ตอนนี้มีความคิดจริงจังจะย้ายงานครับ
ที่เก่าทำมา 6 ปี เริ่มมาจาก Draftman โฟร์แมน ปัจจุบัน Site Engineer ครับ

บ.เดิม ข้อดี
- บ.โคตรมั่นคง (มีช่วงที่ผ่านมาแผนกผมไม่มีโปรเจ็คทำ ผมนั่งว่างอยู่ออฟฟิศเกือบ 2 ปี โดยไม่มีการลดเงินหรือ Lay off พนง.)
- บ. รับโปรเจ็คกับราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นหลักเลย (โดยใช้คอนเน็คชั่นของเจ้าของบ.เป็นหลัก เขาเส้นใหญ่มากแบบมากๆ)
- ทำงานจ-ศ. หยุดเหมือนข้าราชการ (ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญกับผมเพราะมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากเพราะแฟนผมก็รับราชการ)
- หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน บรรยากาศการทำงานดีมากๆ ทุกคนรอบตัวดีหมด ไม่มีการเมืองในบริษัทเลย

ข้อเสีย
- เงินเดือนน้อย (ถ้าเทียบกับเพื่อนๆที่ทำเอกชนที่อื่นในระยะเวลาพอๆกัน)
- ไม่ถูกกับผู้บริหาร รู้สึกได้ว่าเขาไม่ชอบหน้าผมเป็นการส่วนตัว (เจ้านายใหญ่เขามีหลายบ.ละเขาให้ผู้บริหารคนนี้มาคุมบ.ผม ซึ่งผมไม่ถูกกับคนนี้แหละ) และช่วงหลังๆมานี่ดูเหมือนเขาจะจับผิดและกดดันผมมากเป็นพิเศษ

ผมเลยคิดว่าผมเริ่มเบื่อและเริ่มหมดความอดทนละ ที่ผ่านมาเขาก็ชอบจับผิดผมแต่ไม่มากเท่าปัจจุบัน
คือนิสัยเขาจะแบบ ถ้ามีช่วงไหนเขาต้องใช้ผมหรือมีงานที่ต้องเป็นผมทำเท่านั้น นี่แทบจะอุ้มผมเลย

ยกตัวอย่างเมื่อเดือนสองเดือนก่อนหน้านี้
มีโปรเจคด่วนต้องไปเสนอหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ต้องเขียนแบบโครงการด่วนโดยมี Ref.เป็นแค่รูปถ่ายสถานที่จริงแค่ 5-6 รูป และต้องทำแบบแปลนและแบบโครงสร้างงาน ณ จุดนั้น คือแม่งยากอะแหละเขาก็โยนมาให้ผมทำ (คนอื่นในบ.ไม่มีใครทำ หนีหมด) ผมก็ทำจนเสร็จ เขาก็ชมๆนะและเลิกจับผิดผมไปพักนึง ผ่านไปก็จับผิดเหมือนเดิม

ทีนี้แฟนผมก็ไปสมัครสอบราชการให้ (ผมไม่ค่อยอยาก และคิดว่าคงสอบไม่ผ่านหรอก เรื่องวิชาการในเรื่องที่เรียนผมลืมๆไปหมดละ)
ละก็ไปลงประวัติในเว็บต่างๆเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็เริ่มมีบ.โทรมาเรียกไปนัดสัมฯอยู่ 2-3 ที่ในอาทิตย์หน้า

เลยอยากถามๆความเห็น มุมมองเพื่อนสมาชิกครับว่าในช่วงนี้ กับอายุ 31 นี่หางานยากมากน้อยแค่ไหน เป็นท่านๆจะเอาไงกันต่อ

ขออภัยที่บ่นยาวไปหน่อย ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ส่วนตัว จากเท่าที่ฟังและตามคุณ Cafe1n มาตลอดนะครับ

งานหาไม่ยากครับ ถ้าคุณมีความสามารถพอ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่า
1. ไม่พอใจเงินเดือน ?
2. ไม่พอใจเพื่อนร่วมงาน ?
3. ไม่พอใจหัวหน้า ?
4. ไม่พอใจเรื่องเวลา ?
5. ไม่พอใจเรื่อง career path หรือการเรียนรู้

