พูดถึงอิสลามจากที่เคยทำงานกับคนอิสลามจากตุรกี พวกนี้เค้าดูง่ายๆเลยนะ มีน้ำใจมากด้วย เหมือนเป็นหลักปฏิบัติของเค้าเลยว่าต้อง

แบ่งปัน

ถ้าไม่นับอิสลามหัวรุนแรงนะ

มูฮัมหมัดแต่งงานกับไอช่าตอน6ขวบนี่เรื่องจริงไหมครับ

คริสต์โปรเตสแตนท์ก็ไม่มีนักบวชครับ
ไม่นับถือรูปเคารพใดๆ
ไม่มีบทสวดมนต์
ไม่นับถือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ใดๆ
ในทางความเชื่อคริสเตียนมีคำพูดว่า “ไม่มีถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีท่าทางศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์”

ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมครับ

บอกแบบนี้ไม่ให้เกียรติศาสนายูดาห์ number1 เกินไป

เปลี่ยนจากอัลลอฮุ(god)เป็น พระเยโฮวาห์(Yahweh) ดีกว่านะคับถึงจะถูกต้อง100%

แก้ไข ไม่พิมพ์ดีกว่า

เท่าที่เคยคุยกับคนมุสลิม

เขามีคำสอนเรื่องการให้ทาน และการถือศีลอด (ให้คนที่มีกินเข้าใจว่าคนหิวเป็นอย่างไร) อยู่ครับ

การไม่เคารพรูปปั้นใดๆก็ตามที่หลายๆท่านบอกมาครับ

ส่วนเรื่องอาหารฮาลาลเท่าที่ผมถามมามีรายละเอียดเยอะอยู่ แต่ที่ผมชอบคือ "การฆ่าสัตว์ให้ตายในดาบเดียว" ครับ

อีกเรื่องคือเรื่องไม่กินหมู ชาวมุสลิมไม่ได้เกลียดหมูขนาดนั้น ถ้ามันไม่มีจริงๆก็มีข้อยกเว้นได้ครับ แต่ที่ผมได้ยินมาคือมันมีเชื้อโรคในหมู (ไม่แน่ใจว่ามาจากการเลี้ยงหรือเปล่า) ในยุคนั้นครับ เลยห้ามบริโภคไปเลยง่ายกว่า

มีคอมเม้นท์นึงในเฟส ผมว่าน่าสนใจดีครับ

- สำหรับภูมิภาคนี้ ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มาถึงก่อน
หากแต่เข้ามา "ผสมผสาน" กับศาสนา "ผี" ในพื้นที่เดิม
สิ่งที่นำพาศาสนาพุทธเข้ามาก็คือ เรือสินค้า
ของชาวอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำพาวิวัฒนาการหลักให้กับพื้นที่แห่งนี้
นับตั้งแต่วิทยาการด้านศิลปกรรม พระปรางค์ เจดีย์ วิธีนุ่งห่ม
และอีกหลากหลายๆอย่าง

- อาณาจักรอย่างขอมโบราณที่เคยรุ่งเรืองมากๆ
ก่อนกลุ่มบ้านเมืองชาติพันธุ์ไทในภูมิภาคนี้
ก็ยังรับเอาศาสนาฮินดูจากอินเดียมาก่อน
ต่อด้วยการรับเอาวัฒนธรรมการสร้างเทวสถานด้วยหินต่างๆ

-การเผยแพร่พุทธศาสนาเข้ามาในเอเชียนั้น
เป็นระบบแบบ "ประนีประนอม" คือ อนุญาตให้เรามีเทพหลายองค์
คือ ไม่ต้องละทิ้งความเชื่อเดิม อันเป็นการผสมผสานเข้ากับศาสนา
ความเชื่อเดิม เช่นความเชื่อเรื่องผี
ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ในการเผยแพร่และยอมรับได้ง่าย เช่น ชินโตของญี่ปุ่นที่มีเทพมากมาย ผีของไทยเช่นสิ่งที่เหนือธรรมชาตินั่นเอง
ผีข้าว(โพสพ) ผีบรรพบุรุษ ผีเรือน และผีอีกสารพัดผี
หรือแม้แต่ศาสนาเทพหลายองค์แบบจีน

