https://www.headlightmag.com/2022-05-16-toyota-fortuner-hybrid-will-arrive-in-thailand-2023/
แหล่งข่าวของ Headlightmag เปิดเผยว่า All NEW Toyota Fortuner (เจเนอเรชั่นที่ 3)
ที่จะสร้างขึ้นบนพื้นฐาน
แพลตฟอร์ม TNGA-F วางเครื่องยนต์ดีเซล Mild-Hybrid จะมีการเปิดตัวในประเทศไทย ช่วงปีหน้า 2023
เป็นการประเดิมใช้ขุมพลัง Diesel พ่วง ระบบ Mild-Hybrid ครั้งแรกในตลาดกลุ่ม SUV/PPV ในประเทศไทย
และเป็นครั้งแรกของ Toyota สำหรับการติดตั้งขุมพลัง Mild-Hybrid ให้กับ รถยนต์กลุ่ม SUV/PPV ด้วยเช่นกัน
ด้านรายละเอียดของขุมพลังทางเลือกที่จะมาประจำการใน Fortuner ใหม่นั้น
เป็นเครื่องยนต์ตระกูล 1GD Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.8 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharger เป็นต้นกำลัง
โดยจะพ่วงกับระบบ Mild-Hybrid ใช้ตัว Alternator ให้เข้ามามีบทบาทในช่วงสั้นๆ
อาทิ จังหวะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง และช่วงเร่งแซง เพื่อลดการใช้น้ำมันลดมลพิษขณะเร่งแซง
นอกจากนี้ ยังอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่มาหล่อเลี้ยงเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วขณะ
ทั้งหมดนี้ จะส่งผลในแง่ดีทั้งความกระฉับกระเฉงของอัตราเร่ง และความประหยัดน้ำมัน ช่วยเพิ่มแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำ ไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์
กำหนดการเปิดตัว All NEW Toyota Fortuner Mild-Hybrid จะเกิดขึ้นในช่วงปีหน้า 2023
โดยราคาจำหน่ายนั้น คาดว่าจะแพงกว่า Fortuner Legender รุ่นเดิม ไปไม่มากนัก มิเช่นนั้น อาจจะยากต่อการทำตลาด
เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย
https://www.ridebuster.com/mild-hybrid-hybrid-and-plug-in-hybrid-what-different/
Hybrid – Full Hybrid
รถไฮบริด แบบ Full Hybrid มักถูกใช้เรียกกับรถที่มีระบบเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
ที่สามารถขับแล้วทำงานได้ทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองได้หลายจังหวะ ไม่ใช่แค่จังหวะใด จังหวะหนึ่งเท่านั้น
Mild Hybrid
แนวคิดระบบนี้ คือการพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ช่วยในบางจังหวะการขับขี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ และส่วนใหญ่ จะยังคงเป็นเครื่องยนต์สันดาปปกติทั่วไป
ระบบนี้มีวัตถุประสงค์ในการหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ในหลายจังหวะ
ที่ต้องใช้กำลังจากเครื่องยนต์ ได้แก่ 3 จังหวะสำคัญ คือ ออกตัว , เร่งเครื่องและชะลอความเร็ว
ซึ่งทั้งหมดจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก หรือสูญเปล่าในการทำงาน
Plug In Hybrid
ความพิเศษอยู่ที่ชุดมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังขับมากกว่าปกติ เทียบเท่าเครื่องยนต์ 70-120 แรงม้า (แล้วแต่ยี่ห้อ)
และแบตเตอร์รี่ จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีขนาดตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ ขึ้นไป
ตลอดจนยังมีช่องรับการต่อชาร์จจากไฟบ้านได้ เพื่อให้ได้ชาร์จไฟกลับเข้าสู่ชุดแบตเตอร์รี่
การมีกำลังมอเตอร์มาก และ แบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ทำให้รถสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ด้วยความเร็วระดับหนึ่ง
(ปัจจุบันสามารถขับได้ความเร็วสูงสุด 120 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป)
และมีระยะทางขับด้วยไฟฟ้าล้วนมากกว่าระบบ Full Hybrid ปกติทั่วไป (ปัจจุบันอยู่ที่ 40-60 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ แล้วแต่รุ่นรถ)