F1 : พื้นฐานการดู F1 ให้สนุก
หลังจาก F1 ฤดูกาลใหม่เปิดสนามแรกไปเมื่อวานนี้ ปรากฎว่าปีนี้ได้รับความสนใจจากแฟนๆมากกว่าปกติ มีแฟนๆหน้าใหม่เยอะทีเดียว แล้วก็เห็นคำถามในกระทู้ประมาณว่า การดูแข่งต้องดูยังไง แทคติกที่แต่ละทีมใช้มีอะไรบ้าง เลยจะมาอธิบายพวกรายละเอียด แทคติกที่ใช้ในการแข่งพื้นฐานให้คนที่สนใจฟัง เพื่อเวลาที่ดูแข่งจะได้ดูสนุกขึ้น
ทีมแข่ง + การเก็บคะแนน
F1 ปีนี้มีทีมลงแข่ง 10 ทีม แต่ละทีมส่งนักแข่งลงได้สนามละ 2 คน (รถ 2 คัน) อันนี้รายชือทีม + นักแข่งของปีนี้
นักแข่งสามารถเปลี่ยนตัวได้ระหว่างฤดูกาล (แต่ปกติไม่ค่อยทำกันหรอก) หรืออาจใช้นักแข่งสำรอง อย่างเมื่อวาน Sebastian Vettel ติดโควิดลงแข่งไม่ได้ ทีม Aston Martin ก็เอา Nico Hulkenberg มาขับสำรองให้แทน
การเก็บคะแนนจะเก็บคะแนนตามผลงานการแข่งแต่ละสนาม โดยอันดับ 1-10 จะได้คะแนน
และมีคะแนนพิเศษให้นักแข่งที่ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดของสนามนั้นๆ 1 คะแนน
ปีนึงก็จะแข่งกันหลายสนาม แล้วก็รวมคะแนนกัน อย่างปีนี้แข่ง 23 สนาม
** สนามที่ 17 Russia Grand Prix โดนยกเลิกไปแล้วจากภาวะสงครามแต่ยังไม่ประกาศว่าจะไปแข่งสนามสำรองไหนแทน**
ปกติจะแข่งกันช่วงสุดสัปดาห์ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยวันศุกร์จะเป็นการวิ่งซ้อม Free Practice Session 1-2 , วันเสาร์ เป็น Free practice 3 กับQualify และแข่งจริงบ่าย/ค่ำ วันอาทิตย์
แชมป์มี 2 อัน คือแชมป์ของนักแข่งคือนักแข่งที่มีคะแนนสะสมสูงสุดปีนั้นๆเมื่อจบฤดูกาลก็จะได้ไป
กับแชมป์ผู้ผลิต คิอเอาคะแนนของนักแข่งทุกคนในทีมรวมกันทีมไหนได้มากสุดก็ได้ไป
อย่างปีที่แล้วแชมป์นักแข่งคือ Max Verstappen ของ Red Bull Racing แต่ประเภททีมแชมป์เป็น Mercedes ได้
มาในส่วนการแข่ง ถ้าอยากดูให้สนุกก็ควรรู้เรื่องยางกับแทคติกการเข้าพิทแหละ
ยางแข่ง+ การเข้าพิท
ยางที่ใช้ใน F1 แต่ละปีทุกทีมต้องใช้ยางจากผู้ผลิตเจ้าเดียวกัน ปัจจุบันเป็น Pirelli ยางที่มีให้ใช้จะแบ่งเป็นยางสนามแห้งกับยางสนามเปียก
ยางสนามเปียกมีดอกยางมี 2 ตัว คือ Intermediate กับ Full wet เลือกใช้ตามระดับความเปียกของสนาม เปียกนิดๆกับเปียกชิบหายตามลำดับ
ยางสนามแห้ง จะเป็นยาง Slick คือไม่มีดอกยาง แบ่งตามความแข็งของเนื้อยาง C1-C5 ตามวามแข็งของเนื้อยางจากมากไปน้อย ซึ่งแต่ละสนาม ทางผู้จัดจะกำหนดยางให้แต่ละทีมใช้ 3 จาก 5 ชนิดนี้ กำหนดเป็นยาง Soft - Medium - Hard