จากที่อ่านมา ผมว่าข้อสองน่ะแน่ๆ แต่ที่เหลือๆ ผมว่าคุณเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ คุณอาจจะไม่ค่อย happy กับข้อหนึ่งด้วย แต่เท่าที่ติดตาม การที่คุณมีเวลา คุณก็หาเงินกลับมาสมทบข้อ 1 ได้แล้วในระดับนึง ซึ่งการเปลี่ยนทางใหม่ อาจจะทำให้มีรายได้”ทางหลัก”มากขึ้นก็จริง แต่”เวลา”ที่หายไป มันอาจจะไม่คุ้มนะครับ เพราะ”เวลา”เป็น currency ที่ดีที่สุดตัวนึง ที่เราจะไปแปรเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะสุขภาพ เงิน ครอบครัว ฯลฯ ฉะนั้น ผมว่าต้องเวทดีๆครับ

ความสำคัญของแต่ละข้อด้านบน แต่ละคนให้ไม่เหมือนกัน เช่นตอนก่อนหน้านี้ ผมมีน้อง manager คนนึงลาออกไป แล้วอีกซักสามเดือนถัดมา น้องในทีมนั้นก็ขอลาออกเพราะจะตามหัวหน้าเก่า อันนี้ก็คือเค้าให้ความสำคัญกับข้อ 2-1 มากกว่าเรื่องอื่นครับ … อย่างผมเอง ให้ความสำคัญกับ 5->3->1->4->2 อะไรแบบนี้ครับ

เรื่องหัวหน้า ของแบบนี้มันก็นานาจิตตังมาก ที่ผมตอบให้แทนไม่ได้
แต่ถ้า 3/5 ข้อด้านบน คุณไม่พอใจแล้ว ผมแนะนำให้ออกครับ

ไม่ยากครับ

อะโห ถ้ามี ปสก ไม่น่าใช่ปัญหาเลยนะ

ลองเรียกเงิน ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม กับตำแกน่งที่สูงขึ้นดูครับ ถ้าได้ แปลว่าเรายังมีความสามารถในตลาดนี้ แต่ถ้าเงียบก็ลองคิดต่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรารึเปล่า แล้วไปพัฒนาตัวเอง ส่วนเรื่องย้ายงาน ผมมองว่าควรมองๆ ไว้ก็ดี สยองเคส JSL Shopee อยู่เลย ที่ประกาศตู้มเอาคนออกเลย

ผมสายเดียวกับท่าน เงินเดือนไม่ขยับเลย กำลังรวบรวมพอร์ต ท่านมีไอเดียทำพอร์ตไหมครับ

ปล.ต้นปีหน้าผม 30 แล้วเหมือนกัน

ส่วนตัว จากเท่าที่ฟังและตามคุณ Cafe1n มาตลอดนะครับ

งานหาไม่ยากครับ ถ้าคุณมีความสามารถพอ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่า
1. ไม่พอใจเงินเดือน ?
2. ไม่พอใจเพื่อนร่วมงาน ?
3. ไม่พอใจหัวหน้า ?
4. ไม่พอใจเรื่องเวลา ?
5. ไม่พอใจเรื่อง career path หรือการเรียนรู้

จากที่อ่านมา ผมว่าข้อสองน่ะแน่ๆ แต่ที่เหลือๆ ผมว่าคุณเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ คุณอาจจะไม่ค่อย happy กับข้อหนึ่งด้วย แต่เท่าที่ติดตาม การที่คุณมีเวลา คุณก็หาเงินกลับมาสมทบข้อ 1 ได้แล้วในระดับนึง ซึ่งการเปลี่ยนทางใหม่ อาจจะทำให้มีรายได้”ทางหลัก”มากขึ้นก็จริง แต่”เวลา”ที่หายไป มันอาจจะไม่คุ้มนะครับ เพราะ”เวลา”เป็น currency ที่ดีที่สุดตัวนึง ที่เราจะไปแปรเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะสุขภาพ เงิน ครอบครัว ฯลฯ ฉะนั้น ผมว่าต้องเวทดีๆครับ

