ผมอยู่ทาวน์โฮมที่ตอนผมซื้อราคาแพงกว่าโครงการอื่นๆใกล้ๆกันประมาณ 30-40% ทำให้ราคาได้คัดคนซื้อมาแล้วระดับนึง ส่วนใหญ่คนที่มาซื้อมีความคาดหวังกับคุณภาพชีวิตที่จะได้รับ ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาน่าหนักใจแบบหลายๆโครงการ

ข้อดีหลักๆคือทำเล ด้วยราคาที่ผมซื้อ สามารถขับรถเข้าเมืองได้ภายในไม่กี่นาที ซึ่งถ้าจะซื้อบ้านเดียวในราคาเดียวกันจะขยับออกไปไกลมาก  

ตอบเสริมเรื่องทาวน์โฮมที่เคยอยู่ต่อจากกระทู้ก่อนหน้านะครับ - นอกจากเรื่องกำแพงร่วมที่เคยบอกแล้วปัญหาสำคัญของทาวน์โฮมมีอีก 3 เรื่อง

1. ที่จอดรถ น่าจะปัญหาอันดับต้น ๆ เลย ตอนผมอยู่บ้านทำมาสำหรับจอดรถคันเดียวแต่หลายบ้านมี 2-5 คัน ก็จอดเกยกันไปมา โซนไหนเพื่อนบ้านดีคุยรู้เรื่องก็พอไปได้ โซนไหนคุยไม่รู้เรื่องก็ปวดหัว

2. นิติบุคคล - จริง ๆ ปัญหานี้ก็มีในหมู่บ้านเดี่ยวและคอนโดด้วยแต่ขอพูดถึงเคสทาวน์โฮมที่ผมเคยอยู่ครับ นิติบุคคลที่ไม่เข้มแข็งพอจะมีปัญหาในการจัดการทั้งเรื่องที่จอดรถ ค่าส่วนกลาง บ้านที่ไม่จ่ายก็ไม่กล้าไปคุยแต่รับเงินเดือนเต็มทุกเดือน นิติบุคคลที่เข้มแข็งจะดีมาก (โดยมากจะเข้มแข็งได้คือจดเป็นบริษัทแล้วหัวหน้านิติบุคคล / หมู่บ้านคือเป็นคนที่มีทั้งอิทธิพลและความเป็นคน หาได้ยากครับ)

3. คุณภาพของเพื่อนบ้าน - ก็เหมือนข้อสองคือมีโอกาสเจอเพื่อนบ้านแย่ได้หมดไม่ว่าจะหมู่บ้านแพงแค่ไหน แต่ประสบการณ์ตรงบอกผมว่ามันผันแปรตรงกับมูลค่าบ้านครับ หมู่บ้านแพงจะเจอปัญหาจากคนประเภทเรื้อน ๆ น้อยมาก มีแต่เป็นสัดส่วนที่น้อยและพอคุยกันได้รู้เรื่องกว่าแนวเด็กสร้างตัวเยอะครับ สมัยผมอยู่ไม่มีเด็กสร้างตัวเพราะมันเป็นหมู่บ้านเก่าอายุเยอะแต่มีพวกมนุษย์ลุงป้าเยอะครับ ประมาณ 30% ของทั้งหมู่บ้าน แนวอาชีพก็ผันแปรตรงกับพฤติกรรมครับ

 

เอาแต่ข้อเสียมาเล่าละกันครับ
1. หลักๆ น่าจะเป็นเจอจอดรถขวางครับ หนักมาก ยิ่งถ้าเป็นซอยที่ไม่ใช่ถนนเมน ถนนมันแคบอยู่แล้ว แล้วไม่ค่อยมีใครเอาไปจอดในบ้านกันเลย ต้องใช้สกิลในการขับมาก แคบพอกับรถคันเดียว การจอดเป็นไปได้ลำบากมาก

