็นด้วยกับฮิตเลอร์

อยากรู้อนาคตผมจะใช้วิธีศึกษาประวัติศาสตร์ มันช่วยพอเป็นไกดไลน์ได้

แต่ที่แน่ๆคือไม่ใช้นิวเคลียร์แน่นอนครับ

ตอนนี้ก็รุมกินโต๊ะอยู่นะ ชาติตะวันตกสนับสนุนยูเครนเต็มที่ทุกด้าน

เพียงแค่ไม่ส่งทหารมาร่วมรบ ใครจะมาก็ต้องลาออกก่อน มาเป็นทหารอาสารับจ้างช่วยยูเครน

กลยุทธนี้เหมือนสงครามในลาว ที่สหรัฐไม่เคยมาทำการรบในลาว ทหารไทยก็ไม่ได้ร่วมรบในลาว

แต่จะเป็นทหารอาสา ของไทยคือ ต้องลาออกจากราชการก่อน แล้วอาสาเข้าไปรบ
(รบเสร็จกลับมารับราชการได้ 5555+)


ส่วนเรื่องใช้นิวเคลียร์

สมมุตินะครับ สมมุติแบบสุดๆ

ถ้าปูตินใช้จริง มันเป็นข้ออ้างที่ดีเลยในการใช้นิวเคลียร์ของชาติอื่นๆ

และถ้าชาติอื่นๆใช้กับรัสเซีย คือตอนยิงมามันไม่ได้ติดป้ายนิว่าใครยิงมารัสเซีย

รัสเซียก็ตอบโต้แน่ ตอบโต้ตามเป้าหมายที่โปรแกรมไว้อ่ะครับ

คือจรวดทุกลูกอ่ะ มันไม่ใช่อยู่เฉยๆ มันกำหนดเป้าหมายไว้แต่แรก กำหนดไว้ตั้งแต่ตอนติดตั้งแล้ว

เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นมันเสียเวลา กว่าจะมาตั้งเป้าหมายตั้งพิกัดกันสดๆ

อย่างเช่นยิงไป LA. ขีปนาวุธน่าจะติดตั้งไว้แถบตะวันออกของรัสเซีย อย่างที่วลาดีวอสตอค หรือคาบสมุทรคัมชัตค่าที่ใกล้ๆอลาสก้า



ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุยเรื่องยุทธวิธีอาวุธนิวเคลียร์แล้วกัน

กลยุทธการทำลายมีดังนี้ครับ

1. ทำลายหัวใจและสมอง คือยิงไปที่ที่ทำการรัฐบาลของศัตรู ให้รัฐบาลล่มสลาย ทำลายศูนย์กลางการบัญชาการ

2. ทำลายแขนขา อาวุธ คือ ยิงทำลายไซโลยิงขีปนาวุธของศัตรูให้หมด ไม่ให้มีการตอบโต้ได้

ดูง่ายๆนะครับ แต่ไม่ง่ายเลย

เพราะจะรู้ได้ไง เวลานั้น ศูนย์การรัฐบาลศูนย์กลางการบัญชาการของศัตรูอยู่ที่ไหน

ของสหรัฐเค้ามีระเบียบปฏิบัติและการซ้อมเป็นประจำ

ของสหรัฐนะครับ ถ้าเกิดวิกฤตขึ้นมา ปธน.สำคัญที่สุด จะอยู่ที่ไหนต้องรีบย้ายก้นขึ้นฮ.ประจำตำแหน่ง

ขึ้น ฮ.มาสนามบินที่ แอร์ฟอร์ซวันจอดอยู่ จากนั้นบินบัญชาการและไปสู่บังเกอร์ VVIP (ที่คนทั่วไปไม่รู้ว่าอยู่ไหน)

บังเกอร์นี้สามารถจุคนได้นับพัน มี น้ำ อาหาร ยา พลังงาน อยู่ได้น่าจะ 2 ปีขึ้นไป

ถ้าเกิดเหตุกับ ปธน. สายการการบังคับบัญชาจะไล่ลงไป
- รอง ปธน.
- ประธานสภา
- รัฐมนตรีต่างประเทศ
แล้วลงไปเรื่อยๆ

ส่วนกำจัดแขนขา อันนี้ยิ่งยากกว่าอันแรกอีก แน่นอนรู้อยู่แล้วไซโลยิงขีปนาวุธอยู่ที่ไหน แต่ที่รู้จะมีจริงมั้ย

แล้วที่สำคัญรัสเซียมีฐานยิงเครื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ กับ เรือดำน้ำ



ส่วนของไทยเราไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงจะมีนิวเคลียร์แจกให้ทุกประเทศในโลกได้ประเทศละ 4-5 ลูก

แต่ไทยเราไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ไม่ได้เป็นจุดยุทธศาสตร์อะไร ไม่มีใครจะแบ่งปันความสุขนี้ให้ไทยหรอก

อีกอย่างหลังจากยิงล๊อตแรกไป การยิงล๊อตที่สองคงน้อยกว่าล๊อตแรกเยอะ เพราะมันเริ่มพินาศกันแล้ว สั่งการกันไม่ได้แล้ว

ผลกระทบอ่ะมี เราอาจจะไม่ตายเพราะระเบิด แต่เราอาจจะตายหลังจากนั้นไม่โดนรังสีที่ปลิวมากก็อดตายเพราะโลกขาดแคลนอาหาร

แล้วถ้าเป็น สหรัฐ หรือ อังกฤษ หรือ ฝรั่งเศส ยิงใส่ประเทศเล็กๆอ่ะครับ

ท่านว่าชาติอื่นๆ ก็จะรุมยิงนิวเคลียร์ใส่เหมือนกับเคสรัสเซียไหม ?

