[RE: สอบถามค่าเทอม รร อินเตอร์กับสาธิต]
เมื่อวาน เราไปเยี่ยมชมโรงเรียนที่แพงที่สุดในประเทศไทย นั่นคือ International school Bangkok หรือ ISB อยู่แถวแจ้งวัฒนะ ตื่นตาตื่นใจหลายอย่างมาก เลยอยากมาเล่าให้ฟัง
[ที่ตั้ง]
เราตะลึงตั้งแต่สภาพแวดล้อมของโรงเรียน เพราะมันอยู่กลางหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ที่ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่เป็น expat ถึงขั้นเรียกตัวเองว่า expat town ตัวชุมชนสะอาด มีระเบียบเรียบร้อย ความปลอดภัยสูงมาก
รร.ก็เป็นภาพสะท้อนของชุมชนนี้เลย เด็กส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ ลูกทูต ลูกผู้บริหารองค์กรใหญ่ มีเด็กไทยประมาณ 20% ความปลอดภัยสูง ต้องแลกบัตรก่อนเข้า และคุณครูปกป้องความเป็นส่วนตัวของเด็กมาก ผู้เยี่ยมชมห้ามถ่ายรูปนักเรียนติดหน้าเด็ดขาด และห้ามส่งเสียงรบกวนระหว่างทางเดินและเมื่อเข้าไปในห้องเด็ดขาด
[สังเกตการณ์ห้องเรียน]
ห้องเรียน World studies grade 9 ครูให้เด็กดูภาพ cartoon เสียดสีการเมือง แบ่งกลุ่มแล้วตีความและวิเคราะห์ว่าคิดว่ามันหมายความว่าอย่างไร เห็นเด็กๆ พยายามแสดงความคิดเห็นกันแบบไม่เคอะเขินแม้จะมีคนมา observe เหมือนว่าทำแบบนี้กันตลอด เสร็จแล้วก็มีวิเคราะห์ ตีความต่อกันในห้องใหญ่ ความคิดอ่านไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กม.ปลาย
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ Grade 7 เด็กๆ เล่าโปรเจกต์ที่เขาทำเรื่องแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกได้อย่างไร กลุ่มที่เราฟัง เด็กๆ ทดลองแก้ปัญหา toxic waste และ ปุ๋ยเคมีโดยการทำปุ๋ยหมัก และทดลองปลูกผักว่าจะโตได้ดีที่สุดในดินที่ใช้ปุ๋ยแบบไหน ซึ่งเด็กๆ ออกแบบการทดลองกันเอง แล้วถ่ายวิดิโอ ทำ PowerPoint นำเสนอได้แบบโปรมากๆ
ห้องเรียนการอ่าน Grade 5 เด็กๆ นอนกลิ้งเกลือกอ่านนิยายอยู่ตามพื้น ครูมาอธิบายว่า กำลังให้อ่านนิยายประวัติศาสตร์โดยให้เด็กเลือกเองและจับคู่กันเองแล้ววิเคราะห์ว่า ส่วนไหนที่เป็น fact ส่วนไหนเป็น fiction และวิเคราะห์องค์ประกอบอื่นๆของเรื่องราว เด็กๆ ตั้งใจอ่านกันมาก เราอึ้งเลย นี่เด็กป.5 เองนะ
[แนวทางจัดการเรียน]
กลับมาที่ห้องประชุมใหญ่ Dr.Elizabeth Rossini มาอธิบายแนวคิดการออกแบบหลักสูตรของรร. ซึ่งเกิดจากดู trend โลก แล้วมาวางแผนวิเคราะห์ว่า เราจะสร้างเด็กแบบไหน การเรียนรู้ที่เกิดในรร. หน้าตาเป็นอย่างไร และวัฒนธรรมที่จะส่งเสริมการเรียนรู้คืออะไร
สิ่งที่เขาสรุปคือ ต้องสร้างเด็กที่ใช้ชีวิตในโลกที่กำลังปั่นป่วน เลิกสร้างเด็กเพื่ออาชีพ แต่สร้างนักคิดนักประดิษฐ์ที่จะสร้างนวัตกรรมได้ ที่เราประทับใจคือ เขามี role model ของเด็กที่อยากสร้างที่ทะเยอทะยานมาก เช่น เด็กอายุ 15 ที่คิดค้นวิธีตรวจมะเร็งตับในราคาถูกได้
เพื่อสร้างเด็กแบบนี้ รร.ทุ่มเวลา 2 ปีเต็มกับการทำวิจัยค้นคว้าว่า character เด็กที่ต้องการสร้างคืออะไร ได้ออกมา 6 ด้าน จากการศึกษา paper ต่างๆ และสัมภาษณ์ครู นักเรียน พ่อแม่ etc.