ความสำคัญของแต่ละข้อด้านบน แต่ละคนให้ไม่เหมือนกัน เช่นตอนก่อนหน้านี้ ผมมีน้อง manager คนนึงลาออกไป แล้วอีกซักสามเดือนถัดมา น้องในทีมนั้นก็ขอลาออกเพราะจะตามหัวหน้าเก่า อันนี้ก็คือเค้าให้ความสำคัญกับข้อ 2-1 มากกว่าเรื่องอื่นครับ … อย่างผมเอง ให้ความสำคัญกับ 5->3->1->4->2 อะไรแบบนี้ครับ

เรื่องหัวหน้า ของแบบนี้มันก็นานาจิตตังมาก ที่ผมตอบให้แทนไม่ได้
แต่ถ้า 3/5 ข้อด้านบน คุณไม่พอใจแล้ว ผมแนะนำให้ออกครับ

ผมก็ตันๆเหมือนกันครับ ไม่รู้จำทำพอร์ทแบบไหนเหมือนกัน เพราะพวกโปรเจคต่างๆที่เคยผ่านมากับพวกราชการมันก็ไม่ได้มีใบเซอร์หรืออะไรไว้อ้างอิงเท่าไหร่ เต็มที่ก็ได้แค่เอาชื่อโครงการนั้นๆไปเสิชมันก็ขึ้นแค่บ.คู่สัญญา ไม่ได้เป็นชื่อเราที่จะเอาไปอ้างอิงอะไรได้มากมาย

เป็นคำถามที่จะว่าตอบง่ายก็ง่าย ตอบยากก็ยากครับ
.
แต่เอาจริงๆ อยู่ที่ปัจจัยเดียวเลยนะ"Valueของคุณ"ครับ

คุณมีความรู้ความสามารถ/มีบุคลิกภาพที่โดดเด่น...นั่นคือเวลาขยับ
แต่ถ้าคุณเป็นแค่ Base staff บางทีการไต่สั้นๆง่ายๆที่เดิมแล้วหารายได้เสริมอาจจะเหมาะกว่า

ในส่วนของสังคม ไม่ต้องซีเรียสครับ..."เจอทุกที่"แน่นอน เพราะฉะนั้นโจทย์มันไม่ใชจะย้ายหนี แต่จะรับมือยังไงมากกว่าครับ

คงแนะนำได้แค่ว่า"มองกลับมาที่ตัวท่านเองอย่างเป็นกลาง"ก่อนครับ ถ้ามูลค่าน่าสนใจพอ นี่คือเวลาที่จะโดดและไต่เต้า

ปล. ไม่อิงทฤษฎีอะไรทั้งนั้นนะ ประสบการณ์ล้วนๆ ผมออกจากเซฟโซนอายุราวๆนั้น และกำลังจะใกล้ Triple ในอีก 10+ ปีถัดมาครับ

ผมโชคดีครับ เริ่มจากดราฟ มาเคลียร์แบบต่อ ถ้าทำต่อคงขยับเป็น pm เลยมีงานเขียนแบบเยอะครับ

สายท่านน่าจะไปทาง บ.รับเหมา ส่วนใหญ่ทำงาน6วัน อาจจะไม่เหมาะ

ถ้ามีความสามารถและประสบกาณณ์ก็ไม่ยากครับ ลองสัมภาษณดูไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งหักดิบออก
แต่การสัมภาษณ์บางที่อาจจะเน้นไปที่ ขั้นตอนการทำงานแบบลงลึก เช่น

(อันนี้ผมตีความเองนะ จากที่เคยสัมภาษณ์มา เวลามีประสบการการทำงานเยอะๆ)
-ในเนื้อเรื่อง Site Engineer ท่านสามารถเขียน Flow ลำดับการทำงานเป็นขั้นตอน Yes or No ได้
- รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ตอบโจทย์ลูกค้ายังไง และแก้ไขปัญหาลูกค้ายังไง อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าได้รับ
- การควมคุมผู้รับเหมา แก้ปัญหาเฉพาะงาน ,จดบันทึกปัญหา
- การแสดงออกความเป็นผู้นำ , การนำเสนอ

