รบกวนพี่ ๆ ผู้มีประสบการณ์หน่อยครับ

คือ ให้ผู้ใหญ่ฝั่งเราไป คุย ก่อน อันนี้ยังไม่ต้องมีงานอะไรใช่ไหมครับ คือไปตกลงว่า อยากขอลูกสาวบ้านนี้ให้ลูกชายบ้านนี้ แล้วตกลงค่าสินสอด วันนี้เลยใช่ไหมครับ / ปกติเค้าต่อกันไหมค่าสินสอด


พอขอเสร็จแล้วจึงจะมีการนัดแนะว่า วันไหนจะแต่ง วันไหนจะ จดทะเบียนใช่ไหมครับ


คือพอดีไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย มองภาพรวมไม่ออก

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ผมไปขอเป็นพิธีน่ะ ด้วยความที่สนิทกันและ เจอกันบ่อยๆ พาเค้าไปเลี้ยงข้าว ส่วนวันถ้าได้แล้วก็แจ้งเค้าไป

เพราะผมบริหารเอกับครอบครัวแฟนหมด

ที่เคยผ่านมาเลยคือ

บ้านผม บ้านแฟน(เก่า) นัดมากินข้าวกัน แล้วพูดคุยว่าจะเอายังไง จัดงานที่ไหนเรื่องงานใครรับผิดชอบ สินสอดยังไง เก็บไว้ ให้บ่าวสาวแบบไหน แต่งเข้าแต่งออก บลาๆๆ

ของผมอย่างตึง 555 สุดท้ายไม่มีงานเกิดขึ้น

ส่วนตัวของผมเองนะ เพิ่งจะผ่านงานแต่งไปไม่กี่วัน

ตอนแรกพ่อแม่ทั้งสองฝั่งนัดคุยกัน เรื่องค่าสินสอด + รายละเอียดต่างๆในการจัดงาน
เรื่องเถ้าแก่หรือผู้ใหญ่คือมาวันจริงวันเดียวเลย มาเดินในพิธีแห่ขันหมากด้วย และกล่าวขอลูกสาวบ้านนู้น แค่นั้นจบ

ใครแบบไหนไม่ทราบนะ ผมขอกันตุลา แต่งมกราเมื่อกี้

ขั้นแรก รู้ข้อสอบ
ผมให้แฟนไปถามแม่แฟนมาเลยว่าต้องการเท่าไหร่ และเรารู้กับแฟนอยู่แล้วว่ามีเท่าไหร่ พอจะขยับเข้าหากันได้เท่าไหร่ เพื่อที่ถึงวันขอจริงๆจะได้ไม่ต้องมาตึงใส่กันระหว่างญาติบ่าวสาว แค่ไปพูดพอเป็นพิธีในสิ่งที่รู้กันสองฝ่ายอยู่แล้ว พูดเรื่องจัดงานว่าฝ่ายหญิงต้องออกเพราะจัดบ้านฝ่ายหญิง(ซึ่งจริงๆแม่จัดซองแม่ แต่ผมกับแฟนจัดซองผมกับแฟน)

ขั้นสอง ผมกับแฟนค่อยไปหาวัน เริ่มจะให้แม่แฟนหา ฤกษ์ต่างๆตามใจแกครับ เพียงแต่เราระบุห้วงเวลาเดือนไหนได้บ้างไปให้ พอวันมันไม่ได้ผมกับแฟนก็เลือกกันเอาเองครับ 5555

เรื่องรู้แบบงาน ก็ถามแม่แฟนครับว่าอยากได้แบบไหน เป็นไปตามบัตเจดของเราไหม ตรงไหนได้ไม่ได้


ผมคงโชคดีมั้งครับที่คุณแม่แฟนไม่โน้นนั้นนี่มาก ต้องขอบคุณทั้งบ้านผมบ้านแม่ที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้

เอาเคสผมนะฮะ พ่อแม่ทั้ง 2 ฝั่งไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย..

ก็บอกแฟนขอเรียนเชิญพ่อแม่แฟน หรือไม่เราก็ไปเชิญเองเลย มาทานข้าวกัน แล้วเราก็พาพ่อแม่เราไป (ถ้ามีผู้ใหญ่คนอื่นก็เชิญไปด้วย)

แล้วตกลงคุยกันแบบไม่มีพิธีการในวงโต๊ะนั่นล่ะฮะ ให้ผู้ใหญ่คุยกัน (เรานั่งกินเฉยๆ) ว่าอยากจัดงานแบบไหน เชิญใคร สินสอดเท่าไหร่