ต่อมา เขาก็มาคิดร่วมกันว่า เพื่อสร้าง character เหล่านี้ การเรียนรู้ที่เกิดในห้องเรียนจะหน้าตาเป็นอย่างไร ได้ความว่าต้องเป็นการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับโลกจริง เน้นให้เด็กได้สื่อสาร ทำงานเป็นทีม etc. ซึ่ง สรุปแล้ว ต้องเป็นการเรียนรู้ที่เด็กจะได้ใช้ creative thinking และ critical thinking อย่างมาก
หลังจากนั้น เขายกตัวอย่างโจทย์ที่เด็กต้องทำในแต่ละระดับชั้น และในแต่ละวิชา ซึ่งต้องใช้ critical thinking และ creative thinking ตลอดเวลา ที่เราประทับใจคือแม้แต่วิชาพละศึกษา เด็กยังต้องวิเคราะห์ว่า ตอนเล่นกีฬาเป็นทีม ควรจะ position ตัวเองในจุดไหน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทีมที่สุด
สุดท้าย คือวัฒนธรรมแบบไหนที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบนี้ เขาตอบมาชัดเจนมาก ว่า Care หรือการเอาใจใส่กันและกัน มันทำให้เด็กรู้สึก secure และกล้าที่จะเสี่ยงลองทำสิ่งต่างๆ กล้าที่จะล้มเหลวต่อหน้าเพื่อนๆและครู เมื่อกล้าล้มเหลวก็เกิดการเรียนรู้มากขึ้น เราสังเกตเห็นได้ว่าในทุกอณูของรร. ทุกการกระทำของครูอาจารย์ เขาใส่ใจเด็กนักเรียนจริงๆ มีระบบต่างๆที่จะ support นักเรียน เช่น ที่ปรึกษา ครูผู้ช่วยเด็กพิเศษ etc.
[Facilities]
หลังจากนั้น ก็มีอาจารย์ที่อยู่ในกลุ่มบริหารพาไปเดินดู facility ต่างๆ ใน รร. ถึงจุดนี้คือ กรี๊ดในใจหนักมาก ทั้งสนามกีฬา กว้างใหญ่ไพศาล สระว่ายน้ำมาตรฐาน โรงยิมยังกะถอดมาจากหนังอเมริกัน อุปกรณ์กีฬาพร้อม ห้องสมุด 2 ห้อง แยกประถม มัธยม พร้อมหนังสือที่เหมาะกับระดับอายุ สุดโมเดิร์นเพราะเป็น media center มี VR ด้วย
แวะดูห้องเรียนอนุบาล OMG! คือมันดี น่ารัก สะอาด พร้อมมาก ได้ยินว่าเพิ่งปรับปรุงหลังคาใหม่เพื่อให้ความสว่างด้วยแสงธรรมชาติ (อะไรจะขนาดนั้น!) ทุกอย่าง well-design เพื่อความปลอดภัยของเด็ก
กลับออกมาข้างนอก อาจารย์ชี้ให้ดู อาคาร cultural center ที่มีโรงละครสามร้อยที่นั่ง ห้องซ้อมดนตรี ห้องซ้อมเต้น etc. แล้วพาไปดูห้อง Maker Space อันนี้คือ ว้าวสุด มี laser cutter มีอุปกรณ์ช่างต่างๆ เผื่อเด็กอย่างทำ prototype สิ่งที่เขาออกแบบ มี station สำหรับทำ computer modeling มีอุปกรณ์งานโลหะ โอ้ยยยย มันเยอะไปหมด คือ พร้อมมากๆๆๆๆ facilities รร.มัธยมที่น่าจะดีที่สุด advanced ที่สุดในประเทศไทยล่ะ