ยาง Soft เกาะถนนดีสุด ทำความเร็วได้ดีสุด แต่ก็สึกไวสุดเหมือนกัน
ยาง Medium ทำความเร็วปานกลาง อายุการใช้งานปานกลาง
ยาง Hard ทำความเร็วได้น้อยสุด แต่ก็สึกช้าสุด
ยางใหม่จะประสิทธิภาพสูงสุด เกาะถนนดีสุดทำความเร็วได้เต็มที่ แต่เมื่อวิ่งไปยางจะสึกไปเรื่อยๆ ประสิทธิภาพยึดเกาะลดลง ทำให้รถช้าลงและควบคุมยากขึ้น F1 จึงมีการเข้า Pit เพื่อเปลี่ยนยาง โดยสนามนึงอาจเข้า Pitกัน 1 2 หรือ 3 ครั้งก็ได้
ซึ่ง F1 มันสนุกเพิ่มตอนการวางแผนที่แหละว่าจะวิ่งกันยังไร เริ่มด้วยยาง Soft เน้นทำความเร็วฉีกหนีในช่วงแรก แล้วเข้า pit ครั้งเดียวเปลี่ยนเป็นยาง Hard เพื่อวิ่งประคองตลอดการแข่งที่เหลือ หรือจะเข้าพิท 2 ครั้ง Soft - Medium -Soft ทั้งหมดแล้วแต่แผนแต่ละทีม สไตล์ของนักแข่งแต่ละคน และสถานการณ์ขณะที่แข่งด้วย
Undercut - Overcut
พูดถึงการเข้า Pit ก็ต้องพูดถึง Undercut-Overcut เพราะเป็นแทคติกที่ใช้กันเวลาแข่งเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง ถ้าเข้าใจก็จะทำให้ดูสนุกขึ้น
๊Undercut คือการเข้า Pit เปลี่ยนยางก่อนคู่แข่ง เพื่อเอายางใหม่มาไล่บี้แซงตอนที่คู่แข่งเข้า Pit
เช่น รถ A วิ่งนำรถ ฺB อยู่ โดยออกสตาร์ทพร้อมกัน ยางสึกพอๆกัน แต่ B ทำการ Undercut เข้าPit เปลี่ยนยางก่อน จากนั้นเอายางใหม่ที่ประสิทธิภาพยัง 100% มาไล่กวด A ที่ยางเริ่มสึก ถ้า A ตัดสินใจเข้า pit ในรอบต่อไป ก็อาจทำให้ B สามารถแซง Aขึ้นมาตอนที่เข้าpitได้ โดยอายุของยางต่างกันแค่ 1 รอบสนามเดียว
undercut จะดีในกรณีที่สนามเป็นสนามที่แซงกันยาก อย่างโมนาโกที่เป็น Street circuit ถนนค่อนข้างแคบหรือประสิทธิภาพรถทำให้การแซงกันในสนามแข่งทำได้ยาก
Overcut คือการเข้า Pit หลังคู่แข่ง โดยอาศัยจังหวะที่คู่แข่งเข้า Pit ในการเร่งฉีกหนีทิ้งระยะห่างออกไปเพื่อบีบให้ฝ่ายที่ตามทีตัดสินใจเข้า Pit ออกมาไล่ เมื่อวิ่งไปอีกระยะจึงเข้า pitเพื่อเปลี่ยนยางใหม่มาสู้กับรถคันตามที่เปลี่ยนยางไปก่อนและวิ่งหลายรอบแล้ว ทำให้รถคันที่ Overcut ได้เปรียบยางที่ใหม่กว่าในช่วงท้ายของการแข่งขัน
พวกนี้เป็นสาระเบื้องต้นที่จะช่วยให้ดูการแข่งได้สนุกขึ้น ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรก็ถามได้นะครับ ขอให้ทุกคนสนุกกับ F1 ฤดูกาลใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย Call down the thunder เมื่อ Tue Mar 22, 2022 00:05, ทั้งหมด 2 ครั้ง