แล้วเอาบทสรุปในวงนั้น มาดำเนินการต่อ ในรูปแบบจัดงานตามพิธีการ จบ

ส่วนตัวผมนะ ผมคบกับแฟนมานาน ที่บ้านรู้จักกันดี วันนั้นก็ไปคุยรายละเอียดเลยครับ ว่าจะจัดงานที่ไหน วันไหนดี แขกฝ่ายบ้านผู้หญิงประมาณกี่คน ฝ่ายผมกี่คน ใครรับผิดชอบเรื่องไหน และที่สำคัญสินสอดเท่าไร โชว์อย่างเดียวหรือฝ่าย ผญ จะเอา ใครจะรับผิดชอค่าใช้จ่าย ซองใครจะเอา คุยให้เคลียวันนั้นอย่างเป็นทางการ รับรู้กันหมด ซึ่งก่อนจะถึงวันนี้ต่างฝ่ายก็ต้องไปคุยนอกรอบกับพ่อ-แม่ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนนะ ไม่ใช่มาบวกกันวันคุย 555

เผอิญบ้านผมค่อนข้างพิธีกรรม
แล้วก็เล่นใหญ่นะครับ

สู่ขอ
จะให้ผู้ใหญที่ทั้งสองฝ่ายนับหน้าถือตาร่วมไปคุยที่บ้าน
บอกว่าหนุ่มสาวได้คบหาชอบพอมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว
อยากให้ดองกันเป็นทองแผ่นเดียว เลยจะมาสู่ขอน้องไปเป็นสะใภ้
ทั้งนี้ส่วนมากจะตกลงฤกษ์ผานาทีคร่าว ๆ แล้วค่อยไปดูกับพระหรือโหร

สินสอด
ฝ่ายเจ้าสาวเรียกสินสอดตามหมาะสม แต่่ส่วนมากเค้าบอกแล้วแต่เจ้าบ่าว
เราก็ให้เป็นหน้าเป็นตา ไม่ต้องเยอะเว่อร์วังก็ได้

ขอเล่าจากที่เคยเจอ ก็ต้องทำการบ้านมาก่อนว่าจะแต่งงานกันนะหาฤกษ์ ฝ่ายผู้ชาย ผู้หญิงหาข้อมูลของตนเองมาคุยกัน กำหนดวันแต่ง ประมาณค่าสินสอด จัดงานที่ไหน ใครออกเงิน แต่ละฝ่ายจะเอากี่โต๊ะ ของชำร่วย

หลังจากนั้นก็นัดครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าว เจ้าสาวมาเจอกันก็แล้วแต่ว่าจะเจอกันที่ไหน ของที่ผมเจอคือไปกินข้าวกันที่บ้านเจ้าสาว แล้วก็คุยแนะนำตัวก่อน (ไม่เคยเจอกันมาก่อน) คนนี้พ่อแม่ฝ่ายหญิง พ่อแม่ฝ่ายชาย ญาติผู้ใหญ่ เถ้าแก่คนนี้นะ ในวันงานแต่ง สินสอดเอาเท่านี้นะ (ส่วนใหญ่ก็จะตอบกันว่าจัดมาเลยตามเหมาะสม แต่จริงๆก็รู้อยู่แล้วจากการหาข้อมูลของ 2 ฝ่าย) จัดงานเช้า เลี้ยงเย็น ที่โรงแรมนี้ๆ แล้วก็ปิดท้ายด้วยกินข้าว พูดคุยกัน แยกย้ายกลับเจอกันวันงาน

ของผมไปกับพ่อแม่น้อง ก็คุยกันว่าจะแต่ง พ่อแฟนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร
ส่วนเรื่องจัดเมื่อไหร่ยังไงก็จัดกันเอง

แต่ตอนน้องแต่งบ้านแฟนน้องบอกไม่เคร่ง แต่ไม่เคร่งคือหาฤกษ์วันแต่งต้องมาถามวันเดือนปีเกิดพ่อแม่เราไปหาฤกษ์

1. คุยกับแฟนว่าจะแต่งงาน
2. ต่างฝ่ายต่างไปคุยที่บ้าน ฝ่ายหญิงถามที่บ้าน สินสอดเท่าไหร่ ให้คืน/ไม่ให้คืน ใครออกค่าจัดงาน ใครเก็บซองแบ่งกันยังไง
ขั้นนี้สำคัญ ถามมาให้เคลีย ให้ชัด ตัวเลขอะไรยังไง ไม่ต้องเหนียม ไม่งั้นทะเลาะกันทีหลัง

3. กลับมาคุยกัน ว่าทางฝ่ายหญิงว่างี้ ฝ่ายชายโอเคไหม/ฝ่ายชายกลับไปคุยที่บ้านว่าไง โอเคไหม
จะต่่อรองอะไรก็แจ้งผ่าน แฟนตัวเองไป ไม่ต้องไปเอง(ยกเว้นผู้ใหญ่บอกให้เจ้าตัวมาเอง) หรือ ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ต่อรองกันเอง (ผมว่ามันกระอักกระอ่วน)
จนจบโอเค สรุปให้ชัดเจน