เรื่องกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดนิวเครียร์เนี่ย มันไม่มีนี่ ตอนญี่ปุ่นโดนคนรอดตั้งเยอะ เพราะมันสลายไปตามแรงระเบิดหมด พลังงานหมด ไม่ได้เหมือนอย่างโรงไฟฟ้า มันมีพลังงานปล่อยออกมาเป็นกัมมันตภาพรังสี

มันเป็นไปได้ยากถึงยากมากที่สุด ไม่มีความเป็นไปได้เลย

1. สามชาตินี้ อาวุธเหนือกว่าชาติเล็กๆ แค่อาวุธที่มีกับยุทธวิธีดีๆก็ปราบชาติเล็กๆได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้นิวเคลียร์

เหมือนเราอ่ะครับ ถ้ามีเรื่องกับคนตัวเล็กกว่า ชกเราแทบไม่โดน โดนก็โดนเบาๆไม่รู้สึกอะไร เราสวนไปหใัดเดียวก็แทบล้มแล้ว

เราคงไม่วิ่งหนีกลับบ้านไปเอาปืนมายิงหรอกมั้ง แค่ดีดๆก็ล้มแล้ว

2. สามชาตินี้มีเพียงสหรัฐชาติเดียวที่เคยใช้มัน แถมตอนใช้นี่ใช้เพื่อนสงวนชีวิตทหารทั้งของสหรัฐและญี่ปุ่นเอง รวมทั้งพลเรือนของญี่ปุ่นด้วย

ตอนนั้นคาดการณ์ว่า ถ้าไม่มีนิวเคลียร์สัมพันธมิตรก็เอาชนะญี่ปุ่นได้ เพราะตอนนั้นเยอรมันแพ้ไปแล้ว

แต่การเอาชนะชาติที่ยึดถือศักดิ์ศรีมากกว่ามากชีวิตแบบชาวญี่ปุ่น ทหารญี่ปุ่นน่าจะตายอีกกว่าล้านนาย

พลเรือนจะตายอีกเป็นแสน เพราะบทเรียนตอนที่ยึดเกาะโอกินาว่าได้แล้ว มีพลเรือนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายนับพันราย

ทหารพันธมิตรน่าจะตายหลายหมื่นคน เพื่อเซฟชีวิต เลยต้องใช้เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นยอมแพ้

ตอนแรกก็คิดว่าลูกเดียวน่าจะยอม ที่ไหนได้ต้องลูกที่สองกว่าจะยอม มีคนตายเพิ่มอีก

ซึ่งตอนนั้นสหรัฐมีแค่สามลูกนะ

- ลูกแรก ทรินิตี้ ระเบิดแล้วจากการทดลอง
- ลูกสอง ลิตเติ้ลบอย ลงที่ฮิโรชิมะ
- ลูกที่สาม แฟตแมน ลงที่นางาซากิ

ถ้ายังไม่ยอมแพ้นี่ สหรัฐหมดสต๊อคแล้วนะครับ หากลูกค้ายังต้องการ รอผลิตอีกแป๊บนึง

ส่วนอังกฤษที่ระเบิดนิวเคลียร์ปี 1952 หลังจากสหรัฐมี 7 ปี โครงการของอังกฤษก็ได้รับการช่วยเหลือทางเทคโนโลยีจากสหรัฐ

ทำให้นโยบายนิวเคลียร์ของอังกฤษก็ต้องทำตามสหรัฐ แต่ของอังกฤษออกแนวป้องกันตัวเองมากกว่ารุกราน

เพราะตลอดสงครามเย็นอังกฤษไม่เคยออกอาการคันไม้คันมืออยากใช้เลย ตอนมีวิกฤตการณ์คลองสุเอซ ที่ 1956

ที่อียิปต์ยึดคลองสุเอซคืนจากอังกฤษกับฝรั่งเศส อังกฤษก็ไม่เคยเอานิวเคลียร์มาขู่นะ

ส่วนสงครามเกาะฟอร์คแลนด์ที่โดนอาร์เจนติน่ารุกราน อังกฤษก็รบธรรมดายังไงก็ชนะ ไม่จำเป็นต้องเอานิวเคลียร์มาใช้



ส่วนฝรั่งเศสประเทศที่ไม่เคยรบชนะใครเลยหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1

