เป็นคุณแบร์ลุส นี่เหนื่อยจริงๆ

ผมเข้าใจความรู้สึกนี้เลย เพราะตอนนี้ก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันครับ

ในแง่ของคนแก่ที่ยึดติดกับอะไรเดิมๆผมเข้าใจนะ ผมเคยเจอแบบ แค่ขยับเปลี่ยนของในสำนักงานนิดหน่อยยังมีปัญหาเลย

เคสแบบนี้ ผมแนะนำว่า ถ้าท่านต้องการสิ่งไหน
ให้คุยกับคุณพ่อในสิ่งที่ตรงกันข้ามไปเลย

สุดท้ายคนแบบนี้เค้าจะไม่เลือกด้วยเหตุผล
เค้าแค่อยากเอาชนะ หรืออีโก้สูงแค่นั้นเอง

อย่างเช่น ถ้าคุณอยากให้รับของมาขายในแหล่งที่ถูกกว่านี้
คุณต้องบอกคุณพ่อว่า เรารับเจ้าเดิมก็โอเคอยู่แล้ว
ถึงเจ้าใหม่มันจะถูกกว่า แต่ขี้เกียจเปลี่ยน
ใช้เจ้าเดิมไปเลย ขาดทุนช่างมัน รักษาน้ำใจดีกว่า


ถ้าสื่อไปแบบนี้ คุณพ่อเค้าจะคอยแย้งคุณแน่นอน
แล้วสุดท้ายเค้าจะย้ายไปเจ้าใหม่เอง

ถ้าเค้าไม่เคยเชื่อท่าน เค้าก็จะไม่เชื่อท่าน ไม่ฟังท่าน จนกว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่าง

พ่อแม่บางท่าน เค้าจะมองว่าเค้าผ่านมาได้หลายยุคแล้ว เค้าแกร่งกล้าวิชา บางคนมีอีโก้ติดมาพอสมควรอีก

แถมบางท่านอาจ ไม่อยากให้ลูกหลานเก่งกว่าตน เพราะกลัวจะเสียการปกครอง เสียการควบคุม กลัวเก่งกว่าแล้วลูกจะไม่เลี้ยง ไม่เชื่อฟัง บลาๆ
เลยไม่โอนง่าย ไม่ถ่ายงานให้

ผมแนะนำ จขกท ได้เพียงว่า 1.ถ้าไม่แสดงจุดยืนชัดเจนเด็ดขาดกับพ่อท่านไปเลย ท่านก็ต้องอยู่แบบนี้ต่อไป
2.ออกไปหาไรทำเอง ไม่ว่าจะงานประจำ ราชการ หรือว่าหาพาร์ทเนอร์ดีๆทำธุรกิจ หรือถ้ามีตัง ทุนหนา ก็ลองลงทุนหาไรทำเองเลย ยืนด้วยตัวเอง ตัดสินใจทางธุรกิจด้วยตัวเอง บริหารด้วยตัวเองเลยครับ ถ้ามันล้มหรือสำเร็จ ก็ตอบได้แน่ชัดละครับว่า ที่เรามอง ที่เราเสนอท่านไปหลายๆอย่าง เราคิดถูกจริงๆใช่มั้ยที่แนะนำไป

ปล.ผมเป็นกำลังใจให้ จขกท นะครับ ปัญหาพวกนี้ ถ้าบ้านไหนไม่เจอ จะไม่เข้าใจถึงความปวดหัวจริงๆ และการตัดสินใจที่ยากลำบากในทางเลือก ส่วนตัวผมไม่รับธุรกิจที่บ้านเลย ให้พี่ชายไปปวดหัวแทนแล้วตอนนี้ก็ชะตาเดียวกันแบบ จขกท เลย ไม่มีอำนาจการตัดสินใจใดๆ บริหารใดๆเลย เรียกว่า ไม่ถูกโอนงาน ถ่ายงาน ให้เลย

ปัญหานี้ผมเคยเป็นน่ะครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
ที่บ้านผมก็ขายของเหมือนกัน พ่อกับแม่ก็ทำแบบเดิมๆ เอาระบบอะไรมาก็ไม่ยอม เสนออะไรก็ไม่ได้
ลูกๆ อยู่ด้วยก็ไม่ค่อยไหว เลยรวมตัวกันออกมาเปิดอีกสาขาแยก ห่างสัก 30-40 โล
แล้วลองทำให้ดู ตอนแรกพ่อกับแม่ก็ไม่ชอบ ตอนนี้โอเคแล้วครับ พอมีระยะห่างบาง เค้าก็เริ่มฟังมากขึ้น
แต่ถ้าวันไหนเค้าทำกันไม่ไหวแล้ว เราค่อยกับไปทำแทน
ไม่งั้นก็เอาแบบพี่ชายผม ขอไปทำงานที่ออส ก็ลงเรียนไป ทำงานไป
พอกลับมาเค้าก็ว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เค้าจะฟังเรามากขึ้น

ต้องเริ่มจากการเปลื่ยนแปลงวิธีการทำงานที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายซิครับ มันคือการโชวมันสมองและความสามารถ
ถ้าใช้เงินเปลื่ยนแปลง ใครมีเงินก้เปลื่ยนได้ครับ

สิ่งสำคัญกว่าการใช้เงินคือ การยอมรับจากผู้รวมงานครับ เหมือนเราจะเป็นหัวหน้าก็ต้องได้ใจลูกน้อง
อยากให้มองพ่อท่านเป็นหัวหน้างานหนึ่งคน ท่านเป็นพนักงานใหม่แล้วต้องไต่ตำแหน่งครับ

สู้ๆนะครับ ถ้าท่านทำได้มันก็เป็นการพิสูจนแบบหนึ่งว่าท่านมีความสามารถบริหารกิจการจริงๆ
ไม่ใช่ได้บริหารเพราะเป็นลูกเจ้าของ เลยได้รับโอกาส เรื่องแบบนี้มันมีผลต่อการทำงานระยะยาวครับ
พ่อท่านพูดให้ตายท่านก็ไม่เข้าใจ เลยกลายเป็นขัดกัน