ผมเองก็เปลี่ยนงาน ช่วง32 จากIT Helpdesk Team Lead จากธ.แห่งนึง มาเป็น Div.-Manager IT ที่ศูนย์การค้า
และเปลี่ยนอีกทีตอน 35 มาเป็น IT Suppport Team Lead องค์กรเกี่ยวกับการแพทย์ และปีเดียว อายุ36 มาเป็นsale product สินค้าnotebook แบร์นนึง

ปัจจุบันโอเครกับงานแต่ไม่โอเครกับเงินเหมือนกัน แต่สิ่งที่ได้มาคือเวลามากขึ้น วันหยุดได้หยุดเหมือนคนอืนๆ มันคือสิ่งที่ผมไม่เคยมี มาตลอดการทำงานด้านIT แถมเครียดน้อยกว่าเยอะมากๆ

ผมเองไม่รู้ Site Engineer ต้องอัพสกิลอะไรเพิ่มบาง แต่ สู้ๆครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆเลยครับ ผมได้ข้อคิดและอะไรหลายๆอย่างจากหลายๆคอมเม้นต์ของท่านมากๆครับ
ส่วนตัวผมเป็นคนคิดแง่ลบ และมองว่าตัวเองไม่ได้เก่งอะไร และกลัวที่จะปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างเนื่องจากกลัวจะเสียอะไรๆในปัจจุบันไปครับ
เพราะที่ทำอยู่ปัจจุบันค่อนข้างตอบโจทย์ชีวิตผมเลยในการนำเวลาที่ว่างมาใช้สกิลด้านอื่นแปรเป็นรายได้กลับเข้ามา(แต่มันก็ไม่แน่นอนอะไรเท่าไหร่ครับ) มันเลยกลายเป็นทำให้คิดวนไปวนมาอาจด้วยวนฐานะที่มีลูกที่ต้องดูแลเลยกลายเป็นค่อนข้างจะกลัวจะทำอะไรก็ตามแล้วพลาดน่ะครับ

ขอบคุณมากเลยครับท่าน

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆเลยครับ

อายุ 31 เองหางานไม่อยากหรอกแถมประวัติการทำงานก็มี
จริงๆถ้าเรื่องไหนช่างแม่งได้แล้วทำให้ทำงานต่อได้ก็ทำต่อ
แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็เตรียมตัวลาออกไว้แต่เนิ่นๆก็ได้จะได้ไม่เคว้ง

ตอนผมจะออกตอนนั้นยังไม่รู้จะทำอะไรก็ไปขับแกร๊บส่งของเล่นๆไว้เหมือนกัน
คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากเคยเจอมาเข้าใจอารมณ์เหมือนกัน

แต่คิดอะไรให้รอบคอบก่อนนะ
ภาระค่าใช้จ่ายแต่ละคนไม่เท่ากัน

ขัดใจประเด็นนี้ครับ
ยกตัวอย่างว่า ถ้าท่านปั้นโปรเจ็คอะไรซักอย่างจนสำเร็จ แต่นั่นคือ Business to Business และท่านไม่มีชื่อใน"เอกสาร" แปลว่าท่านไม่ได้ทำหรือ?...ไม่ใช่มั๊ง

การกล่าวอ้างถึงอะไรก็ตามในประวัติเรา ถ้ามันคือความจริง เราทำจริง มันก็สามารถทำได้เป็นปรกติครับ
แค่สิ่งสำคัญคือ"ใช้คำให้ถูกต้อง" เรามีส่วนร่วมคือเรามีส่วนร่วม หรือจะระบุเราทำอะไรกับจุดนี้ ก็ไม่ได้ผิดอะไร...นั่นคือสิ่งที่เราทำจริง
ขอแค่อย่าเขียนอะไรที่ไม่ใชส่วนที่เราเกี่ยวข้องก็พอ

"ความจริงก็คือความจริง"...ครูปรีชาว่าไว้ครับ