เรื่องทำงาน เด็ก มหาวิทายาลัย รัฐท๊อปๆ เก่งกว่าสถาบันอื่นๆมากไหมครับ

ถ้าถามว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ก็ต้องยอมรับว่ามันต่างตั้งแต่ตอนคัดคนเข้าแล้วครับ

ไม่ได้จะมาจัดลำดับชนชั้นอะไรนะ แต่การเข้ามอพวกนี้ ถ้าไม่ใช่คนจีเนียสตั้งแต่แรก ก็ต้องเป็นคนที่มีความพยายามสูงในระดับนึง กลุ่มคนที่ได้เข้าไปเลยเป็นกลุ่มคนจีเนียสกับกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีความพยายาม มีความรับผิดชอบ อันนี้ผมพูดถึงค่าเฉลียนะ แน่นอนทุกมอมีคนเก่งคนไม่เก่งอยู่แล้ว

ลองเทียบง่ายๆนะ สมมติเทียบอคาเดมี่ บาร์ซ่า กับ นอริช งี้ก็ได้ มาตรฐานในการคัดคนเข้าไปมันก็ต่างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยังไม่พูดถึงว่าเข้าไปแล้วอุปกรณ์ วิธีการฝึกซ้อม บุคลากรโค้ช ก็มีความต่างอีก นอริชอาจจะมีเด็กอคะเดมี่โดดขึ้นมาเทพๆเลยซักคนนึง แต่เด็กบาร์ซ่าแทบทุกคนเล่นทีมกลางตารางได้หมด เพราะมาตรฐานสูงทั้งทีม ไอ่ตัวที่โดดก็คือโคตรโหดไปเลย

จากที่ผมสัมผัสมา "จริงครับ"

พูดว่าการทำงานมันก็กว้างไปหน่อย เพราะมันขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่าง การปรับตัว นิสัยส่วนตัวเยอะแยะมาก

ถ้าถามการเรียนรู้งานจาก start ที่ 0 เหมือนกัน ผมเอาตัวเองเทียบเลยละกัน ของผมม.รัฐดังสุดในภาคเหนือ

เทียบกับจุฬา เกรดจบพอๆกันเลย แต่เค้าหัวไวเรียนรู้งานไวกว่าผม การเชื่อมโยงต่างๆไวและคิดต่อยอดได้ดี

แต่เรื่องเข้ากับคน การทำงานร่วมกับคนอื่นนี่ไม่เกี่ยวว่าจะจบจากที่ไหน เค้าถึงมีคำพูดจบจากม.ดังแต่ทำงานไม่เป็น

แต่จริงแล้วคนจบจาก ม. top tier ประเทศมันจะโดดเด่นกว่าพวกอยู่ละ ปูมหลังพวกเรียนม. top tier แต่ละคนมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

มันแข่งขันสูงมมาตั้้งแต่ก่เข้ามหาลัย จนถึงการเรียนจริงๆ วิธีคิดไรงี้ ผมว่าส่วนใหญ่เเก่งกว่า แต่มากน้อยอีกเรื่องนึงครับ

มากครับ ยิ่งเป็นงานที่ระดับcareer path โตไปเป็นพวกConsult, specialist ผมเองเป็นคนสัมภาษณ์น้องๆพวกนี้บ่อย ระดับของมหาลัยสร้างคนออกมาแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ (ตัวงานเป็นตัวสกรีนเด็กพวกนี้เข้ามาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็มีพลาดๆหลุดมาบ้าง)

จริงมากครับ เหมือนคิดไปอีก ครึ่งก้าว

แนวคิดบางอย่าง นี้คิดไม่ออก แต่พวกนี้คิดได้เฉย

ที่ทำงานเก่าจริงครับ

ถ้าเอาภาพรวมใช้คำว่าเหนือกว่าอย่างเห็นได่ชัดเลยครับ
กระบวนการคิดวิเคราะห์การประยุกต์ไหวพริบต่างๆที่ดีกว่าชัดเจน
วิชาการแน่น มองภาพรวมออก คิดข้ามเองได้หลายสเต็ป


เอางี้ดีกว่า เอาการรับคนเข้าทำงานของบริษัทดังๆมาวัดละกัน

คุณคิดว่าในประเทศไทยที่คณะบัญชีกี่สิบกี่ร้อยที่
แต่บริษัทบิ๊กโฟร์รับเด็กจบการจุฬามธสองที่รวมกันสองมอก็เกินครึ่งนึงไปแล้ว