แพ้ไทยนะในสงครามเกาะช้างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แล้วหลังสงครามโลก ก็แพ้ชาติอาณานิคมอย่างเวียตนามในปี 1954

ยังเป็นคำถามว่า ถ้าในปี 1954 ฝรั่งเศสมีนิวเคลียร์จะใช้กับเวียตนามมั้ย

เพราะฝรั่งเศสนั้นแสนเสียดายอาณานิคมที่เป็นแหล่งรายได้หลักนี้มาก

เพราะกว่าที่ฝรั่งเศสจะมีนิวเคลียร์ก็ปี 1960 ถือเป็นชาติที่ 4 รองจาก สหรัฐ/โซเวียต/อังกฤษ

แล้วฝรั่งเศสนี่ล่ะที่ขายเทคโนโลยีให้กับอิสราเอลแบบลับๆโดยที่สหรัฐไม่รู้


ส่วนสหรัฐเกือบใช้อีกครั้งในสงครามเกาหลี แต่มันเป็นความคิดของคนๆเดียวคือนายพล แม็คอาเธอร์ ที่คนอื่นๆไม่เห็นด้วย

หลังจากนั้น สงครามเวียตนาม สหรัฐก็ไม่เคยมีท่าทีจะใช้ ไม่เกี่ยวด้วยว่าเวียตนามจะมีรัสเซียหนุน

ทหารสหรัฐตายนับหมื่น นายพลเวสต์มอร์แลนด์ ที่เป็นผู้บัญชาการทหารสหรัฐก็ไม่เคยเรียกร้องให้ใช้

เพราะสงครามเวียตนามเป็นสงครามที่เข้าไปช่วยเวียตนามใต้จากการบุกของเวียตนามเหนือ ไม่ได้ไปเพื่อรุกรานเวียตนามเหนือ

ส่วนตอนแพ้ออกมา ก็แค่ปล่อยจอย ไม่เอาแล้ว สงครามที่ไม่ได้อะไรมีแต่เสีย เลยปล่อยจอยเฉยๆในยุค ปธน.ฟอร์ด


สามชาตินี้ยากที่จะใช้กับชาติเล็กๆครับ เพราะล้วนเป็นชาติประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง มีระบบของเค้า ไม่มีระบบเผด็จการครองอำนาจ

การทำอะไรเลยเป็นนโยบายของคนทั้งชาติมากกว่าจะเป็นนโยบายก็คนแค่กลุ่มเดียว

มีสิครับ ของญี่ปุ่นคนตายเพราะเจ็บป่วยจากกัมมันตภาพรังสีในภายหลังเยอะพอๆกับตายตอนระเบิด

คือวัตถุที่มาทำเนี่ยเป็นพวกสารแผ่รังสีอยู่แล้ว คนค้นพบมันคนแรก อย่างมาดามครูรี่ก็ตายเพราะมัน

ไม่ต้องพลูโตเนี่ยม ยูเรเนี่ยมหรอกครับ เอาแค่โคบอลต์ ที่ใช้ฉายรังสีใน รพ. ก็ปล่อยรังสีให้คนตายได้

ในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์มีสารเยอะจริงครับ เพราะเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เยอะ เยอะกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่ใช้ไปสองลูกกับญี่ปุ่น

สองลูกในญี่ปุ่นอ่ะ มันเป็นยุคเริ่มแรก แรงระเบิดแค่ระดับ กิโลตัน TNT แค่ลูกเล็กๆ พลังงานที่ให้น้อยกว่าพลังที่ได้จากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์

ระเบิดสมัยนี้เป็นเมกกะตัน TNT ครับ แถมพวกสารที่มาทำมีความบริสุทธิ์มากกว่าตอนนั้นเยอะ ยิ่งบริสุทธิ์ยิงให้พลังงานเยอะยิ่งแผ่รังสีเยอะ


ที่ประเทศต่างๆไม่กล้าใช้มัน ไม่ใช่เพราะแรงระเบิด แต่เพราะหลังระเบิดแล้วนี่ล่ะอันตรายกว่า ก็พวกกัมมันตภาพรังสีนี่ล่ะ

อย่างสหรัฐเลยพัฒนา MOAB "Mother of All Bombs" ไง


มันเป็นระเบิดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ที่แรงที่สุดของสหรัฐ แต่ก็ทำได้แค่ 11ตัน TNT


ส่วนรัสเซียก็ไม่ยอมน้อยหน้า สร้าง FOAB "Father of All Bombs" ออกมา


ทำออกมาได้แรงกว่าของสหรัฐ 4 เท่า ที่ 44ตัน TNT แต่ยังห่างระเบิดนิวเคลียร์แบบสุดๆ



คือถ้าระเบิดได้แรงๆพอๆกับที่ฮิโรชิม่า แต่ไม่มีกัมมันตภาพรังสีออกมา คงใช้ทำสงครามกันเพลินเลย

ทำลายเป้าหมาย แต่ไม่ทิ้งเอฟเฟ็คสารพิษอะไรไว้