2. คุณภาพเพื่อนบ้านจะไม่ค่อยโอเค ขึ้นกับเรนจ์ราคาโครงการ กับความแข็งแรงของนิติด้วย อันนี้อาจจะหาว่าเหยียด แต่เจอมาหลายอย่างจริงๆ ค่าส่วนกลางไม่จ่ายกัน (แค่เดือนละ 300) ซึ่งมันทำให้กาีบริหารยากขึ้น รปภ ก็ต้องลดคุณภาพลงเพราะเงินไม่พอ ทุกวันนี้มีเหมือนไม่มี ไม่ต้องแลกบัตรอะไรละ แล้วถ้าเกิดเหตุอะไรไม่น่าช่วยลูกบ้านได้เลย หรือเจอแบบตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 54 มันมาขี้ด่าบอกบ้านผมทำบ้านมันน้ำท่วมเฉย

3. จากข้อ 2 คนเยอะ เรื่องก็เยอะมากตาม แล้วแต่แปลนของโครงการ ในแต่ละซอยอาจจะมีสิบหลังขึ้นไป ก็จะต้องลุ้นกับทั้งซอยเหมือนกัน ทั้งบ้านฝั่งตรงข้าม ข้างๆ เยื้องๆ

4. ข้อนี้อาจจะแล้วแต่คนว่ามองว่าเสียหรือดี คือจากการที่นิติไม่แข็งแรง มันจะมีการเปิดร้านหรือกิจการในหมู่บ้าน บางทีมันก็ทำให้ในหมู่บ้านสะดวก เช่นแบบมีคนเปิดสอนพิเศษ หรือขายอาหารตามสั่งจริงจัง แต่มันก็แลกมาด้วยความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวของหมู่บ้าน ยิ่งถ้าแจ๊คพอตเป็นบ้านข้างๆที่ติดกันก็ยิ่งแย่เลย ทั้งเสียง หรือบางทีคนมาจอดเยอะ เข้าบ้านลำบาก แล้วทำให้ รปภ หย่อนความปลอดภัยลงด้วย

5. อันนี้อาจจะแบ้วแต่โครงการ แต่เท่าที่เคยเห็นมา ส่วนกลางจะเล็กไม่เหมาะสมกับจำนวนประชากรเท่าไหร่ สวนจะมีนิดหน่อย ส่วนพวกฟิตเนสหรืออย่างอื่นก็ไซส์พอๆ กับบ้านเดี่ยว แต่ความหนาแน่นจะเพิ่มหลายเท่าเลย

6. แสงสว่างและพื้นที่สีเขียวจะน้อย บรรยากาศในบ้านจะรู้สึกทึบกว่า อารมณ์เหมือนอยู่คอนโด นอกจากจะเป็นหลังริมแล้วโครงการมีเจาะช่องแสงเพิ่ม แต่อันนี้ก็อาจจะแลกมาด้วยคุณภาพอีก เคยเจอเคสแบบรั่วซึมเฉพาะหลังริมก็มี  

ถ้าทาวโฮมราคาไม่แพงอย่างข้างหลังบ้านผม 1.5 ล้าน สภาพก็เสียงดัง จอดรถได้เละเทะตามหน้าบ้าน
เมื่อก่อนผมก็สุขสบายดีแต่โครงการดันเปิดอีกเฟสเป็นทาวโฮมบ้างฝั่งผม สภาพวัยรุ่นสร้างตัวขับรถเร็วๆมาละ
ถ้าเป็นทาวโฮมนี่ถ้าข้างบ้างนรกๆเสียงดังลำบากเลย

ส่วนพีแคสบ้านผมนี่รั่วทุกห้อง ยังดีที่ช่วงนั้นช่างโครงการอยู่ประจำเยอะเลยแก้ไปเรื่อยๆ
แต่เอาจริงๆประเด็นพีแคส 50% ช่างกากเอง 50 % แล้วก็อาจจะเจาะยากหน่อยเห็นช่างแอร์บ่นๆ  

ผมอยู่บ้านที่เป็นพรีแคสนะ
1.เจาะลำบากเจาะต่อเติมยากมาก แต่เจาะได้(ผมเจาะเองบ่อยๆ55)แล้วถ้าเจาะไปเจอเหล็กหรือหินที่เป็นโครงสร้าง ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเจาะทันที (แล้วพรีแคสเวลาเจาะมันจะไม่สวยเพราะมันจะแตกออกมาเป็นแผ่นต้องมานั่งซ่อม)ในหมู่บ้านผมต่อเติมกันแทบทุกหลังก็ทำกันได้