ถึงขั้นตอนนี้ถ้าฝ่ายชายไม่โอเค/ไม่พร้อม กับที่ฝ่ายหญิงต้องการ ก็ไม่ต้องไปขั้นตอนถัดไป
แล้วจะคบต่อหรืออะไรยังไงค่อยๆเคลีย

4. ถ้าตกลงกันได้ ค่อยนัดกินข้าวพ่อแม่/ผู้ปกครองทั้ง2 ฝ่ายมาเจอกัน พอเป็นพิธีว่าโอเคจะแต่ง แต่วันนี้ไม่ต้องคุยเรื่องเงินแล้ว (จะได้ไม่ต้องรู้สึกแปลกๆ เหมือนมาทำธุรกิจ)

ที่เคยเห็นประมาณนี้นะ

มาขนาดนี้ต้องเล่าแล้วละครับ 5555

รอฟังด้วยเลย

ของผมก็ไปขอแบบคุยปกติ มีแค่พ่อแม่เมียกับพ่อแม่ผม ผมกับเมียก็นั่งฟังไป

มีตอนพ่อตาบอก เงินสินสอด888,888บาท ทอง 18 บาท เพชรชุดนึง (บ้านเมียเชื้อจีน)

ด้วยความที่ผมสนิทกับพ่อตาแม่ยาย ผมเลยสวนกลับไปว่า

อย่างอื่นไม่ติดครับ แต่ทอง 8 บาท ก็พอมั้งครับ

เค้าก็สะดุ้งไป ไม่คิดว่าผมจะพูด แม่ยายก็บอก เออป๋าไม่ต้องเอาเยอะหรอก 5555555

สรุปก็ลดเหลือ 8 บาท วันแต่งจริงก็ยกสินสอดทุกอย่างให้เมียผมหมดไม่เก็บไว้ เมียผมเลยโอนไปให้ครึ่งนึง

พ่อตาบอกไม่เอา โอนมาทำไม ทำไปทำมาโอนมาให้เมียผมล้านนึง แล้วก็แจกลูกเค้าทุกคนอีกคนละล้าน

พ่อตาโคตรเอาเรื่อง รอบนี้เลยไม่โอนคืนแล้ว5555555555

ของผม ผมเข้าไปถามพ่อตาแม่ยายเลยครับ ว่าจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอนะ

พ่อตาแม่ยายบ่นผมเลย ว่าผมจะเข้ามาพูดเองแบบนี้ไม่ได้ ต้องให้ผู้ใหญ่มาพูด

ผมตอบไปว่า ผมไม่รู้จริงๆครับว่าต้องทำอย่างไร เลยเข้าไปถามตรงๆ

พ่อตาแม่ยายบอกว่า ให้ไปบอกพ่อแม่มาพูดสู่ขอกับพ่อตาแม่ยายเอง

เน้นว่ามาแค่พ่อแม่พอ ไม่ต้องมีเถ้าแก่หรือคนอื่นๆมา

ตกเย็นผมโทรไปหาพ่อ บอกว่า พ่อไปขอสาวให้หน่อย

พ่อถามมาว่า สาวไหนอีก คนไหน

ผมก็บอกว่า (ชื่อแฟนผม)ไง จะใครอีก แล้วก็นัดวัน ว่าจะไปสู่ขอวันไหน

พอถึงวัน ตื่นเต้นโคตรรรรรรรร ผมก็พาพ่อแม่เข้าไปคุย

ก็ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันไป เรานั่งฟัง พูดเสริมๆได้นิดหน่อย

ตกลงกันได้ก็สรุปว่า จัดงานที่บ้านแฟน (จัดที่โรงแรมนั่นแหละ) งานเช้าพอ เสร็จเที่ยง ไม่จัดงานเย็น

พ่อตาแม่ยายไม่เรียกสินสอด แล้วแต่ผมกับแฟนเลย แต่งเสร็จก็ไม่เอาสินสอด

ตอนพี่สาวแฟน 2 คนแต่งงาน ก็เงื่อนไขเดียวกัน แล้วแต่ลูกทั้งคู่เลย

ผมกับแฟนก็บอกจำนวนเงินกับทองไป พี่สาวแฟนก็เสริมว่าจำนวนเท่านี้ดีกว่านะ สวยดี

หลังจากนั้นก็หาฤกษ์ ฤกษ์ดี ฤกษ์สะดวก ก็ว่ากันไป ได้ฤกษ์มา มีเวลาเตรียมตัว 3-4 เดือน

3-4 เดือน อย่าคิดว่าว่านานนะ แม่มแปบเดียวจริงๆ เพราะระหว่างนั้นก็ทำงาน เตรียมงานไปคู่กัน

ให้พี่สาวเป็นแม่งาน เพราะถ้าจ้างอย่างเดียว ค่าจัดงานบานตะไท

เล่าแค่นี้พอครับ