-นอกจากเรื่องการค้าและการผสมผสาน ยังมีอีกเหตุผลนึงเมื่อพิจารณา
ถึงระบบการเมืองการปกครอง ศาสนาพุทธก็แทบจะเป็นตัวรองรับ
และมีส่วนเสริมในการคงไว้ซึ่งความชอบธรรมชนชั้นปกครองในภูมิภาค
อย่างสำคัญเช่นกัน ซึ่งยังเข้าได้ดีกับระบบพราหมณ์ฮินดูที่มีมาแต่เดิมอีกด้วย เช่น ระบบสมมติเทพ(อยุธยา)
-คำถามคือศาสนาพุทธจึงทำไมไปไม่ถึงตะวันตก เพราะทางไปตะวันตกนั้นมีด่านกั้น คือ คริสเตียน อิสลาม ซึ่งความคล้ายกันของสองศาสนานี้คือนับถือเทพเจ้าองค์เดียว และที่สำคัญ "เกลียดผี" ในเวลาที่ศาสนาต่าง ๆ ยังไม่ได้ปรับตัวตามยุคสมัย ศาสนาเขานี้มิได้อนุโลมความเป็นผีให้เข้ามาอยู่ในปริมณฑลทางศาสนานัก ในยุโรปยุคกลาง คุณจะเห็นคนถูกเผา ปาหิน ฆ่าและทรมานในวิธีอื่น ๆ ถ้าเค้ารู้ว่าคุณ "มีเวทมนตร์" นั่นคือสิ่งที่ต่อต้าน "พระเจ้า"

-อีกสิ่งหนึ่งที่พุทธไม่สามารถไปตะวันตกได้ คือ ระบบการปกครอง
สำหรับในยุคกลางจนไปถึงต้นเรอเนซองก์ ระบบคริสตจักรคือระบบเดียว
ที่รองรับความชอบธรรมของกษัตริย์ชาวคริสต์
คุณต้องได้รับการยอมรับจากศาสนาจักรให้ตั้งตนเป็นกษัตริย์
ซึ่งเหมือนกับการได้รับการยอมรับจากพระเจ้า
คุณถึงจะเป็นกษัตริย์ที่ชอบธรรมได้ ภายใต้การปกครองของศาสนจักร
(พระสันตะปาปา) ซึ่งศาสนาพุทธให้อะไรแบบนี้ไม่ได้ในความเชื่อแบบศักดินาตะวันตก

-จนกระทั่งยุคเรอเนซองก์ ศาสนาจักรเสื่อมลง แต่ระบบเหตุผลและ
การรื้อฟื้นแนวคิดมนุษยนิยมก็พัฒนาจนกระทั่งไปไกลเกินกว่าศาสนาพุทธจะเข้ามาแล้วเพราะพุทธในเอเชียเวลานั้นยังคงเป็นความเชื่อ ภพชาติ มนุษย์เกิดมาใช้กรรม ในขณะที่ยุโรปมุ่งไปสู่วิธีคิด "มนุษย์ทำได้ทุกอย่างเพราะความสามารถ" ไปแล้ว คุณจึงเห็นศิลปินมากความสามารถอย่าง ลีโอนาโด ดาวินชี่ๅม คริสโตเฟอ โคลัมบัสม, ยาวเรื่อยไปจนถึงศตวรรษที่ 17 - 18 ปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ปฏิวัติอุตสาหกรรม ไม่หยุดนิ่งอีกต่อไปแล้ว
-หันกลับมามองที่บ้านเรา อิทธิพลความเชื่อเรื่องผี ที่ผูกพันกับศาสนา รวมไปถึงไสยศาสตร์ต่างๆความเชื่อเรื่องภพชาติ เวรกรรม บาปบุญ ยังคงเป็นอีกปัจจัยที่คอยฉุดรั้ง ศักยภาพมนุษย์ รวมถึงเป็นระบบความคิดที่ปลูกฝังไม่ให้เชื่อมั่นในศักยภาพตนเองต่อไปเรื่อยๆ...

ข้อความน่าอ่านมาก ท่าจะศึกษามาพอสมควร
ท่านทำตัวคลายผู้เป็นมุสลิมเลย ลองอ่านคัมภีร์อัลกุรอานบ้างยังครับ