2.รอยต่อต่างๆ(พรีแคสมันจะเป็นเหมือนเอาแผ่นปูนที่หล่อมาต่อเข้าจุดเชื่อมกันเหมือนต่อตัวต่อjigsaw)อาจมีการรั่วซึมได้ แต่ผมเองก็ไม่เคยเจอ ที่เจอคือตรงวงกบประตูหน้าต่างมันชอบรั่วซึมแต่ซ่อมเองได้ไม่ยาก

3.ร้อน มันอมความร้อนครับ กรณีที่ไม่มีต้นไม้หรือระแนงมาช่วยเลยแต่ก็ตามที่บอกวิธีแก้เยอะแยะ

สุดท้ายเรื่องบ้านแนะนำว่าเรื่องราคามีผลกับคุณภาพของเพื่อนบ้านมากๆ โครงการผมมีทั้งเดี่ยว(5M++)แลTownHome(3m++)แบ่งครึ่งโครงการกันชัดเจน แค่เรื่องวินัยจอดรถก็แตกต่างกันแบบชัดเจนเลยครับ เวลาขับผ่านทั้ง2โซนยั่งกะอยู่กันคนละหมู่บ้าน โซนหนึ่งจอดเรียงกันมองไม่เห็นฟุตบาทเลยส่วนอีกโซนจอดอยู่ในบ้านแย่สุดก็เอามาจอดหน้าบ้านประปรายแต่ไม่มีเอามาจอดบนถนนส่วนกลางเลย ดีว่าในหมู่บ้านถนนมันเป็น4เลนขนาดใหญ่เลยไม่มีปัญหาไรกัน  

โครงการไหนหรือครับ  

โครงการอะไรหรือครับ  

ไม่มีขายละฮะ ขายหมดได้ 6-7 ปีแล้วครับ

ถ้าจะเลือกแบบผม ท่านลองหาทำเลที่ถูกใจแล้วไล่ๆดูก็ได้ครับ ท่านจะเห็นว่ามันมีราคากลางๆอยู่ เช่น 3-4 ล้าน แล้วหาอันที่แพงขึ้นมาอีกหน่อย พื้นที่สีเขียวเยอะหน่อย วัสดุดีหน่อย ท่านจะได้คนที่ยอมจ่ายแพงกว่าเพื่ออะไรเล็กๆน้อยๆพวกนี้ ซึ่งประสบการณ์ตรงของผมคือ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่รักสงบ ทำตามกติกา และอยากให้ส่วนกลางดูดีเหมือนวันที่ตัดสินใจซื้อ

จริงๆหมู่บ้านผมมี 2 เฟส เฟสแรกราคาพอๆกับทาวน์โฮม 3 ชั้นอื่นๆแถวนี้ตกประมาณ 3.5 ล้าน โซนนั้นปัญหาเยอะ จอดรถกันระเกะระกะ ต่อเติมหน้าบ้านทำกิจการกันเยอะ ส่วนเฟส 2 ตอนผมมาซื้อ ราคาแพงกว่าโครงการใกล้ๆกัน (พื้นที่ใช้สอย , ที่ดิน) ไปจบที่ 4 เกือบๆ 5 ล้าน แต่ก็แลกมาด้วยเพื่อนบ้านที่รสนิยมตรงกัน

ทุกวันนี้ซอยบ้านผม 14 หลัง มีรถจอดหน้าบ้านหลังเดียวคือหลังสุดซอย นอกนั้นจอดในบ้านกันหมด Benz, BMW, Fortuner, รถตู้ ฯลฯ เอาเข้าบ้านทุกหลัง ฝนตกยังลงมาเปิดประตูรั้วเพื่อเอารถเข้าบ้านกัน ส่วนซอยถัดจากผมไป 14 หลัง ไม่มีรถจอดหน้าบ้านเลยแม้แต่คันเดียว เป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้วด้วย ขนาดคนย้ายมาอยู่ใหม่เร็วๆนี้ เห็นเค้าเอารถเข้าบ้านกันหมด ตัวเองจอดหน้าบ้านได้แป๊ปเดียวก็เอาเข้าบ้านบ้าง

ปล. หมู่บ้านผมมี 2 เฟส ทายได้ไม่ยากเลย เฟสไหนจ่ายค่าส่วนกลางครบเป็นสัดส่วนมากกว่ากัน  

บ้านกลางเมืองครับ