คุณภาพเด็กมันดีจนแม้แต่คุณจบเกรด2.00 เขาก็ยังเลือกรับคุณมากกว่าจบเกรด4.00ของหลายๆที่อะ
กล้าพูดเลยว่าเพื่อนที่รุ่นเดียวกันทุกคนที่รู้จัก ไม่ว่าเกรดแย่แค่ไหน ถ้าอยากทำงานบิ๊กโฟร์ ไม่มีใครไม่ได้ทำ
ซึ่งมออื่นต้องท็อประดับนึงถึงเข้าได้

เรื่องพวกนี้ก็มาจากประสบการณ์ของบริษัทชั้นนำที่เขามั่นใจว่าเด็กจบมอนี้มา คุณภาพมันโดดเด่นเหนือที่อื่นจรืงๆ

ผมเทียบจากเด็กฝึกงานเลยได้มั้ย ทุกปีก็ทำคล้ายๆเดิม

เอาหนังสือให้เด็กอ่าน > สอนงาน > เริ่มช่วยงาน > ให้งานทำ

เด็ก ม.ชั้นนำ ระดับเทพก็อ่านเสร็จช่วยงานได้เลย God tier ที่เคยเจอคือมาทำงานด้วยกันได้เลย แค่อธิบายอะไรเพิ่มนิดหน่อย เก่งมาก ไวมาก

ถ้าทั่วๆไปก็ตามสเต็ปทัน ไม่มีปัญหา

ประเด็นคือ เด็กมหาลัยท้องถิ่นในจังหวัด หรือ พวกไม่ใช่ top tier บางคน ติดอยู่ขั้นสอนงานจนฝึกงานจบเลยก็มี

เรื่องการเข้าสังคม top tier ก็เข้าถึงยากตามกันไปคับ เป็นทุกรุ่นเลย

ตรรกการคิดวิเคราะห์ การรวดเร็วในการทำความเข้าใจ คือค่อนข้างแตกต่าง
บางคนเราพูดแค่ขั้น 3 ก็เข้าใจได้ถึงขั้น 8 ขั้น 9 แล้ว

จากประการณ์ที่เจอน้องมาฝึกงาน น้องมหาวิทยาลัยรัฐท๊อปๆ มีทัศนคติ ความรับผิดชอบ ความเก่ง มีมากกว่าเห็นได้ชัดครับ

ทุกสถาบันมีทั้งคนเก่งและคนโง่ ไม่เว้นแม้แต่จุฬา

แต่ถ้าวัดค่าเฉลี่ยสถาบันท๊อปๆ มาตราฐานดีกว่าเยอะ

สถาบันท๊อปๆคือมา 10คนใช้ได้ 8-10

ส่วนสถาบันธรรมดามา 10 ใช้ได้จริงๆเหลือสัก 4-6

ค่อนข้างจริงครับแต่ก็ไม่เสมอไป วิธีการคิดการเชื่อมโยงค่อนข้างโอเคกว่าเยอะแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนเพราะแผนกผมมีเด็กจบจากมหาลัยรัฐตัวท็อปภาคอีสานเกียรตินิยม วันๆไม่ทำอะไรเลยนั่งแต่งหน้าไปวันๆ กูละงงเลย

จริงครับ ชัดเจนมากๆ เคยไป Orientation ก่อนเริ่มงาน การทำงานกลุ่ม เจอเด็กจุฬา ธรรมศาสตร์ หัวอย่างไบรท์ เข้าใจอะไรไวมาก ทำงานเร็ว แปปเดียวประมวลผลงานเสร็จ เหมือนคอมพิวเตอร์ที่อัพเดต CPU และ RAM มาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าถามว่ามาจากมหาลัยมั้ยอาจจะส่วนนึง แต่ผมว่าได้มากันก่อนหน้านั้นอีกที่หล่อหลอมให้มาได้ถึงขนาดนี้ ต้องแข่งขันกับคนอื่น พัฒนาตัวเอง เสียสละเวลากันไปเท่าไหร่อะ กว่าจะมายืนจุดนั้นได้ อีกอย่างที่สัมผัสก็ไนซ์และไม่ได้มีอีโก้นะครับ มีรับฟังความคิดเห็น Discuss กันได้ แทบทุกคนเลยแต่เด็กสายศิลป์นะ แต่ถ้าสายวิทย์ก็ไม่แน่

Mindset Logic แตกต่างชัดเจนครับ บางทีเด็กมันเก่งเกินหัวหน้างานจนทำงานด้วยกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

เพราะว่าระบบมันไม่ productive เด็กมันก็ออก คนทำงานเลยมักจะคิดว่าไม่อดทน