เห็นว่ามีการนำเนื้อมาตรวจดู พบว่าในเนื้อหมูโดยธรรมชาติมีสารก่อมะเร็ง

ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่โคตรประชาธิปไตยอยู่แล้ว เอาเดิมที่ก็เอาสงฆ์โหวตออกเสียงกันอยู่แล้ว แล้วด้วยนโยบายของพรพุทธเจ้าไม่เคยมองใครตำหนิใครในแง่ร้าย ฉนั้นใครจะบวชหรือไม่บวชไม่ใช่สาระสำคัญในแก่นแท้ของศาสนา พระพุทธเจ้าก็มองออกอยู่แล้วว่าสถาบันศาสนาจะเสื่อมลงไป เดิมที่ตอนแรกตั้งไว้แค่2500ปีถ้าพระอานนท์ไม่ขอต่อ เพราะเป็นศาสนาที่ใครจะชั่วใครจะดีก็ช่างเขาเราเอาตัวเองให้รอด เหมือนกับมีโจรเอาไม้มาฟาดที่หัวเราศิษย์ตถาคตจะรีบดึงสติในทุกข์ก่อนแล้วค่อยหันไปถามว่าใครตี ตีทำไม ถ้าจะตายก็ช่างมัน ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนพบเจอเป็นของธรรมดา จะมีคนดีคนชั่วคนนับถือมากน้อยไม่ใช่สาระสำคัญที่พระพุทธเจ้าประกาศศาสนามาด้วยซ้ำ จะนับถือก็ช่าง ไม่นับถือก็ช่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมสลายดับลงไป เป็นของธรรมดา

ทุกศาสนามักมีตัวตลก สังเกตุได้จากบางคอมเม้นต์

ซิกข์ กับบาไฮ ที่ถือกำเนิดตามหลังศาสนาอิสลาม ก็ไม่มีนักบวช

และไม่ได้เน้นเผยแพร่ศาสนาแบบจริงจังเท่า

ส่วนหนึ่งเพราะวิวัฒนาการทางสังคม และการกำเนิดของศาสนานั้น มาจากการประนีประนอมความเชื่อหลักๆ เข้าด้วยกัน ก่อนจะพัฒนาเป็นศาสนาเดี่ยวๆ ไป
ซิกข์เป็นศาสนาที่ถือกำเนิดในช่วงที่คนบันทึกอะไรเป็นหลักเป็นฐานมากขึ้น ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการทางศาสนา ศึกษาซิกข์ ง่ายที่สุด

จริงๆ พุทธหลังๆ ก็เริ่มมีคนสนใจทำศาสนาให้ไม่มีนักบวชอะไรแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่แพร่หลาย จะมาทรงโปรเตสแตนท์หรือไม่ก็ต้องดูอีกที

หลายคนเข้าใจผิดกับศาสนาพุทธกันเยอะมาก

ศาสนาพุทธ หลักมันคือคำสอน ไม่ใช่นักบวช
ศาสนาพุทธมีอยู่สามอย่างที่ค้ำจุนศาสนาไว้คือ
พระพุทธ
พระธรรม
พระสงฆ์

ในไทย เราชูกันแต่พระพุทธ แต่ไม่ค่อยศึกษาพระธรรมกันเท่าไร
ถ้าไม่มีพระสงฆ์ ศาสนาพุทธอาจสูญหายไปแล้วก็ได้ ด้วย วัตรปฏิบัติมันต้องทำแบบนั้น

คนไทยเข้าใจผิด คิดว่าบวชแล้ว เป็นเทวดาห้ามลบหลู่
ส่วนตัวของผม บวชแล้วก็แค่บวช ศีลต่างหากที่ผมนับถือ ถ้าพระคนไหน รักษาศีลได้ครบ ก็น่านับถือ

ด้วยความที่ อยู่ในศาสนาแล้วมันหากินได้ง่าย เหลือบไรมันเลยเยอะ ไม่แปลกที่ทุกคนจะเข้าใจผิด

งานพิธีต่างๆ ไม่ใช่หน้าที่สงฆ์เลย เพราะสงฆ์มีหน้าที่แค่เผยแพร่ศาสนา และรักษามันไว้

คนนี่แหละเอาเงินไปยัดๆๆๆๆๆให้สงฆ์ เพื่อให้สงฆ์มาทำตามที่ตัวเองอยากให้เป็น

สงฆ์เสื่อม เพราะฆารวาสนั่นแหละที่เสื่อม
นักบวชยังจำเป็นต่อศาสนาพุทธ แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

พระที่เป็นพระยังมีอยู่ แต่มักจะไม่ได้อยู่ในเมือง เพราะพระจะปลีกวิเวกออกไปเพื่อหนีความวุ่นวาย
ถ้าคุณยังอยู่แต่ในเมืองใหญ่ โอกาสที่จะเจอพระดีๆก็มีไม่มากหรอก