[ครู]
เราเลยคุยกับอาจารย์ผู้นำทัวร์ ได้ความว่า รร.นี้ fully funded โดยค่าเทอมเด็ก ไม่แพงมาก แค่ 8 แสนกว่าๆต่อปีเท่านั้นเอง 555 (ปาดเหงื่อเลย) ประกอบกับรร. เปิดมานานแล้ว manage การเงินดี เลยทำให้มีเงินมาจัดการ facility ต่างๆ แต่ จริงๆแล้ว เรื่องอุปกรณ์เนี่ยเรื่องจิ๊บๆ รายจ่าย 90% ของเขาหมดไปกับเงินเดือนครู! เพราะครูเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุด เงินเดือนครูที่นี่น่าจะสูงที่สุดใน SE Asia และ package กระชากใจมาก เช่นมีงบส่วนตัวให้ไปพัฒนาตัวเองคนละ 180,000 บาทต่อปี จึงดึงดูดครูที่เก่งมากๆ จากยุโรปและอเมริกาได้
พอถามว่า ฟังแล้ว รร.คุณดู perfect มากเลย มีปัญหา มีความท้าทายอะไรบ้างมั้ย เขาบอกว่า ถ้าเราได้คนเก่งๆ มาทำงานด้วย ปัญหาไหนๆ ก็จัดการได้ เช่น การเงิน เขาก็ได้ CFO ที่เก่งมากมาวางแผนการเงิน ได้ผู้เชี่ยวชาญด้าน brain-based learning มาช่วยออกแบบการเรียนรู้ etc.
[สรุป]
เอิ่มมมมม อึ้งจริงๆ อึ้งแรกคือไม่อยากเชื่อว่ามีรร.ระดับนี้อยู่ในเมืองไทย บรรยากาศมันไม่เหมือนเมืองไทยเลย เหมือนเอารร.อเมริกันมาโยนทิ้งไว้กลางปากเกร็ด
วัฒนธรรมข้างในต่างจากรร.ไทยโดยสิ้นเชิง
อึ้งที่สองคือ performance ของเด็ก ทั้งได้ที่ทำกิจกรรมมากมาย คะแนน PISA ของเด็กที่นี่สูงกว่ากลุ่มมหิดลวิทย์และจุฬาภรณ์
อึ้งที่สาม คือความสามารถของครูและเจ้าหน้าที่ที่นี่ ดูการเรียนการสอนแล้ว ออกแบบชั้นเรียนได้ยอดเยี่ยมมาก
อึ้งสุดท้ายคือค่าเทอม ลูกเราไม่ได้เข้ารร. นี้แน่นอน 555 นี่คือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ขึ้นกับตัวเงินของแท้เลย ใครมีโอกาสได้ไปก็ยินดีด้วย ส่วนคนอย่างเราก็ต้องพยายามปฏิรูปกันต่อไปค่ะ เผื่อว่า สักวันนึง เราจะมีรร. รัฐหลายๆ โรง (ที่ไม่ใช่แค่รร.มหิดลฯ) ที่ทำได้สักครึ่งหนึ่งของที่นี่ให้ลูกหลานคนตาดำๆ อย่างเราได้เข้ากันนะคะ
(เพื่อนส่งมาให้อ่าน)